นิวยอร์ก--14 พ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์ - เอเชียเน็ท / อินโฟเควสท์
เนื่องในวันเบาหวานโลกแห่งสหประชาชาติซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้เชี่ยวชาญได้ร่วมกันตีพิมพ์บทความแนะแนวเพื่อช่วยให้สหประชาชาติสามารถบรรลุปณิธานในการจำกัดการแพร่กระจายของโรคเบาหวานทั่วโลก
สมาพันธ์ความร่วมมือนานาชาติเพื่อการจัดการโรคเบาหวาน (The Global Partnership for Effective Diabetes Management) เรียกร้องให้ทั่วโลกเปลี่ยนแปลงทัศนคติในการรักษาและป้องกันโรคเบาหวานเพื่อจำกัดการแพร่กระจายของโรคซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องในวันเบาหวานโลกแห่งสหประชาชาติซึ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรก โดยในบทความล่าสุดซึ่งมีชื่อว่า ปณิธานโรคเบาหวานแห่งสหประชาชาติ: "ถึงเวลาทำคำพูดให้เป็นความจริง" (UN Resolution on Diabetes: "Time to Put Fine Words into Action") ทางสมาพันธ์ได้เรียกร้องให้รัฐบาล ประชาชนทั่วไป และชุมชนผู้ป่วยโรคเบาหวานจากทั่วโลก ร่วมกันเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้กับโรคเบาหวานเป็นครั้งแรกของโลก ทั้งนี้ บทความดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Clinical Practice ฉบับเดือนธันวาคม และสามารถอ่านบทความผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ที่เว็บไซต์ http://www.blackwell-synergy.com/toc/ijcp/61/s157
"ปณิธานของสหประชาชาติเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากแสดงให้เห็นว่า สหประชาชาติมองว่าโรคเบาหวานเป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังขยายตัวและสร้างความเสียหายต่อสุขภาพของบุคคลและทั่วโลก นอกจากนั้น จำนวนสถิติของผู้ป่วยโรคเบาหวานก็ไม่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง" มาร์ติน ซิลิงค์ ประธานสมาพันธ์ความร่วมมือนานาชาติเพื่อการจัดการโรคเบาหวาน และผู้นำโครงการปณิธานโรคเบาหวานแห่งสหประชาชาติ กล่าว "เพื่อให้ปณิธานของสหประชาชาติกลายเป็นความจริง เราต้องร่วมมือกันดำเนินการตามที่บทความของทางสมาพันธ์ความร่วมมือนานาชาติระบุไว้"
สมาพันธ์ความร่วมมือนานาชาติเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของผู้เชี่ยวชาญโรคเบาหวานจากทั่วโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาการดูแลรักษาโรคเบาหวาน โดยในบทความล่าสุดแสดงให้เห็นว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้ตอบรับปณิธานของสหประชาชาติด้วยการตีพิม์บทความแนะนำเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้สมาชิกในชุมชนโรคเบาหวานร่วมกันพัฒนาการดูแลรักษาโรคเบาหวาน ตั้งแต่ระดับผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ผู้ป่วย ไปจนถึงรัฐบาลของนานาประเทศทั่วโลก นี่เป็นตัวอย่างซึ่งแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการป้องกันโรคเบาหวานตั้งแต่เนิ่นๆ รวมถึงการรักษาโรคเบาหวานโดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น และยังเน้นย้ำให้เห็นว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนนโยบายสุขภาพและวิธีการปฏิบัติเพื่อผลดีที่ยั่งยืนในระยะยาวสำหรับผู้ป่วยและสาธารณสุขทั่วโลก
"ถ้าเราไม่เริ่มลงมือตั้งแต่ตอนนี้ พอถึงปีพ.ศ. 2568 จะมีผู้คนกว่า 400 ล้านคนทั่วโลกที่เป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าวิธีการป้องกันและรักษาโรคเบาหวานในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ" ศาสตราจารย์ สเตฟาโน เดล ปราโต ประธานสมาพันธ์ความร่วมมือนานาชาติ และศาตราจารย์ด้านต่อมไร้ท่อจากมหาวิทยาลัยปิซ่า ประเทศอิตาลี กล่าว "ไม่มีผู้ป่วย แพทย์ รัฐบาล หรือประเทศใดที่สามารถรับมือกับโรคเบาหวานได้เพียงลำพัง เราต้องร่วมมือและแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยแต่ละคนสามารถรับมือกับอาการเจ็บป่วยของตนเองได้"
ปณิธานโรคเบาหวานแห่งสหประชาชาติ: "ถึงเวลาทำคำพูดให้เป็นความจริง"
เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรคเบาหวานอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกจึงอุทิศตนในการรักษาโรคเบาหวานตามหลักปฏิบัติที่ผู้ร่วมอุดมการณ์ร่วมกันร่างไว้ อย่างไรก็ตาม แค่หลักปฏิบัติเป็นลายลักษณ์อักษรคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ถ้าหลักการดังกล่าวถูกนำไปใช้ทั่วโลก บทความนี้จะกลายเป็นพื้นฐานในการปฏิรูปการป้องกันและรักษาโรคเบาหวานต่อไปในอนาคต
หลักปฏิบัติในการปฏิรูปการรักษาโรคเบาหวาน
- ควรยกระดับให้โรคเบาหวานเป็นปัญหาสาธารณสุขที่มีความสำคัญในอันดับต้นๆ
- ต้องมีนโยบายร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดในการรับมือกับโรค กระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของโรค และนำโครงการป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพมาใช้
- ใช้ความพยายามร่วมกันระหว่างสมาคมโรคเบาหวานและรัฐบาลในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ เพื่อการรักษาโรคเบาหวานแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ในการรักษาออกมาดีขึ้น นอกจากนั้น องค์กรนอกภาครัฐยังสามารถเป็นแรงสนับสนุนหลักในการปฏิรูปการรักษาโรคเบาหวาน
- การพัฒนาความเข้าใจของสาธารณชนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการวินิจฉัยและป้องกันโรคเบาหวานแต่เนิ่นๆ
- ควรร่วมกันกระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของโรคเบาหวานเนื่องจากเป็นวิธีป้องกันโรคในเบื้องต้น รวมถึงให้การฝึกฝนเกี่ยวกับโรคเบาหวานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับข้อมูลที่สอดคล้องกัน
- ยุทธศาสตร์การจัดการโรคเบาหวานโดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางได้รับการพิสูจน์แล้วว่าให้ผลสำเร็จในการกระตุ้นให้ผู้ป่วยแต่ละคนรับมือกับอาการเจ็บป่วยของตนเอง
- โครงการป้องกันโรคควรครอบคลุมไปถึงปัญหาการมีน้ำหนักตัวมากเกินไปและรูปแบบการใช้ชีวิตแบบนั่งหรือนอนอยู่กับที่เป็นเวลานาน รวมไปถึงภาคส่วนอื่นๆ อย่างอุตสาหกรรมอาหารด้วย
- การรายงานและทดสอบศักยภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นส่วนสำคัญในการประเมินผลของยุทธศาสตร์ใหม่ดังกล่าว
"ด้วยการแลกเปลี่ยนวิธีการรับมือกับโรคเบาหวาน เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการป้องกัน ชะลอการลุกลาม และลดความรุนแรงของโรคได้" ศาสตราจารย์ เดล ปาโตร กล่าว "ด้วยการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ส่งเสริมการสร้างความร่วมมือระหว่างทีมงานที่มีเป้าหมายลแความรับผิดชอบร่วมกัน และดำเนินกิจกรรมอย่างครอบคลุมร่วมกัน เราก็สามารถพัฒนาการรักษาโรคเบาหวานได้อย่างยั่งยืน"
การแพร่กระจายของโรคเบาหวานทั่วโลก
ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคเบาหวานกว่า 246 ล้านคนทั่วโลก ภายในปีพ.ศ. 2568 คาดว่า จะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านคน ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าอัตราการป่วยเป็นโรคเบาหวานจะเพิ่มขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา อันเป็นผลมาจากการเติบโตของจำนวนประชากร การเข้าสู่ช่วงสูงวัย การรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การมีน้ำหนักเกิน และการใช้ชีวิตแบบนั่งหรือนอนอยู่กับที่เป็นเวลานาน นอกจากนั้นองค์การอนามัยโลกยังคาดการณ์ว่า ในปีพ.ศ. 2568 ผู้ป่วยโรคเบาหวานส่วนมากในประเทศพัฒนาแล้วจะเป็นกลุ่มที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 65 ปี ส่วนผู้ป่วยโรคเบาหวานส่วนมากในประเทศกำลังพัฒนาจะอยู่ในช่วงวัย 35 - 64 ปี ในขณะเดียวกัน สหพันธ์เบาหวานนานาชาติ (The International Diabetes Federation หรือ IDF) ก็คาดการณ์ว่า โรคเบาหวานจะแพร่กระจายมากที่สุดในประเทศกำลังพัฒนา
เกี่ยวกับ วันเบาหวานโลก
วันเบาหวานโลก ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยสหพันธ์เบาหวานนานาชาติโดยการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก ถือเป็นโครงการรณรงค์ให้ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของโรคเบาหวาน โดยโครงการดังกล่าวสามารถดึงดูดผู้คนหลายล้านคนจาก 160 ประเทศทั่วโลก ที่ตระหนักถึงการแพร่กระจายของโรคเบาหวานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เกี่ยวกับ สมาพันธ์ความร่วมมือนานาชาติเพื่อการจัดการโรคเบาหวาน
สมาพันธ์ความร่วมมือนานาชาติเพื่อการจัดการโรคเบาหวาน เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานจากสถาบันและองค์กรโรคเบาหวานชั้นนำจากทั่วโลก โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานแบบ 2 (Type 2 diabetes) นอกจากนั้นทางสมาพันธ์ยังตั้งเป้าที่จะให้คำแนะนำและการสนับสนุนกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาด้วยการควบคุมปริมาณน้ำตาลกลูโคสในร่างกาย
เกี่ยวกับ แกล็กโซสมิธไคลน์
แกล็กโซสมิธไคลน์ เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกด้านการดูแลสุขภาพและเภสัชกรรม บริษัทมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน ด้วยการช่วยทำให้พวกเขาสามารถทำอะไรๆได้มากขึ้น รู้สึกดีขึ้น และมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทได้ที่ http://www.gsk.com
ท่านที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
โบรา ลี
บริษัท โคห์น แอนด์ วูล์ฟ
โทร: + 1 212 798 9522
แฟ็กซ์: + 1 212 329 9900
อีเมล์: bora_lee@cohnwolfe.com
แหล่งข่าว: แกล็กโซสมิธไคลน์
ติดต่อ: โบรา ลี จากบริษัท โคห์น แอนด์ วูล์ฟ
โทร: + 1-212-798-9522
แฟ็กซ์: + 1-212-329-9900
อีเมล์: bora_lee@cohnwolfe.com
เว็บไซต์: http://www.gsk.com
http://www.blackwell-synergy.com/toc/ijcp/61/s157
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )--