ปามโปลนา, สเปน--7 ก.ค.--พีอาร์นิวสไวร์ — เอเชียเน็ท / อินโฟเควสท์
- การประเมินของ ENRY ในผู้ป่วย 325 รายยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการรักษาด้วยวิธีอุดเส้นเลือดด้วยรังสี (Radioembolisation) ในผู้ป่วยที่เป็นโรคระยะรุนแรงและประชากรเฉพาะกลุ่มที่อาจได้ประโยชน์จากการรักษาด้วยวิธีการดังกล่าว
ข้อมูลการวิเคราะห์ของเครือข่ายศูนย์ความร่วมมือในยุโรปว่าด้วยวิธีอุดเส้นเลือดด้วยรังสี Yttrium-90 Resin Microspheres (ENRY) ที่มีต่อผลลัพธ์ระยะยาวเกี่ยวกับการรอดชีวิตและความปลอดภัยของการรักษาด้วยวิธีอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นเนื้องอกตับระยะเริ่มต้นที่ไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัด ได้รับการเผยแพร่ในรูปแบบออนไลน์ในวารสาร Hepatology ของสมาคมศึกษาโรคตับแห่งอเมริกัน (American Association of the Study of Liver Diseases)[1]
การประเมินผลในผู้ป่วยมะเร็งตับระยะเริ่มแรกที่ไม่สามารถรักษาด้วยการวิธีการผ่าตัด (มะเร็งเซลล์ตับที่ไม่สามารถผ่าตัดได้) จำนวน 325 คนที่ได้รับรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคตับ นักวิทยาด้านเนื้องอก นักรังสีวิทยาด้านการผ่าตัด และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ณ ศูนย์การแพทย์ 8 แห่งในเยอรมนี อิตาลี และสเปน ได้แสดงถึง “หลักฐานที่ชัดเจนซึ่งบ่งบอกถึงอัตราการรอดชีวิตจากการรักษาด้วยวิธีอุดเส้นเลือดด้วยรังสี ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยระยะรุนแรงและผู้ที่มีทางเลือกในการรักษาไม่มากนัก” ดร. นพ. บรูโน ซานโกร (Bruno Sangro) ศาสตราจารย์ด้านวิทยาตับประจำศูนย์วิจัยโรคตับของมหาวิทยาลัย Clinical University of Navarr ในเมืองปามโปลนา ประเทศสเปน และประธานกลุ่ม ENRY กล่าว
เกี่ยวกับมะเร็งเซลล์ตับ
มะเร็งเซลล์ตับ (Hepatocellular carcinoma: HCC) มักเกิดในผู้ที่ตับถูกทำลายอย่างรุนแรง หรือเป็นโรคตับแข็งอันเนื่องมาจากโรคตับอักเสบและโรคพิษสุราเรื้อรัง มะเร็งชนิดนี้เป็นหนึ่งใน 10 โรคมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในโลกด้วยจำนวนผู้ป่วยเกือบ 750,000 รายในแต่ละปี และเป็นสาเหตุสำคัญอันดับ 3 ของการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง[2] มะเร็งเซลล์ตับมักพบได้บ่อยที่สุดในภูมิภาคที่มีการตรวจวินิจฉัยโรคตับอับเสบบ่อยที่สุด เช่น ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และทางตอนใต้ของยุโรป
โรคมะเร็งเซลล์ตับสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด และการเฉือนส่วนที่เป็นเชื้อโรคในตับออก หรือการปลูกถ่ายตับที่สมบูรณ์ซึ่งได้จากการบริจาค อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดเหล่านี้ไม่ใช่วิธีการรักษาที่เหมาะกับผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่อาจมีชีวิตอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือนไปจนถึง 2 ปีขึ้นไป ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพตับของผู้ป่วยในช่วงเวลาที่เข้ารับการรักษาและระดับการลุกลามของเนื้องอก
ข้อมูลจากการประเมินของ ENRY
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ (82.5%) ที่ได้รับการประเมินจากกลุ่ม ENRY มีอาการของโรคตับที่สามารถรักษาได้ดี (Child-Pugh class A) เป็นโรคตับแข็งอยู่เดิม (78.5%) และเป็นกลุ่มที่สภาวะ ECOG อยู่ในสภาพดี (ECOG 0-1: 87.7%) อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยหลายรายในจำนวนนี้มีปุ่มเนื้องอกหลายก้อน (75.9%) มีการปรากฏของก้อนมะเร็งตับทั้งสองกลีบ (53.1%) และ/หรือมีการอุดตันของทางเดินเส้นเลือดดำ (หลอดเลือดที่ลำเลียงจากทางเดินอาหารส่วนกระเพาะลำไส้ไปยังตับ) ในช่องทางเดินเส้นเลือดดำ (13.5%) หรือหลอดเลือดหลัก (9.8%)
กว่า 40% ของผู้ป่วย (41.5%) มีอาการดีขึ้นหลังจากเข้ารับการรักษาด้วยวิธีอื่น 1 ครั้งหรือมากกว่า ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาด้วยวิธีอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres (yttrium-90 resin microspheres ของบริษัท Sirtex Medical Limited ซิดนีย์ ออสเตรเลีย) ซึ่งรวมถึงการผ่าตัดหรือการปลูกถ่ายตับ การรักษาภายนอกด้วยการฉีดเอทานอล หรือด้วยกำจัดเนื้อร้ายด้วยคลื่นความถี่วิทยุ หรือกระบวนการฉีดยาทางหลอดเลือด เช่น transarterial embolisation (TAE) หรือ chemoembolisation (TACE) ซึ่งเป็นการฉีดยาเคมีเข้าเส้นเลือดแดงเพื่อกีดขวางการลำเลียงเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงเนื้องอก
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ได้รับการประเมินโดยกลุ่ม ENRY เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในระยะรุนแรง (BCLC C: 56.3%) หรือระยะกลาง (BCLC B: 26.8%) ซึ่งการจำแนกกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าวอิงตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยคลินิกมะเร็งตับในบาร์เซโลนา (Barcelona Clinic Liver Cancer: BCLC)
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีอุดเส้นเลือดด้วยรังสี (การบำบัดด้วยการนำรังสีบางชนิดเข้าสู่ร่างกาย หรือ SIRT) ได้รับสาร yttrium-90 resin microspheres ที่แผ่รังสีเบต้าในปริมาณ 1.6 GBq ซึ่งเป็นขั้นตอนการนำส่งสารรักษาเนื้องอกสู่ตับผ่านหลอดสวนผ่านทางหลอดเลือดในตับ โดยกลุ่ม ENRY ประเมินว่าอัตราการรอดชีวิตโดยรวมของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยวิธี SIRT อยู่ที่ 12.8 เดือน ทั้งนี้ อัตราการรอดชีวิตแตกต่างกันไปตามระยะของโรค โดยผู้ป่วยในกลุ่ม BCLC A มีระยะเวลาการรอดชีวิต 24.4 เดือน ผู้ป่วยในกลุ่ม BCLC B มีอัตราการรอดชีวิต 16.9 เดือน และผู้ป่วยในกลุ่ม BCLC C มีอัตราการรอดชีวิต 10.0 เดือน
“เนื่องจาก ENRY ไม่ใช่โครงการศึกษาทั่วไป ดังนั้น ข้อมูลที่ปรากฏจะต้องนำมาตีความอย่างระมัดระวัง” ศาสตราจารย์ซานโกรอธิบาย “จากการประเมินผลในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งเซลล์ตับที่ได้รับการรักษาทางคลินิกเป็นประจำของเรานั้นสามารถกล่าวได้ว่า การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres สามารถเข้าทำลายเนื้องอกได้โดยตรงโดยไม่ทำลายเนื้อเยื้อในตับส่วนอื่นๆ ที่ยังเจริญเติบโตได้ ซึ่งช่วยให้เราลดภาระในการรักษาโรคและช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตรอดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ เราสามารถคาดหวังถึงอัตราการรอดชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยที่มีสภาพตับที่ดีกว่า มีปุ่มเนื้องอกน้อยกว่า และไม่มีภาวะการอุดตันในหลอดเลือดดำ ”
“นอกจากนี้การวิจัยของเรายังให้ข้อมูลที่ชัดเจน” เขาเสริม “ซึ่งวิธีการอุดเส้นเลือดด้วยสารกัมมันตรังสีอาจเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยเฉพาะกลุ่ม 4 จำพวก กล่าวคือ ประการแรก ผู้ป่วยที่ได้รับการพิจารณาให้รักษาด้วยวิธี TACE แต่อาจได้รับผลที่ดีขึ้นจาก SIR-Spheres ผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อวิธีการรักษาแบบ TACE ได้ไม่ดีนักเนื่องจากมีปุ่มเนื้องอกเป็นจำนวนมาก (มากกว่า 5) หรือมีเนื้องอกลามไปยังตับทั้งสองกลีบ ผู้ป่วยที่ใม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบ TACE ก่อนหน้านี้ และสุดท้ายคือกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่เหมาะสำหรับการรักษาด้วยวิธี TACE เนื่องจากมีการอุดตันในหลอดเลือดดำ ผู้ป่วยเหล่านี้มีทางเลือกในการรักษาด้วยวิธีการอื่นเพียงไม่กี่วิธี”
ทางเลือกในการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ที่สามารถยืดอายุของผู้ป่วยโรคมะเร็งเซลล์ตับที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ได้แก่ การรักษาด้วยวิธี TACE ซึ่งผู้ป่วยต้องได้รับการฉีดยาซ้ำและรักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากผู้ป่วยจะแสดงอาการภายหลังการรักษาด้วยวิธีอุดเส้นเลือดด้วยสารกัมมันตรังสี ส่วนการรักษาอีกวิธีหนึ่งคือ การรักษาด้วยยา sorafenib ซึ่งผู้ป่วยต้องรับประทานยานี้วันละ 2 ครั้ง โดยยานี้อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้ฤทธิ์ยาหยุดชะงักในผู้ป่วยกว่า 1 ใน 3 (38%)[3]
ความร่วมมือของ ENRY ทำให้เราพบว่าวิธีการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีเป็นวิธีการรักษาที่ผู้ป่วยสามารถทนต่อฤทธิ์ยาได้ดี กว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย (54.5%) มีความรู้สึกเหนื่อยล้า ประมาณ 1 ใน 3 (32.0%) มีอาการคลื่นใส้หรืออาเจียน ขณะที่กว่า 1 ใน 4 (27.1%) รู้สึกปวดท้องและ 1 ใน 10 เป็นไข้อ่อนๆ ทั้งนี้ ผู้ป่วยทุกรายจะมีอาการเหล่านี้เพียงชั่วคราว
มีผู้ป่วยจำนวนน้อยมาก (3.7%) ทนทุกข์ทรมานจากการเป็นแผลเปื่อยในทางเดินอาหารส่วนกระเพาะลำไส้ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้เมื่ออานุภาคขนาดเล็กของสารบางส่วนเล็ดลอดเข้าสู่หลอดเลือดแดงในกระเพาะอาหาร
“จากการประเมินผลของ ENRY” ศาสตราจารย์ซานโกรสรุปว่า “เราเชื่อว่าวิธีการอุดเส้นเลือดด้วยรังสีเหมาะสมต่อการใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยจำนวนมากที่เป็นมะเร็งตับในระยะเริ่มต้น การอุดเส้นเลือดด้วยรังสีอาจเป็นทางเลือกสำหรับการรักษาร่วมกับยาใหม่ๆ เช่น ยา sorafenib ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ tyrosine kinase”
แพทย์และผู้ป่วยที่สนใจเข้าร่วมการทดลองอุดเส้นเลือดด้วยรังสีโดยใช้ SIR-Spheres ในรูปแบบการสุ่มทดลองที่จัดทำขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ทั้งสองครั้ง สามารถเข้าดูรายละเอียดได้ที่ http://www.soramic.de การทดลอง SORAMIC (http://www.clinicaltrials.gov identifier NCT01126645) ซึ่งจัดทำในยุโรปโดยใช้ SIR-Spheres ร่วมกับ sorafenib เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ยา sorafenib เพียงอย่างเดียวสำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเซลล์ตับ และเว็บไซต์ http://www.sirvenib.com หมวดการทดลอง SIRveNIB (http://www.clinicaltrials.gov identifier NCT01135056) จัดทำขึ้นในเอเชียแปซิฟิก โดยทำการเปรียบเทียบการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเซลล์ตับด้วยวิธี SIR-Spheres กับยา sorafenib
ข้อมูลเพิ่มเติม
SIR-Spheres ได้รับการรับรองให้ใช้สำหรับการรักษาเนื้องอกตับที่สามารถผ่าตัดได้ ในออสเตรเลีย สหภาพยุโรป (CE Mark) นิวซีแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี และประเทศอื่นๆ อีกหลายแห่ง
SIR-Spheres ยังผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) อย่างครบถ้วน และมีข้อบ่งชี้ในสหรัฐให้ใช้สำหรับรักษาเนื้องอกตับระยะลุกลามที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ที่เกิดจากมะเร็งทางเดินอาหารส่วนปลาย โดยใช้ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดที่หลอดเลือดแดงในตับโดยใช้ floxuridine
สามารถดาวน์โหลดภาพข่าว ข้อมูลความเป็นมาของสื่อทั้งรูปแบบของภาพเคลื่อนไหวและในรูปแบบอื่นๆ ได้ที่
http://www.SIRTnewsroom.com
เอกสารอ้างอิง:
1. Sangro B, Carpanese L, Cianni R et al on behalf of European Network on
Radioembolization with Yttrium-90 resin microspheres (ENRY).Survival after 90Y
resin microsphere radioembolization of hepatocellular carcinoma across
BCLC stages: A European evaluation. Hepatology 2011; ePub doi:
10.1002/hep.24451.
2. GLOBOCAN. Liver Cancer Incidence and Mortality Worldwide
in 2008. http://globocan.iarc.fr/factsheets/cancers/liver.asp accessed
28 June 2011.
3. Llovet J, Ricci S, Mazzaferro V et al for the SHARP
Investigators Study Group. Sorafenib in advanced hepatocellular carcinoma.
New England Journal of Medicine 2008; 359: 378-390.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:
ซาราห์ ฮอฟแมน (Sarah Hoffman)
Aurora Communications
โทร +44(0)20-7148-4170
แหล่งข่าว: ENRY Trialists
AsiaNet 45367
-- เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net ) --