วอชิงตัน--2 พ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น ตำหนิการนำเงินงบประมาณโครงการสาธารณสุขและโรคเอดส์ของประเทศไทยไปใช้จ่ายในด้านการประชาสัมพันธ์
ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น (USA For Innovation) ยินดีกับการตัดสินใจของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ที่ยังคงจัดอันดับให้จีนและรัสเซียอยู่ในสถานะประเทศที่ต้องถูกจับตามองเป็นพิเศษ (Priority Watch List-PWL) โดยทั้งสองประเทศมีการปกป้องลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาในระดับที่ย่ำแย่ รวมทั้งการจัดประเทศไทยให้อยู่ในรายงาน "Special 301" ที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นรายงานที่ระบุถึงกลุ่มผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐในระดับโลก
จดหมายลงวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2550 ของเคน อาเดลแมน ผู้อำนวยการบริหารของยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น ถึงซูซาน ซี. ชว๊อบ หัวหน้าผู้แทนการค้าสหรัฐ เป็นความพยายามที่จะปกป้องลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งถูกบิดเบือนในประเทศไทย นับแต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกโค่นล้มอำนาจด้วยการทำรัฐประหารโดยกองทัพเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา พันธมัตรลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญานานาชาติ (IIPA) ซึ่งเป็นความร่วมมือขององค์การการค้า 7 แห่งที่เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมที่ขึ้นทะเบียนลิขสิทธิ์ ได้ระบุในคำแนะนำประจำปีถึงยูเอสทีอาร์ว่า ระดับการละเมิดลิขสิทธิ์ของประเทศไทยในช่วงพ.ศ. 2548-2549 ยังคงที่หรือเพิ่มขึ้นในทุกประเภท (ดนตรีและแผ่นเสียงและภาพ ธุรกิจซอฟท์แวร์ ซอฟท์แวร์เพื่อความบันเทิง หนังสือ และภาพยนตร์)
นอกจากนี้ในจดหมายฉบับดังกล่าวยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขที่ประกาศใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา (Compulsory License) ต่อเทคโนโลยีการแพทย์ของสหรัฐและยุโรป ภายใต้ข้อตกลงด้านปฏิญญาว่าด้วยข้อตกลง Trade-Related Aspects of Intellectual Property (TRIPs) ขององค์การการค้าโลก (WTO) "ขณะที่รัฐบาลไทยไม่สามารถบังคับใช้การปกป้องลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาที่กำลังเป็นปัญหานั้น กระทรวงสาธารณสุขกลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงด้วยการประกาศเจตจำนงค์ใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยาโดยรัฐบาล...ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการขโมยสินทรัพย์ของสหรัฐบนท้องถนนในกรุงเทพฯและการขโมยสินทรัพย์ของสหรัฐในระบบสาธารณสุขของประเทศไทยนั้นคือ การขโมยสินทรัพย์ของสหรัฐในระบสาธารณสุขของประเทศไทยเป็นการกระทำที่ถูกแทรกแซง ได้รับการยอมรับและสนับสนุนโดยรัฐบาลไทย"
แถลงการณ์จากยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น
"รายงาน "Special 301" เป็นรายงานที่นักลงทุนและกลุ่มธุรกิจของสหรัฐใช้เพื่อระบุถึงวิธีการและสถานที่ที่มีการใช้จ่ายเงินในตลาดต่างประเทศ ชาวอเมริกันรู้สึกว่าควรจะมีการเคารพลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาของพวกเขาก่อนที่จะมีการจัดตั้งบริษัทเพื่อหารายได้ในทวีปเอเชีย ในบรรดาประเทศที่อยู่ในรายชื่อที่ต้องจับตาเป็นพิเศษนั้น ประเทศไทยถูกจัดอันดับเป็นสถานที่ที่อันตรายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในเรื่องลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาของอเมริกา แม้กระทั่ง จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านการละเมิดลิขสิทธิ์ยังแสดงให้ว่า การปราบปรามการละเมิดลิขสิทธ์ก้าวหน้าบ้าง ดังนั้นการดำเนินงานของประเทศไทยที่ย่ำแย่กว่าจีนจึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังยิ่ง"
การให้ความสัมพันธ์การประชาสัมพันธ์เหนือการสาธารณสุข
นอกจากนี้ ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น ได้ระบุรายงานที่บ่งชี้ว่า รัฐบาลจะใช้จ่ายเงินมูลค่า 6 แสนดอลลาร์สหรัฐเพื่อประชาสัมพันธ์ตอบโต้กับยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น ที่สร้างประเด็นซึ่งก่อให้เกิดความกังวล
แถลงการณ์จากยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น
"เราขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่รัฐบาลได้ตัดสินใจที่จะนำเงินออกไปใช้นอกภาคสาธารณสุขเพื่อเป้าหมายนี้ในทันที งบประมาณสำหรับการประชาสัมพันธ์ดังกล่าวควรเป็นงบประมาณก้อนใหม่สำหรับสาธารณสุข รัฐบาลชุดปัจจุบันของไทยไม่อาจได้รับการยอมรับเรื่องการให้ความสำคัญระดับฉุกเฉินด้านสาธารณสุขได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลยังคงโยนเงินทิ้งไปกับโครงการที่ไร้สาระ
หากต้องการรับทราบรายงานข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์อังกฤษ เกี่ยวกับการประกาศของนายกรัฐมนตรี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ประกาศใช้เงิน 6 แสนดอลลาร์สหรัฐเพื่อประชาสัมพันธ์ตอบโต้ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ < http://www.alertnet.org/thenews/newsdesk/BKK159154.htm >
ที่มา: ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น
เกี่ยวกับยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น
ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีความมุ่งมั่นในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่นให้ข้อมูลแก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ สื่อ และประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อนวัตกรรม หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อที่หมายเลข 866-646-8668 หรือ maura@usaforinnovation.org
ติดต่อ: ยูเอสเอ ฟอร์ อินโนเวชั่น , 866-646-8668
john@usaforinnovation.org
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )--