กัวลาลัมเปอร์--28 มิ.ย.--เบอร์นามา-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
ปิโตรนาส กรุ๊ป มีผลการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งหนึ่งในปีงบการเงินซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2550 ท่ามกลางบรรยากาศของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซทั่วโลกที่มีความซับซ้อนและความท้าทายเพิ่มขึ้นทุกขณะ ในช่วงปีงบการเงินดังกล่าว ราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมการขนส่งที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในประเทศจีนและอินเดีย ขณะที่ภาวะอุปทานที่มีปัญหาในอลาสก้าและไนจีเรีย ประกอบกับความตึงเครียดทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ในตะวันออกกลาง ต่างส่งผลให้เกิดความวิตกต่อความมั่นคงของอุปทานมากยิ่งขึ้น
อุปสงค์ที่แข็งแกร่งขึ้นในขณะที่มีปัจจัยคุกคามภาวะอุปทานที่ติดขัดมากขึ้น รวมทั้งการขาดศักยภาพด้านการกลั่นทั่วโลก และการจำกัดการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปค เป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูงในระหว่างปีงบการเงินดังกล่าว ราคาน้ำมันเฉลี่ยของ West Texas Intermediate (WTI) และน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มสูงขึ้น 8.5% และ 12.2% ตามลำดับ โดยขึ้นไปแตะที่ระดับ 64.92 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และ 65.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามลำดับ ด้านราคาเฉลี่ยของน้ำมันดิบมาเลเซีย (MCO) พุ่งขึ้นในอัตรา 68.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้น 11.2% ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ด้านราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมขนส่งเป็นหลัก ต่างขึ้นไปยืนอยู่ที่ราคาเฉลี่ย 74.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (66.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีที่แล้ว) และ 77.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (68.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีก่อนหน้านี้) ตามลำดับ
กิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับปัจจัยกระตุ้นจากราคาน้ำมันและอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นได้ผลักดันให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นเช่นกัน และบ่อยครั้งที่ราคาสูงขึ้นโดยไม่ได้สัดส่วนกับการขึ้นราคาน้ำมันดิบ อาทิ ราคาต้นทุนต้นน้ำที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 21% ระหว่างปี ซึ่งเป็นอัตราราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ต้นทุนที่สูงขึ้นและการขาดแคลนความสามารถในด้านวิศวกรรมและการก่อสร้าง ประกอบกับการขาดแคลนบุคลากรที่มีประสบการณ์ ทำให้โครงการเกิดความล่าช้าและส่งผลกระทบในด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และคุณภาพของการดำเนินการต่างๆ ต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ส่งผลกระทบทางลบต่อสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันและโครงการต่างๆที่ได้มีการวางแผนไว้ ซึ่งส่งผลให้โครงการหลายโครงการถูกเลื่อนออกไป โดยสรุปแล้ว ในช่วงของการทบทวนจะเห็นว่าบริษัทที่ทำธุรกิจน้ำมันและก๊าซทั่วโลกได้ดำเนินงานท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีความท้าทายในระดับสูง ขณะที่ต้นทุนที่สูงขึ้นได้บดบังราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงเช่นกัน
แม้ว่าสภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรมจะเป็นเช่นนี้ ปิโตรนาส กรุ๊ป ก็ยังสามารถทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.84 แสนล้านริงกิต และกำไรก่อนหักภาษี 7.63 หมื่นล้านริงกิต ซึ่งสถิติรายได้และกำไรนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากระดับปีที่แล้ว ส่วนบัญชีรายรับและรายจ่ายของกลุ่มยังคงแข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์ทั้งหมดที่เพิ่มขึ้น 7.9% แตะระดับ 2.94 แสนล้านริงกิต ส่วนเงินทุนของผู้ถือหุ้นได้ขยายตัวขึ้น 16.3% แตะ 1.70 แสนล้านริงกิต ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนจากทุนที่ใช้ (ROACE) ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 40.9% โดยประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกลุ่มอยู่ในระดับเที่ยบเท่าหรือดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับบริษัทรายอื่นๆในอุตสาหกรรม
ประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานและการเงินที่โดดเด่นของปีนั้นเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จของยุทธศาสตร์การผนวกรวม การเพิ่มมูลค่า และโลกาภิวัฒน์โดยรวมของกลุ่ม ซึ่งยุทธศาสตร์นี้เมื่อนำมารวมกับนโยบายด้านการบริหารที่มีประสิทธิภาพของกลุ่มและความเป็นเลิศด้านการดำเนินการได้ช่วยสนับสนุนและยังคงส่งเสริมให้ปิโตรนาสรับมือกับความท้าทายต่างๆที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซที่มีความผันผวนและไม่สามารถคาดการณ์ได้ ยิ่งไปกว่านั้น การมุ่งเน้นในเรื่องประสิทธิภาพด้านการดำเนินการและความน่าเชื่อถือของปิโตรนาสอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งลักษณะโดยธรรมชาติของการดำเนินงานของกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากต้นทุนด้านการดำเนินการที่สูงขึ้นอย่างไม่ได้สัดได้ส่วน ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้กลุ่มสามารถทำผลประกอบการได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: ปิโตรนาส
ติดต่อ: อัซมาน อิบราฮิม
แผนกสื่อมวลชนสัมพันธ์
โทร. +603-2331 2140
เว็บไซต์: http://www.petronas.com.my
สำหรับรายงานเอกสารชิ้นเต็ม สามารถดูได้ที่ www.asianetnews.net โดยเสิร์ชคำว่า 'Petronas'