วงการแพทย์ชี้ ยา MabThera/ Rituxan ช่วยเพิ่มอัตรารอดชีวิตในผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิ้น อายุต่ำกว่า 60 ปี ได้ถึง 95%

ข่าวต่างประเทศ Tuesday June 8, 2004 08:49 —Asianet Press Release

บาเซล และนิว ออร์ลีนส์, ลอสแองเจลิส, 7 มิ.ย. - พีอาร์นิวส์ไวร์/ เอเชียเน็ท
ในที่ประชุมประจำปีของสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (The American Society of Clinical Oncology -- ASCO) เปิดเผยว่า ยา MabThera/Rituxan มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิ้น (Non-Hodgkin Lymphoma -- NHL) ที่อายุยังน้อย โดยการศึกษาระบุว่า 95% ของคนไข้ที่ได้รับการรักษาด้วยยา MabThera (rituximab) ร่วมกับการรักษาด้วยเคมีบำบัด มีอัตราการรอดชีวิตถึง 95% ซึ่งดีกว่าการรักษาแบบอื่น ที่เคยศึกษาได้จากผู้ป่วยอายุมากกว่า 60 ปี และจากสถิตินี้ แสดงให้เห็นว่า MabThera บวกกับเคมีบำบัด จะกลายเป็นมาตรฐานเบื้องต้นในการรักษาผู้ป่วยทุกวัย ที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากมะเร็งชนิดรุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
The Mabthera International Trial (MInT) เป็นการศึกษาด้วยการสุ่มตัวอย่างคนไข้โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิ้น ในช่วงอายุดังกล่าว ซึ่งจากการศึกษาพบว่า การรักษาแบบผสมผสานระหว่าง Mabthera และเคมีบำบัด ได้ผลกว่าการรักษาด้วยเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว และเมื่อการสังเกตการณ์เป็นระยะเวลานาน 2 ปี ผ่านมาได้ครึ่งทาง ปรากฏว่าผู้รับการรักษาทั้ง 2 แบบควบคู่กัน มีอัตราการรอดชีวิตสูงถึง 95% ในขณะที่ ผู้ที่รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว มีอัตรารอดชีวิต 85% นอกจากนี้ 81% ของผู้ป่วยที่รักษา 2 วิธีควบคู่กันไป ประสบความสำเร็จในการรักษาเป็นอย่างดี (เปรียบเทียบกับจำนวนเพียง 58% ของผู้ที่รักษาด้วยเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว) และผู้ที่รักษาด้วย MabThera และ เคมีบำบัด สามารถเข้าสู่ระยะโรคสงบ ได้ถึง 85% (65% ในผู้ป่วยที่รักษาด้วยเคมีบำบัด)
ศาสตาจารย์ เอ็ม ฟรอยด์ชูช (Professor M. Pfreundschuh) ผู้นำการศึกษา MInT แสดงความคิดเห็นว่า "ก่อนการติดตามผลการสังเกตการณ์นาน 2 ปี ผมไม่กล้าคาดหวังว่าจะมีผู้คนไข้รอดชีวิตถึง 95% อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาที่น่าประทับใจนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่า MabThera ร่วมกับเคมีบำบัดเป็นวิธีการรักษาที่ดีสำหรับคนไข้เอ็นเอชแอลขั้นรุนแรงที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี"
ในเดือนธันวาคม 2546 การศึกษาได้ยุติลง เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ 2 ปี ตามมาด้วยการวิเคราะห์สถิติที่ได้จากการศึกษา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิ้น มีจำนวนถึง 1.5 ล้านคนทั่วโลก ประมาณ 55% ของผู้ป่วยจำนวนดังกล่าว เป็นผู้ป่วยที่มีเชื้อชนิดรุนแรง ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้โดยไม่เข้ารับการรักษา ก็อาจจะถึงแก่ชีวิตภายใน 6 เดือน เอ็นเอชแอลจึงนับว่าเป็นโรคมะเร็งที่มีการกระจายตัวของเชื้อโรคเร็วที่สุด และมีผู้ป่วยด้วยโรคนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ถึง 80% นับตั้งแต่ต้นยุค 1970
เกี่ยวกับการศึกษา
การศึกษา MInT ดำเนินการใน 18 ประเทศ โดยสำรวจจากผู้ป่วยในช่วงอายุระหว่าง 18-60 ปี ที่ไม่ได้รับการรักษา และมีอัตราการเสี่ยงของโรคต่ำ ไปจนถึงอัตราเสี่ยงสูง ทั้งนี้ ผู้ป่วยเหล่านี้จะถูกแบ่งเป็น ผู้ป่วยที่ได้รับการยา MabThera ร่วมกับการทำเคมีบำบัด และผู้ป่วยที่ทำเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว เมื่อการศึกษายุติลง คณะผู้ทำการศึกษาจะวิเคราะห์สถิติในขั้นแรก จากผู้ป่วย 326 ราย ซึ่งจุดมุ่งหมายเบื้องต้นของการศึกษาดังกล่าวนี้ก็คือ เพื่อศึกษาระยะเวลาของโรค การเข้าสู่ระยะสงบ การเติบโตของโรค อาการทรุดลง หรือการเสียชีวิต ข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ASCO: MabThera บวกเคมีบำบัด สำหรับการรักษาเซลมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่แพร่กระจาย (mantle cell lymphoma - MCL)
สถิติอื่นๆ ของการรักษาดังกล่าว เปิดเผยว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่เซลมีการแพร่กระจาย ซึ่งเป็นขั้นต่อมาของโรคเอ็นเอชแอล และได้รับการรักษาด้วย MabThera และเคมีบำบัด จะมีอัตราการเข้าสู่ระยะสงบสูงกว่า และประสบความสำเร็จในการรักษามากกว่าการรักษาด้วยเคมีบำบัดเพียงอย่างเดียว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่เซลมีการแพร่กระจายมักพบในผู้สูงอายุ และจะมีอาการรุนแรง โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 3-4 ปีเท่านั้น การศึกษา นำโดยศาสตราจารย์ ดับเบิลยู ฮิดเดอร์มันน์ (W. Hiddermann) แห่งกลุ่มการศึกษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองระดับต่ำ (German Low Grade Lymphoma Study - GLSG) ระบุว่า การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเอ็มซีแอล ด้วยยา MabThera และการรักษาด้วยเคมีบำบัด ได้ผลดีมาก
เกี่ยวกับ MabThera
MabThera คือยาที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับแอนติเจน CD20 บนพื้นผิวของ B-cells แบบธรรมดาและแบบอันตราย โดยจะทำหน้าที่ป้องกันและฆ่าB-cells ที่ไม่ดี ทั้งนี้ เซลต้นตอ (Stem Cell ซึ่งเป็นรากของ B-cells) ในไขกระดูก ขาดแอนติเจน CD20 โดยปล่อยให้ B-cells ที่แข็งแรง ก่อตัวขึ้นมาใหม่ ภายหลังจากการักษา และกลับมาอยู่ในระดับปกติได้ภายในระยะเวลาหนึ่ง
MabThera เป็นหนึ่งในขั้นตอนการรักษาโรคเอ็นเอชแอล โดยได้รับการยอมรับในยุโรป เมื่อเดือนมีนาคม 2545 สำหรับการรักษาร่วมกับเคมีบำบัด ทั้งนี้ ในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และแคนาดา รู้จักยา MabThera ในชื่อ Rituzan สำหรับชื่อ Mabthera เป็นที่รู้จักในประเทศอื่นๆ จนถึงขณะนี้ มีผู้ป่วยมากกว่า 300,000 คนทั่วโลกที่ได้รับการรักษาด้วย MabThera
สำหรับด้านการตลาด บริษัทเจเนนเทค (Genentech) และไบโอเจน ไอเดค (Biogen Idec) จับมือกันเพื่อกันทำตลาดยา MabThera ในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ โรช (Roche) ทำการตลาดในที่อื่นของโลก ยกเว้นในญี่ปุ่น ซึ่งรับผิดชอบโดย บริษัท ชูไก และบริษัท เซนยากุ โคเงียว จำกัด (Chugai and Zenyaku Kogyo Co.Ltd.)
บทบาทของโรชที่มีต่อวงการมะเร็ง
ภายใน 5 ปีหลังสุด โรช กรุ๊ป (the Roche Group) ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการให้บริการการวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็ง รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมต่างๆ ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ 4 ชนิด ได้แก่ Herceptin, MabThera, Xeloda และ Avastin (เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้โดยเจเนนเทค) ซึ่งรักษาโรคร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอน-ฮอดจ์กิ้น และมะเร็งลำไส้ นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์หลักอื่นๆ ได้แก่ NeoRecormon, Bondronant, Kytril และ Roferon-A โรชสามารถจำหน่ายยารักษาโรคมะเร็งได้มากกว่า 6 พันล้านฟรังซ์ สวิส ในปี 2546
โดยการศึกษา Tarceva โรชสามารถบรรลุวัตถุประสงค์เบื้องต้นในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งปอด
โรชกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาการทดลองใหม่ๆ ซึ่งจะส่งผลสำคัญต่อการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งในอนาคต และโรชจะดำรงตำแหน่งผู้นำในการรักษาและวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อไป ด้วยผลงานการศึกษาเกี่ยวกับเนื้องอกในมะเร็งต่อมลูกหมาก ลำไส้ ตับ รังไข่ เต้านม ท้อง ตับอ่อน และปอด รวมถึงการทดสอบโมเลกุลของเนื้องอก
โรช ออนโคโลจี ดำเนินการวิจัยใน 4 แห่ง (2 แห่งในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และญี่ปุ่น) และมีสำนักงานใหญ่สำหรับการพัฒนาอีก 4 แห่ง (2 แห่งในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และสวิตเซอร์แลนด์)
เกี่ยวกับโรช
โรช มีสำนักงานใหญ่ในกรุงบาเซล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มธุรกิจการดูแลสุขภาพชั้นนำของโลก สำหรับธุรกิจหลักของบริษัทคือ ธุรกิจด้านเวชภัณฑ์และการวินิจฉัยโรค โรชเป็นอันดับ 1 ในตลาดการวินิจฉัยโรค และเป็นผู้นำในการจัดหาและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์สำหรับมะเร็ง รวมทั้งเป็นผู้นำด้านไวรัสและการปลูกถ่าย ในฐานะผู้จัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และการให้บริการสำหรับการป้องกัน การวินิจฉัย และการรักษาโรค กลุ่มโรชได้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสุขอนามัยและคุณภาพชีวิตของประชากร โรชมีพนักงานประมาณ 65,000 คนใน 150 ประเทศ และทำข้อตกลงในการวิจัยและพัฒนาร่วมกับหุ้นส่วนจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงเจเนนเทค และชูไก ซึ่งโรชถือหุ้นใหญ่อยู่
เกี่ยวกับเจเนนเทค
เจเนนเทค (Genentech) เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งค้นคว้า พัฒนา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพ โดยผลิตภัณฑ์ 18 ชนิด ที่เพิ่งได้รับการรับรอง ได้รับการพัฒนามาจากการศึกษาของเจเนนเทค เจเนนเทคผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพ 13 ชนิด ในสหรัฐอเมริกา บริษัทมีสำนักงานใหญ่ที่เซาธ์ ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย และทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ภายใต้เครื่องหมาย DNA สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท กรุณาเข้าไปชมที่ www.gene.com
เกี่ยวกับไบโอเจน ไอเดค
ไบโอเจน ไอเดค (Biogen Idec) สร้างมาตรฐานใหม่ของการดูแลโรคมะเร็งและภูมิคุ้มกัน ในฐานะผู้นำในการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายการรักษาแบบใหม่ๆ ไบโอเจน ไอเดค เปลี่ยนรูปแบบการค้นคว้าทางวิทยาศาตร์ไปเป็นการรักษาดูแลสุขภาพมนุษย์ขั้นสูง สำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท จดหมายข่าว และข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท สามารถชมได้ที่ www.biogenidec.com
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ฮอลลี่ คาเนีย (Holly Kania)
บริษัทโรช
โทร.+41 (79) 593 4310
อีเมล์ holly.kania@roche.com หรือ
ซูซาน แม็คคิว (Susan McCue)
บริษัท เคทชัม (Ketchun)
โทร.+44 207 611 3578
อีเมล์ susan.mccue@ketchum.com
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง กรุณาเข้าไปชมได้ที่ www.lymphomacoalition.org และ www.roche สำหรับข้อมูลกี่ยวกับ MabThera
เครื่องหมายการค้าทั้งหมดที่กล่าวถึงในจดหมายข่าวฉบับนี้ ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
ที่มา: โรช ฟาร์มาซูติคอล
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท (www.asianetnews.net)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ