แอ๊บบอต ปาร์ค, อิลลินอยด์--15 พ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
บริษัท แอ๊บบอต (Abbott) จะจดทะเบียน และผลิตยาเม็ด lopinavir/ritonavir ชนิดใหม่ที่มีความแรงต่ำลง วางจำหน่ายมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงสำหรับผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อ HIV กว่า 2 ล้านคนทั่วโลก
วันนี้แอ๊บบอตได้รับการยอมรับจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา สำหรับยาเม็ดสูตรใหม่ที่มีความแรงต่ำลงของการนำของตัวยับยั้งน้ำย่อยโปรตีนของ HIV ที่ซึ่งวางจำหน่ายในชื่อของ Aluvia(R) (lopinavir/ritonavir) ในประเทศที่กำลังพัฒนา ยาเม็ด Kaletra ที่มีความแรงต่ำลงจะวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาภายในเดือนนี้
นอกจากนี้ แอ๊บบอตยังรอการอนุมัติในการวางจำหน่ายในตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) สำหรับยาเม็ด Kaletra/Aluvia ที่มีความแรงต่ำลง นอกจากในตลาด EMEA แล้วแอ๊บบอตตั้งใจที่จะจดทะเบียนยาเม็ดสูตรใหม่นี้ในมากกว่า 150 ประเทศ ยาเม็ดสูตรเดิมเป็นตัวยับยั้งน้ำย่อยโปรตีนที่มีการจดทะเบียนมากที่สุดในโลก, วางจำหน่ายแล้วใน 93 ประเทศ แอ๊บบอตยังรอการยอมรับในอีก 45 ประเทศสำหรับสูตรนี้
การขานรับยาเม็ด Kaletra ที่มีความแรงต่ำลงแสดงได้ถึงก้าวสำคัญที่จะทำตามคำมั่นอย่างต่อเนื่องของ แอ๊บบอตในการต่อสู้กับ HIV ทั่วโลก เนื่องจาก:
-- ยาเม็ดชนิดนี้ไม่ต้องแช่เย็น และสามารถรับประทานพร้อม หรือไม่พร้อมกับการรับประทานอาหาร -
หนึ่งในความก้าวหน้าที่สำคัญในการให้ยา HIV กับเด็กในประเทศกำลังพัฒนา
-- องค์การอนามัยโลก (The World Health Organization - WHO) คาดว่ามีเด็กประมาณ 2
ล้านคนที่ป่วยด้วยโรค HIV/AIDS ในบริเวณทะเลทรายซาฮาร่า ทวีปแอฟริกา เมื่อสิ้นปี 2549
-- ยาเม็ดที่มีความแรงต่ำลงนี้มีขนาดเล็กลงกว่ายาเม็ด Kaletra ปกติ
และบรรจุส่วนประกอบสำคัญเหมือนกับสารละลาย Kaletra ที่ให้ทางปากของแอ็บบ๊อตต์
ยาเม็ด Kaletra ที่มีความแรงต่ำลงนี้ได้รับการยอมรับสำหรับเด็กที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 15 กิโลกรัมขึ้นไป
ผู้ที่สามารถกลืนยาได้
-- การอนุมัติของ FDA ครั้งนี้ขยายทางเลือกสำหรับการใช้ยาเม็ดตัวยับยั้งน้ำย่อยโปรตีนตัวแรกและตัวเดียวในการ
รักษาเด็กที่ติดเชื้อ HIV
"โรค HIV/AIDS ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อเด็กๆมากกว่า 2 ล้านคนที่ป่วยด้วยโรคเอดส์ทั่วทั้งโลก" กล่าวโดย สก็อต ซี บรุน กรรมการบริหารรองประธานฝ่ายพัฒนาโรคติดต่อ และโรคเกี่ยวกับไต การวิจัย และการพัฒนาทางเภสัชกรรมระดับโลก, แอ็บบ๊อตต์ "แอ๊บบอตได้พัฒนายาเม็ดสูตรที่มีความแรงต่ำลงของยา Kaletra เพื่อให้แพทย์มีทางเลือกใหม่ในการรักษา เพื่อช่วยควบคุมผลกระทบของการติดเชื้อ HIV ในเด็ก"
ราคาของยาเม็ดที่มีความแรงต่ำลงที่ได้รับการยอมรับล่าสุดนี้ จะมีราคาถูกลงครึ่งหนึ่งของราคายาปกติในประเทศกำลังพัฒนา
เกี่ยวกับยาเม็ด Kaletra ที่มีความแรงต่ำลง
ยาเม็ดสูตรใหม่นี้จะเทียบเท่าสารละลาย Kaletra ที่ให้ทางปาก ซึ่งวางจำหน่ายสำหรับใช้ในทารกตั้งแต่มันได้รับการยอมรับในเดือนกันยายนปี 2000 ในสหรัฐอเมริกา สำหรับผู้ป่วยทารก ยาเม็ด Kaletra ที่มีความแรงต่ำลงจะทำให้มีความยืดหยุ่นในการให้ปริมาณยา และบรรจุ 100 มิลลิกรัมของ lopinavir และ 25 มิลลิกรัมของ ritonavir เมื่อเปรียบเทียบกับยาเม็ดปกติที่แรงถึง 200 มิลลิกรัมของ lopinavir และ 50 มิลลิกรัมของ ritonavir ตามที่ใช้กันทั่วไปในผู้ใหญ่
เกี่ยวกับคำมั่นในการต่อสู้กับ HIV/AIDS ของแอ๊บบอต
HIV/AIDS เป็นปัญหาระดับโลกที่ต้องแบ่งปันคำมั่น และความรับผิดชอบร่วมกัน แอ๊บบอตได้ให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาล, องค์กรต่างๆ, องค์กรที่ไม่ใช่ของรัฐ (nongovernmental organizations - NGOs) และสมาคมต่างๆ เพื่อขยายการเข้าถึงการรักษาโรค HIV/AIDS ทั่วโลก แอ็บบ๊อตต์ได้ลงทุนจำนวนมากในการขยายกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการรักษาโรค HIV ในประเทศกำลังพัฒนา
สูตร lopinavir/ritonavir ของแอ๊บบอตเป็นหนึ่งในตัวยับยั้งน้ำย่อยโปรตีนที่ราคาต่ำที่สุดในประเทศกำลังพัฒนา แอ๊บบอตได้จำหน่ายยารักษา HIV ของมันในราคา 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อผู้ใหญ่หนึ่งคนต่อปีในทุกประเทศในทวีปแอฟริกา และประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด (least developed countries - LDCs) ตั้งแต่ปี 2545 ทำให้ยาเหล่านี้มีราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อมากกว่าของปลอมทั่วไป
แอ๊บบอตและกองทุนแอ๊บบอตได้ลงทุนมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในประเทศกำลังพัฒนาโดยผ่านโครงการ Global AIDS Care programs ที่มุ่งเน้นไปที่สี่ด้าน: การทำให้ระบบการรักษาสุขภาพแข็งแกร่งขึ้น การช่วยเหลือเด็กที่ติดเชื้อ HIV/AIDS การป้องกันการถ่ายทอดเชื้อ HIV จากแม่สู่ลูก และขยายการเข้าถึงการตรวจสอบ และการรักษา แอ๊บบอตและกองทุนแอ๊บบอตได้ประกาศถึงความพยายามหลายๆ อย่างในการขยายการเข้าถึงการรักษาสำหรับเด็กที่ติดเชื้อ HIV/AIDS รวมถึงการลงทุนเพิ่มขึ้น 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการบริจาคเงินและผลิตภัณฑ์ในปีนี้
ประวัติเกี่ยวกับ HIV ในเด็ก
จาก WHO คาดการณ์ว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีประมาณ 2.3 ล้านคนติดเชื้อ HIV/AIDS ในปี 2549 ส่วนใหญ่ - เด็กที่ติดเชื้อ HIV/AIDS 2 ล้านคนอยู่ในทวีปแอฟริกา ข้อมูลจากศูนย์ควบคุม และป้องกันโรค (Disease Control and Prevention - CDC) 2004 ศูนย์ จาก 33 รัฐ คาดการณ์ว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ประมาณ 3,336 คนที่ติดเชื้อ HIV/AIDS ในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่จำนวนเด็กทารกที่ติดเชื้อเอดส์โดยรวมลดลงทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ความเสี่ยงของคนเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน และทารกและเด็กกลุ่มที่พูดภาษาสเปนเป็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ท่ามกลางเด็กชาวอเมริกันที่ติดเชื้อเอดส์ 63 เปอร์เซ็นต์เป็นคนแอฟริกัน-อเมริกัน, 21.6 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้พูดภาษาเสปน และ 14.2 เปอร์เซ็นต์เป็นคนผิวขาว (CDC. รายงานการตรวจสอบ HIV/AIDS. 2004;16: 21. ตาราง 11.) กระทรวงสาธารณสุขและการบริการประชาชนแห่งสหรัฐอเมริกา (The U.S. Department of Health & Human Services - HHS) และ WHO แนะนำ lopinavir/ritonavir สำหรับการรักษาเด็กที่ติดเชื้อ HIV
ข้อบ่งชี้
KALETRA(R) (lopinavir/ritonavir) เป็นตัวยับยั้งน้ำย่อยโปรตีนที่เป็นไวรัสที่ทำให้มนุษย์มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง-1 (human immunodeficiency virus-1 - HIV-1) KALETRA ถูกใช้ร่วมกับยา anti-HIV-1 อื่นๆ เสมอสำหรับการรักษาการติดเชื้อ HIV-1 KALETRA เป็นการรวมกันของยาสองชนิด lopinavir และ ritonavir KALETRA นั้นใช้สำหรับผู้ใหญ่ และเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
ข้อมูลสำคัญเพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา
KALETRA ไม่ได้รักษาการติดเชื้อไวรัส HIV-1 หรือ AIDS และไม่ได้ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ HIV-1 สู่ผู้อื่น
ผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ยา KALETRA หรือส่วนประกอบใดๆ ของยาไม่ควรใช้ยานี้
การใช้ KALETRA ร่วมกับยาบางตัวอาจก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรง หรือถึงแก่ชีวิตได้ KALETRA จะต้องไม่ใช้ร่วมกับ dihydro-ergotamine, ergonovine, ergotamine, หรือ methylergonovines เช่น Cafergot(R), Migranal(R), D.H.E. 45(R), ergotrate maleate, และ methergine, รวมถึง Halcion(R) (triazolam), Orap(R) (pimozide), Propulsid(R) (cisapride), หรือ Versed(R) (midazolam)
KALETRA ห้ามใช้ร่วมกับ rifampin, หรือที่รู้จักกันในชื่อ Rimactane(R), Rifadin(R), Rifater(R), หรือ Rifamate(R); St. John's wort (Hypericum perforatum); Mevacor(R) (lovastatin), หรือ Zocor(R) (simvastatin)
มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง หรืออาจถึงตายได้ การเปลี่ยนแปลงปริมาณยา การเพิ่มการดูแลของระดับยาในเส้นเลือด หรือเพิ่มการสังเกตสำหรับผลข้างเคียงอาจแนะนำเมื่อใช้ KALETRA ร่วมกับ: Lipitor(R) (atorvastatin), Crestor(R) (rosuvastatin), Viagra(R) (sildenafil), Cialis(R) (tadalafil), Levitra(R) (vardenafil), oral contraceptives ("the pill") หรือ the contraceptive patch, Mycobutin(R) (rifabutin), inhaled Flonase(R) (fluticasone), metronidazole, หรือ disulfiram ผู้ป่วยควรปรึกษากับหมอเกี่ยวกับยาทุกตัวที่พวกเขาใช้ หรือจะใช้ รวมถึงพวกที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งยา และสมุนไพร
KALETRA ไม่ควรให้รับประทานหนึ่งครั้งต่อวันร่วมกับ Sustiva(R) (efavirenz), Viramune(R) (nevirapine), Agenerase(R) (amprenavir), fosamprenavir, Viracept(R) (nelfinavir), phenobarbital, phenytoin (Dilantin(R)) หรือ carbamazepine (Tegretol(R))
ผู้ป่วย และหรือผู้ให้การรักษาพวกเขาควรสนใจเป็นพิเศษต่อจำนวนที่แน่ชัดของปริมาณการใช้ KALETRA เพื่อลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้ยามากหรือน้อยเกินไป
ผลข้างเคียงที่ได้รับรายงานโดยทั่วไปที่มีความรุนแรงปานกลาง ที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับการใช้ยา คือการปวดท้อง, ความผิดปกติของการเคลื่อนที่ของลำไส้, ท้องเสีย, รู้สึกอ่อนเพลีย/เหนื่อย ปวดหัว และ พะอืดพะอม เด็กที่ใช้ยา KALETRA อาจเกิดผื่นคันได้เป็นบางครั้ง ผลข้างเคียงอื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้
ปัญหาเกี่ยวกับตับอ่อนและตับ ที่อาจถึงตายได้ มีการรายงานในผู้ป่วยหลายคนที่ได้รับ KALETRA ผู้ป่วยควรบอกแพทย์ของพวกเขา ถ้าพวกเขามีอาการพะอืดพะอม อาเจียน หรือปวดท้อง ที่อาจเป็นสัญญานของตับอ่อน หรือถ้าพวกเขามี หรือเคยมีโรคเกี่ยวกับตับ เช่นตับอักเสบ B หรือ C
ผู้ป่วยบางคนอาจมีการเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากของไตรกลีเซอร์ไรด์ และคลอเรสเตอรอล การเปลี่ยนแปลงของไขมันในร่างกายเคยพบในผู้ป่วยบางรายที่ได้รับการรักษา Anti-HIV ผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวของเงื่อนไขเหล่านี้ยังไม่ทราบแน่ชัดในขณะนี้
เบาหวาน และน้ำตาลในเลือดสูงเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ใช้ตัวยับยังน้ำย่อยโปรตีน เช่น KALETRA
ผู้ป่วยบางคนมีสภาวะที่เลือดไหลไม่หยุดมีการไหลของเลือดมากขึ้นเมื่อใช้ตัวยับยังน้ำย่อย
ผลกระทบของ KALETRA กับผู้หญิงท้อง หรือทารกในครรภ์ของพวกเขานั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แม่ที่ใช้ KALETRA ไม่ควรให้นมลูกเอง
ยาเม็ด KALETRA ควรกินทั้งเม็ด โดยไม่เคี้ยว หัก หรือทุบ
ยาเม็ด KALETRA ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง การเปิดผลิตภัณฑ์นี้ในสถานที่ที่มีความชื้นสูงนอกภาชนะเก็บยานานกว่า 2 สัปดาห์นั้นไม่ควรทำ
สารละลาย KALETRA ที่ให้ทางปากแช่เย็นยังคงสถานภาพจนกระทั่งวันหมดอายุที่พิมพ์บนฉลาก ถ้าเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องไม่เกิน 77 องศาฟาเรนไฮด์ (25 องศาเซลเซียส), สารละลาย KALETRA ที่ให้ทางปากควรใช้ภายใน 2 เดือน
หลีกเลี่ยงการถูกความร้อน สำหรับข้อมูลการจ่ายยาที่สมบูรณ์กรุณาเยี่ยมชม http://www.kaletra.com
เกี่ยวกับ แอ๊บบอต
แอ๊บบอตเป็นผู้นำในการทำวิจัยเกี่ยวกับ HIV/AIDS ตั้งแต่การเริ่มระบาดในหลายปีก่อน ในปี 1985, บริษัทได้พัฒนาและจดสิทธิบัตรการทดสอบชิ้นแรกเพื่อตรวจหาโปรตีนต่อต้านเชื้อ HIV ในเลือด และยังคงเป็นผู้นำในการรักษาผู้ติดเชื้อ HIV การทดสอบเกี่ยวกับเชื้อไวรัส และตับอักเสบของแอ๊บบอตถูกใช้ในการคัดเลือกเลือดที่บริจาคมากกว่าครึ่งโลก แอ๊บบอตได้พัฒนาตัวยับยั้งน้ำย่อยโปรตีนสองตัวสำหรับการรักษา HIV
การขยายความช่วยเหลือทางวิทยาศาสตร์ของมันแอ๊บบอตและกองทุนแอ๊บบอตได้ลงทุนมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในประเทศกำลังพัฒนาเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนที่ได้รับผลกระทบจาก HIV/AIDS โดยผ่านโครงการต่างๆ ที่ตั้งเป้าไปที่พื้นที่ที่ต้องการอย่างแท้จริง, รวมถึงการทำให้ระบบการรักษาสุขภาพแข็งแกร่งขึ้น และสนับสนุนเด็กที่ได้รับผลกระทบจาก HIV/AIDS และความก้าวหน้าในการทดสอบ และการรักษา HIV สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ HIV/AIDS ของแอ๊บบอต สามารถหาได้ที่ http://www.abbott.com/HIVAIDS และ http://www.abbottglobalcare.org
แอ๊บบอต
แอ๊บบอต เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพทั่วไปในระดับโลก ที่อุทิศเวลาเพื่อการค้นคว้า การพัฒนา การผลิต และการตลาดของผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม และทางการแพทย์ รวมถึง เกี่ยวกับอาหาร อุปกรณ์ และ การตรวจโรค บริษัทว่าจ้างพนักงาน 65,000 คน และจำหน่ายสินค้ามากกว่า 130 ประเทศ
ข่าวสารของแอ๊บบอตและข้อมูลอื่นๆ สามารถหาได้ที่เว็บไซต์ของบริษัทที่ http://www.abbott.com
แหล่งข่าว แอ๊บบอต
11/12/2007
ติดต่อ: ยู เอส มีเดีย, ลอรีน แคสสิดี, +1-847-983-7743, หรือ จูลี เฮอร์ลอกเกอร์, +1-847-936-6116,
หรือ นานาชาติ เจนนิเฟอร์
สมูทเตอร์, +1-847-935-8865, ทุกคนจากแอ็บบ๊อตต์
เว็บไซต์: http://www.abbott.com
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )--