ออร์แลนโด, ฟลอริดา--5 เม.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์ — เอเชียเน็ท / อินโฟเควสท์
ไซโตเทค แล็บส์ (Cytotech Labs) บริษัทเภสัชกรรมในเมืองบอสตัน ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มบริษัท เบิร์ก ฟาร์มา อิงค์ (Berg Pharma, Inc.) เช่นเดียวกับบริษัท เบิร์ก ไบโอซิสเต็มส์ (Berg Biosystems) และ เบิร์ก ไดแอกนอสติกส์ (Berg Diagnostics) นำเสนอมุมมองใหม่เกี่ยวกับผลงานต้นแบบของ อ็อตโต วอร์เบิร์ก (Otto Warburg) เจ้าของรางวัลโนเบล โดยสมมติฐานวอร์เบิร์ก (Warburg Hypothesis) ยืนยันว่า เซลล์มะเร็งใช้การสลายโมเลกุลของอาหารแบบไม่ใช้ออกซิเจน (anaerobic respiration) และการผลิตแลกเตต (lactate) ในการแลกเปลี่ยนกับ evasion of apoptosis, การตายของเซลล์แบบที่มีการโปรแกรมไว้แล้ว (programmed cell death) และเอกลักษณ์เฉพาะอื่นๆของเซลล์ที่แข็งแรง อาทิ ไมโตคอนเดรียที่ทำงานปกติ พลังงานของเซลล์ และศูนย์กลางการทำเมตาบอลิก ทั้งนี้ การวิจัยสาขานี้มีความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาสำหรับการรักษาโรคต่างๆ
(โลโก้: http://photos.prnewswire.com/prnh/20110404/CL76842LOGO )
การใช้ Berg Biosystems Interrogative Biology(TM) discovery platform เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเชาวน์ทางชีววิทยา (biological intelligence) ซึ่งมีความสำคัญสำหรับการพิสูจน์ว่า molecule ubidecarenone ซึ่งเป็นโคเอนไซม์ที่ส่งคลื่นอิเล็กตรอนแม้ไมโตคอนเดรียในเซลล์มะเร็งจะถูกทำลายจนหมดไป โดยเปลี่ยนจากการพึ่งพาอาศัยการผลิตแลกเตตไปเป็นการสร้าง "breach of contract" ระหว่างเซลล์มะเร็งกับสภาพแวดล้อมเมตาบอลิกที่เหมาะสม ดร.ราล์ฟ เวชเซลบอม (Dr. Ralph Weichselbaum) ซึ่งเป็นศาสตราจารย์จาก D.K. Ludwig และเป็นประธานฝ่ายรังสีและเซลล์มะเร็งจากโรงเรียนแพทย์พริตซ์เกอร์แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก กล่าวว่า “ผมแปลกใจและประทับใจมากกับนวัตกรรมของไซโตเทค รวมถึงวิธีการโดยรวมในการใช้ Berg systems biology platform ในการพัฒนาหนทางใหม่สู่การคิดค้นยารักษาโรค”
ไนเวน อาร์ นาเรน (Niven R. Narain) ผู้ค้นพบดั้งเดิมซึ่งปัจจุบันเป็นประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (ซีทีโอ) ของ เบิร์ก ไบโอซิสเต็มส์ ในบอสตัน, เป็นซีทีโอรุ่นบุกเบิกของ ไซโคเทค แล็บส์ และเป็นอดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยมะเร็งผิวหนังจากโรงเรียนแพทย์มิลเลอร์แห่งมหาวิทยาลัยไมอามี ซึ่งเป็นที่ที่มีการวิจัยต้นแบบเกี่ยวกับมะเร็ง กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สืบทอดงานของนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่อย่าง อ็อตโต วอร์เบิร์ก เพื่อคลี่คลายปริศนาเกี่ยวกับกลไกซึ่งเราสงสัยมานาน ด้วยการใช้กระบวนการทางระบบซึ่งช่วยให้เราสามารถระบุจุดแรงดันในกระบวนการเมตาบอลิซึมของเซลล์มะเร็ง ความเข้าใจกระบวนการเปลี่ยนแปลงชีวพลังงานซึ่งเป็นตัวควบคุมยีน ช่วยเปิดหนทางใหม่ไปสู่การรักษาโรคอื่นๆ อย่างโรคหัวใจ เบาหวาน และอัลไซเมอร์”
ไซโตเทค แล็บส์ มีการพัฒนาทางคลินิกที่ทันสมัยกว่าทุกบริษัทที่ศึกษาเรื่องกระบวนการเมตาบอลิซึมของมะเร็ง โดยมีการทดสอบขั้นปลายด้วยการใช้ยาเฉพาะที่ API 31510 บนมะเร็งผิวหนัง และกำลังทำการทดสอบขั้นที่ 1 ว่าด้วยการทนต่อยา ความปลอดภัย และการเพิ่มปริมาณยา ด้วยการใช้ยาฉีดเข้าเส้นเลือดใหญ่แบบกระจายตัว API 31510 สำหรับมะเร็งเป็นก้อนระยะลุกลาม ทั้งนี้ พอล วาย ซอง (Paul Y. Song) ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของไซโตเทค กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกที่ต้องสูญเสียพ่อไปเพราะโรคมะเร็ง ผมเห็นชัดเจนเลยว่าต้องมีการพัฒนาวิธีใหม่ในการรักษาโรคมะเร็ง ผมรู้สึกตื่นเต้นกับนวัตกรรมของบริษัทเรา และดีใจที่เราคิดนอกกรอบในการพัฒนาขอบเขตความรู้ใหม่ในการรักษาโรคมะเร็ง”
ไซโตเทครักษาความสัมพันธ์ด้านการวิจัยและการประสานงานกับโรงเรียนแพทย์มิลเลอร์แห่งมหาวิทยาลัยไมอามี นับตั้งแต่ที่มีการอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีจากแผนกผิวหนังและการผ่าตัดผิวหนังภายใต้การดูแลของ ดร.ลอว์เรนซ์ เอ แชชเนอร์ (Lawrence A. Schachner) ซึ่งเป็นประธานและศาสตราจารย์จาก Harvey Blank ทั้งนี้ มิทช์ เกรย์ (Mitch Gray) ประธานและซีอีโอของบริษัท พาร์ธไฟน์เดอร์ แมเนจเมนท์ อิงค์ (Pathfinder Management, Inc.) บริษัทบริหารจัดการไพรเวทอิควิตี กล่าวว่า “เราเล็งเห็นถึงควมสำคัญของการสร้างความร่วมมือในอุตสาหกรรมเชิงวิชาการ และได้สร้างโมเดลเพื่อสืบทอดคุณประโยชน์ของการดูแลรักษาผู้ป่วยในขั้นตอนสุดท้ายแบบองค์รวม” ทั้งนี้ เกรย์มีมุมมองสอดคล้องกับนาเรน และศาสตราจารย์ เอเมอริทุส ซัง แอล เซีย (Emeritus Sung L. Hsia) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาและเพื่อนร่วมงานผู้ล่วงลับว่า “การพัฒนาการค้นพบระดับมหาวิทยาลัยให้เป็นการรักษาทางคลินิกอย่างเต็มรูปแบบภายในไม่กี่ปีถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์”
การประสานงานระหว่างกันในปัจจุบันประกอบด้วยการประสานงานระหว่าง ดร. ฮวาคิน เจ จิเมเนซ (Dr. Joaquin J. Jimenez) รองศาสตราจารย์ด้านผิวหนังและการผ่าตัดผิวหนัง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำแบบจำลองเนื้องอกในสัตว์และ chemotoxicity กับ ดร.เอดูอาร์โด เดอ มาร์เชนา (Dr. Eduardo De Marchena) รองคณบดีคณะอายุรศาสตร์ระหว่างประเทศและศาสตราจารย์ด้านอายุรศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมโครงการของทดสอบทางคลินิกระหว่างประเทศสำหรับยารักษามะเร็ง API 31510 ของไซโตเทค ผ่านสถาบัน UM International Medicine Institute
เกี่ยวกับ ไซโตเทค แล็บส์
ไซโตเทค แล็บส์ เป็นบริษัทคิดค้นยาซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ บริษัทให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการเปลี่ยนแปลงของกระบวนการเมตาบอลิซึม ซึ่งสัมพันธ์กับการเกิดโรค โรคสำคัญที่บริษัทให้ความสนใจเป็นพิเศษคือโรคมะเร็ง เบาหวาน รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ บริษัทมีเทคโนโลยีมากมายที่อยู่ระหว่างการพัฒนาขั้นต้น ซึ่งจะทำให้กิจกรรมการทดลองทางคลินิกขั้นปลายว่าด้วยโรคมะเร็งมีความสมบูรณ์ ทั้งนี้ การใช้ยาที่ค้นพบใหม่โดยได้รับอนุญาตจาก เบิร์ก ไบโอซิสเต็มส์ ซึ่งแปรผลผลิตทางชีวภาพเป็นการรักษาโรคที่นำมาใช้ได้จริง รวมถึงข้อมูลตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่แข็งแกร่ง ไซโตเทคจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในอนาคต
เกี่ยวกับ เบิร์ก ไบโอซิสเต็มส์
เบิร์ก ไบโอซิสเต็มส์ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นผู้คิดค้นวิธีการใหม่ๆด้านชีววิทยาระบบ และใช้วิศวกรรมระบบและโมดูลชีวสารสนเทศในการตรวจสอบไขว้ (cross-validate) ผลผลิตทางชีวภาพ แพลตฟอร์มคิดค้นตัวยา Berg Interrogative Biology(TM) Drug Discovery Platform ช่วยให้สามารถพิสูจน์วิธีรักษาและตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่อาจนำไปคิดค้นและพัฒนายาตัวใหม่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทั้งนี้ บริษัทใช้แม่แบบชีววิทยาระบบเครือข่ายในการจัดการกับโรคเกี่ยวกับพยาธิสรีรวิทยา
เกี่ยวกับ โรงเรียนแพทย์มิลเลอร์แห่งมหาวิทยาลัยไมอามี
โรงเรียนแพทย์ลีโอนาร์ด เอ็ม มิลเลอร์ แห่งมหาวิทยาลัยไมอามี ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2495 เป็นโรงเรียนแพทย์แห่งแรกในรัฐฟลอริดา โรงเรียนแพทย์มิลเลอร์ตั้งอยู่ในกลุ่มอาคารของมหาวิทยาลัยไมอามี/ศูนย์การแพทย์แจ๊คสันเมโมเรียล บนพื้นที่ 100 เอเคอร์ในรัฐไมอามี ศูนย์การแพทย์ดังกล่าวประกอบด้วยโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย 3 โรงพยาบาล รวมกันเรียกว่าระบบสุขภาพของมหาวิทยาลัยไมอามี (UHealth) ซึ่งประกอบด้วย โรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยไมอามี ศูนย์มะเร็งครบวงจรซิลเวสเตอร์ และสถาบันจักษุบาสคอม ปาล์มเมอร์ สำหรับโรงพยาบาลหลัก 3 แห่งในเครือของเราประกอบด้วย โรงพยาบาลแจ๊คสัน เมโมเรียล, โรงพยาบาลเด็กฮอลต์ซ และศูนย์การแพทย์ไมอามี วีเอ ทั้งนี้ นักเรียนโรงเรียนแพทย์มิลเลอร์ทำโครงการวิจัยกว่า 1,700 โครงการทั้งในด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานและการดูแลรักษาทางคลินิก บนพื้นที่วิจัยขนาดรวมกว่า 500,000 ตารางฟุต นอกเหนือจากหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิตแล้ว ทางโรงเรียนยังมีหลักสูตร B.S./M.D. ซึ่งรวมหลักสูตร M.D./Ph.D. ใน 9 สาขา, หลักสูตรหลังปริญญาเอก และคอร์สการศึกษาต่อเนื่องของแพทย์
แหล่งข่าว: ไซโตเทค แล็บส์
ติดต่อ:
แอชลีย์ พ็อตส์ (Ashley Potts)
โทร: +1-617-939-1071
AsiaNet 44097
-- เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net ) --