งานแฟร์ด้านยานยนต์และขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกปิดฉากลงพร้อมด้วยยอดผู้เข้าชมจำนวนมหาศาล — ทำสถิติใหม่กับการเปิดตัวสินค้าระดับโลก 354 รายการ

ข่าวต่างประเทศ Tuesday October 2, 2012 14:14 —ข่าวประชาสัมพันธ์พีอาร์นิวส์ไวร์

เบอร์ลินและฮันโนเวอร์, เยอรมนี--2 ต.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ Wissmann: งาน IAA Commercial Vehicles ครั้งที่ 64 ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านอย่างเป็นกันเองในงานแถลงข่าวรอบสุดท้ายที่งาน IAA Commercial Vehicles ครั้งที่ 64 ผมขอเริ่มงานด้วยคำกล่าวสรุปที่ว่า: ไม่เคยมีงานใดที่น่าตื่นเต้นเท่างาน IAA ครั้งนี้ เรามีรถบัส รถบรรทุกขนาดใหญ่ รถตู้ และรถยนต์เชิงพาณิชย์รุ่นใหม่ๆมากมายที่จะมาจัดแสดงในงานนี้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “รถยนต์เชิงพาณิชย์ - การขับเคลื่อนโลกแห่งอนาคต” เป็นสโลแกนของงาน IAA ในครั้งนี้ และมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะผลักดันนวัตกรรมในอุตสาหกรรม นับป็นมหกรรมการค้าเพื่อความคล่องตัว การขนส่ง และลอจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สินค้าระดับโลก 354 รายการ ซึ่งมากกว่าสองในสามของสินค้ามาจากกลุ่มซัพพลายเออร์ สามารถสถิติใหม่ จำนวนผู้จัดแสดงสินค้า 1,904 รายจาก 46 ประเทศนั้น สูงกว่าปี 2553 อยู่ 9% และพื้นที่ในการจัดแสดงสินค้าเพิ่มขึ้น 11% เป็น 260,000 ตารางเมตร งาน IAA Commercial Vehicles ครั้งนี้มีจำนวนผู้เข้าร่วมงานมากที่สุดเป็นอันดับสอง และมีพื้นที่จัดแสดงสินค้ามากที่สุดเป็นอันดับสอง นับตั้งแต่ที่ IAA ได้แบ่งงานออกเป็นงาน IAA Cars และ IAA Commercial Vehicles มาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จำนวนผู้เข้าชมงาน IAA มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นมาก เมื่องาน IAA สิ้นสุดลงในช่วงค่ำ ผู้คนมากกว่า 260,000 คนจะได้เข้าชมมหกรรมการค้าที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งคิดเป็นปริมาณการเติบโตที่สูงขึ้นประมาณ 9% เมื่อเทียบกับปี 2553 นับเป็นผลลัพธ์ที่ดีมาก ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์ที่ดีขึ้นเมื่อเราคำนึงถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากทางเศรษฐกิจในยุโรปตะวันตก และยุโรปทางตอนใต้ การจัดงานครั้งนี้จึงคืบหน้าไปไกลเกินกว่าที่เราได้คาดการณ์ไว้ กล่าวโดยสรุปได้ว่า: งาน IAA Commercial Vehicles พร้อมด้วยการเปิดตัวสินค้าระดับโลกที่มากกว่า ผู้จัดแสดงสินค้าที่มากขึ้น พื้นที่ และผู้เข้าร่วมงานที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นความสำเร็จอย่างล้นหลาม แน่นอนที่ว่า มีปัจจัยดึงดูดมากมายที่ทำให้งาน IAA มีความน่าสนใจ สิ่งที่โดดเด่นท่ามกลางงาน คือ สินค้าคุณภาพระดับโลกจำนวนมากที่ได้มีการเปิดตัวและทำให้งาน IAA มีความน่าตื่นเต้น นอกจากนี้ เฉพาะในงาน IAA เท่านั้นที่ให้คุณได้มีโอกาสสัมผัสอุตสาหกรรมยานยนต์เชิงพาณิชย์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตรถบรรทุกขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ รถตู้ รถบัส รถพ่วง และโครงสร้างรถ และเครือข่ายซัพพลายเออร์ที่มีมูลค่าเพิ่มทั้งหมด ซึ่งทำให้ผู้จัดแสดงสินค้ามีความมั่นใจทางเศรษฐกิจว่า งานนี้จะเป็นสถานที่ซึ่งพวกเขาจะได้พบกับคู่แข่งคนสำคัญ และสามารถแสดงนวัตกรรมของตนเองในรูปแบบที่กำหนดไว้ภายในสถานที่เดียว ณ งาน IAA ซึ่งมีผู้เข้าชมงานจำนวนมากจนทำให้งาน IAA มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น เราได้นำเสนอบทสรุปแนวโน้มที่สำคัญก่อนหน้าการจัดงาน IAA และเราก็ประสบความสำเร็จ ผมขอนุญาตกล่าวถึงจุดมุ่งหมายส่วนตัวเป็นรายการต่อไป: Euro VI: อุตสาหกรรมยานยนต์เชิงพาณิชย์พร้อมที่จะให้ความพึงพอใจตามความต้องการพื้นฐานของ Euro VI เทคโนโลยีที่มีอยู่ และผู้ผลิตมีประสบการณ์การผลิตรถยนต์เชิงพาณิชย์ Euro VI ดังนั้นการปล่อยมลพิษจึงลดลงเป็นจำนวนมาก การลดปริมาณก๊าซไนโตรเจนอ็อกไซด์อยู่ที่ 80% เมื่อเทียบกับมาตรฐานของ Euro V ในปัจจุบัน และสำหรับอนุภาคต่างๆลดลงมากกว่าสองในสาม การขับเคลื่อนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอยู่ภายใต้ข้อเท็จจริงในเรื่องของการใช้มาตรการที่หลากหลาย ซึ่งถูกนำมาใช้ควบคู่ไปพร้อมๆกัน เพื่อรักษาอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในระดับที่คงที่ หรือลดปริมาณลง มาตรการทุกมาตรการได้ถูกนำมาใช้เท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งสามารถเห็นได้ในงาน IAA มาตรการเหล่านี้ถูกนำมาใช้กับอากาศพลศาสตร์ รวมถึงเครื่องยนต์และระบบไอเสียทั้งหมด โดยเฉพาะเทคโนโลยี SCR นอกจากนั้นแล้ว การใช้ชุดส่งกำลังและอุปกรณ์ต่างๆยังก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอีกด้วยเช่นกัน เรารู้สึกยินดีที่ได้เห็นบริษัทขนส่งหลายรายตัดสินใจในหลักการว่าจะซื้อรถบรรทุกคันใหม่ที่ได้มาตรฐาน Euro VI เท่านั้น ซึ่งแนวทางปฏิบัติดังกล่าวก็ได้รับการสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆจากลูกค้าในธุรกิจขนส่ง ผู้ค้าปลีกผลิตภัณฑ์ในห้องสุขาและห้องอาบน้ำ ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ฯลฯ ที่ให้ความสำคัญกับการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนฟุตพรินท์ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการให้วงจรการขนส่งทั้งหมดมีคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในระดับที่เป็นมิตร หรืออาจถึงขั้นมีคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในระดับที่เป็นกลาง นอกจากนั้น Euro VI ยังกลายเป็นมาตรฐานสำหรับรถบัสในฮันโนเวอร์ด้วยเช่นกัน ตอนนี้เทรนด์ของรถบัสคือต้องประหยัดพลังงาน สะดวกสบาย และปลอดภัย การผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับบริการรถบัสที่วิ่งระยะไกลจะทำให้เกิดการใช้ “รูปแบบการขนส่งที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะที่สุด” และท้ายที่สุดแล้ว ผู้คนมากมายจะได้เดินทางตามที่ต้องการในราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด สำหรับในส่วนของระบบขับเคลื่อนนั้น ประเด็นที่มีการให้ความสำคัญที่สุดคือ การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบและการขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด อากาศพลศาสตร์เป็นหนึ่งในหัวข้อใหญ่ที่มีการกล่าวถึงในงาน IAA เห็นได้ชัดว่า การออกแบบส่วนหน้าของรถบรรทุก ส่วนต่อระหว่างห้องโดยสารกับพ่วงท้าย ด้านข้างและด้านหลังของพ่วงท้ายนั้นมีความก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง ผู้ผลิตพ่วงท้ายและตัวถังรถกำลังเดินอยู่บนเส้นทางการพัฒนาอย่างชาญฉลาด ขณะเดียวกันผู้ผลิตยางรถยนต์ก็สร้างประโยชน์ครั้งสำคัญด้วยการลดแรงต้านการหมุนของล้อ เนื่องจากแรงต้านการขับและการหมุนของล้อทำให้สัดส่วนของการใช้น้ำมันอยู่ที่ 30-40% สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ดีขึ้นของการพัฒนาอากาศพลศาสตร์ เราได้แสดงให้นักการเมืองจากเบอร์ลิน เมืองอื่นๆของเยอรมนี และบรัสเซลส์ เห็นว่า พวกเขาควรจะไขว่คว้าโอกาสนี้และผ่อนคลายกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับความยาวและน้ำหนักของรถเชิงพาณิชย์ ในพื้นที่จัดแสดงกลางแจ้งเราได้แสดงรูปแบบของการผสมผสานส่วนพ่วงท้ายแห่งอนาคต ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ได้ถึง 15% ขณะนี้เรียกได้ว่า ไม่มีวิธีใดที่ใช้ต้นทุนต่ำได้ขนาดนี้และมีศักยภาพมากเท่านี้ ระบบขับเคลื่อนทางเลือกของรถไฟ/การเคลื่อนที่ด้วยไฟฟ้า: การเดินชมงาน IAA ทำให้ได้เห็นว่า ทุกวันนี้มีระบบขับเคลื่อนที่เหมาะสมสำหรับทุกการใช้งาน โดยมีความหลากหลายมากกว่าแต่ก่อนมาก เช่น ระบบขับเคลื่อนดัวยก๊าซธรรมชาติสำหรับการขับรถขนส่ง นอกจากนั้นยังสามารถพบได้ในยานพาหนะทุกขนาดไปจนถึงรถบรรทุกหนัก ระบบขับเคลื่อนลักษณะนี้มีข้อได้เปรียบคือ ไม่มีการปล่อยฝุ่นละอองออกมา การเผาไหม้เชื้อเพลิงจึงสะอาด ผู้ผลิตเกือบทุกรายยังได้นำเสนอยานพาหนะแบบไฮบริด ตั้งแต่รถบรรทุกขนาดเล็กสำหรับการขนส่งในท้องถิ่นไปจนถึงรถบรรทุกที่วิ่งระยะไกล ดังนั้นเทคโนโลยีไฮบริดจึงไม่ได้ใช้แค่กับรถบรรทุกขนาด 7.5 ตันเท่านั้น แต่ยังใช้กับรถบรรทุก 40 ตันได้ดีเช่นกัน สำหรับรถบรรทุกที่วิ่งเป็นระยะทาง 150,000 กิโลเมตรต่อปี การลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ได้แค่ 2-3% ก็ช่วยลดปริมาณก๊าซโดยรวมได้มาก ขณะเดียวกันผู้ผลิตหลายรายยังนำเสนอรถพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ บางรายใช้กับรถขนาด 3.5 ตัน บางรายสูงกว่านั้น รถตู้เหล่านี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์และเงียบมากจนเหมือน “เสียงกระซิบ” สำหรับประเด็นสำคัญที่มีการกล่าวถึงในงาน IAA คือ ผลิตภัณฑ์ของผู้ให้บริการทางการเงินในการซื้อขายรถพาณิชย์ อาทิ แพคเกจลีซซิ่งที่น่าสนใจ เป็นต้น อีกตัวอย่างหนึ่งของประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นคือ ระบบควบคุมชุดส่งกำลังอัจฉริยะอย่างตัวควบคุมจีพีเอสอิเล็กทรอนิก ซึ่งช่วยให้ยานพาหนะ “จำ” ภูมิลักษณะของทางด่วนได้ โดยรถบรรทุกจะเปิดวาล์วก่อนขึ้นทางชัน และเมื่อถึงทางลาดลงล้อของรถจะหมุนแบบอิสระ กลยุทธ์การเปลี่ยนเกียร์หรือการขับด้วยระบบไฮบริดถูกนำมาใช้อย่างเกิดประโยชน์ที่สุด ซึ่งระบบนี้นี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงสุด 4% ดังที่ได้มีการสาธิตโดยผู้ทดสอบรถบรรทุกมืออาชีพ จากการศึกษาล่าสุดซึ่ง ZF และ Heilbronn University ได้นำเสนอที่งาน IAA ครั้งนี้ ยังพบด้วยว่า พนักงานขับรถบรรทุกส่วนใหญ่ชอบงานของตนเอง ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความผ่อนคลายและช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในขณะปฏิบัติงานด้านการขนส่งที่ต้องอาศัยความรับผิดชอบสูง ปัจจุบันห้องขับขี่จึงได้รับการปรับปรุงคุณภาพและความสะดวกสบายให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งผู้เข้าร่วมงาน IAA มีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์นี้เป็นคนแรกๆ ด้วยการขึ้นไปนั่งในที่นั่งคนขับของรถรุ่นใหม่ๆที่นำมาจัดแสดงภายในงานนี้ ความปลอดภัย: นอกเหนือไปจากประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย แน่นอนว่าความปลอดภัยคือหนึ่งในจุดสนใจหลักของงาน IAA โดย “ผู้ช่วย” ที่สนับสนุน “เจ้านาย” ซึ่งในที่นี้คือคนขับรถบรรทุก มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน, ระบบ ESP, ระบบเตือนเมื่อขับคร่อมเลน และระบบควบคุมความเร็วคงที่อัจฉริยะและอัตโนมัติ เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีการพัฒนาที่รวดเร็วรุดหน้ามากขึ้น โดยได้มีการติดตั้งระบบช่วยเหลืออัจฉริยะเหล่านี้ในรถรุ่นใหม่ๆ ก่อนที่ข้อกำหนดของอียูในเรื่อง ESP และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่จะมีผลบังคับใช้ในปีพ.ศ. 2557 โดยปกติแล้ว กว่าที่ระบบเหล่านี้จะสามารถเจาะตลาดได้ทั้งหมดนั้นจะต้องอาศัยเวลา แต่ที่ฮันโนเวอร์ ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ในรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ นวัตกรรมโดยซัพพลายเออร์: นวัตกรรมจำนวนมากที่ซัพพลายเออร์กว่า 1,000 รายนำมาจัดแสดงที่นี่คือตัวอย่างส่วนหนึ่ง ผมขอเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก “ผู้บริโภคเสริมอัจฉริยะ” อาทิ เครื่องอัดอากาศ เครื่องสูบน้ำเพื่อระบายความร้อน และเครื่องสูบน้ำมัน ในอนาคตชิ้นส่วนเหล่านี้จะถูกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตอบสนองความต้องการที่เกิดขึ้นและเพื่อรับประกันการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ได้สูงสุด 3% รถบรรทุกเกือบทุกรุ่นในปัจจุบันที่ใช้น้ำมันดีเซลมีระบบคอมมอนเรล โดยแรงดันในคอมมอนเรลมีระดับสูงสุดอยู่ที่ 2,500 bar และจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นสู่เป้าหมายต่อไปคือ 3,000 bar แรงดันที่เพิ่มสูงขึ้นหมายถึงกระบวนการเผาไหม้ที่ดีขึ้น มลพิษที่ลดลง และการกินน้ำมันน้อยลง! นี่เป็นการเปิดโอกาสสำหรับเครื่องยนต์ขนาดเล็กกว่าให้สามารถพัฒนาประสิทธิภาพเทียบเท่า หรือแม้แต่กินน้ำมันน้อยกว่า! ภายในโถงจัดแสดง ซัพพลายเออร์หลายรายยังได้นำโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาซึ่งถือเป็นงานเชิงกลยุทธ์มาจัดแสดง ตัวอย่างหนึ่งคือชิ้นส่วนโครงสร้างที่ผลิตจากวัสดุผสมสังเคราะห์น้ำหนักเบา และอีกตัวอย่างหนึ่งคือการดึงพลังงานจากท่อไอเสียมาใช้ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องยนต์ได้อย่างมาก โดยขณะนี้ได้มีการดำเนินการในรุ่นต้นแบบแล้ว และคาดว่า จะมีการผลิตตามมาอีกหลายรุ่นในอีกไม่กี่ปีจากนี้ ระบบเครือข่าย/เทเลเมติคส์: ที่งาน IAA ระบบเครือข่ายเทเลเมติคส์ถือเป็นหัวข้อการอภิปรายที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการเติบโตอย่างแท้จริง ซึ่งเราได้กล่าวถึงอย่างครอบคลุมในการประชุมเรื่อง carIT ที่มีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก การวางเครือข่ายการขนส่งที่ผู้ขนส่งสินค้าและลูกค้าสามารถเข้าถึงโครงข่ายเชื่อมโยง (logistics chain) ได้ตลอดเวลาผ่านทางสมาร์ทโฟนนั้นถือเป็นงานเชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตรถพ่วงซึ่งใช้งานระบบเทเลเมติคส์มาก ความโปร่งใสที่เพิ่มมากขึ้นจะนำไปสู่ความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น รถบรรทุกขนาดยาวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของงาน IAA ไปแล้ว โดยขณะนี้กำลังมีการทดสอบภาคสนาม และมีบริษัทเข้าร่วมการทดสอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผลการทดสอบเบื้องต้นออกมาดีมาก กล่าวคือ ยานพาหนะที่เข้าร่วมทดสอบได้แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยและปลอดอุบัติเหตุ ขณะที่การใช้น้ำมันต่อกิโลเมตรลดลงอย่างมาก ประสบการณ์เชิงปฏิบัตินี้ยืนยันได้ถึงข้อได้เปรียบต่างๆที่เราชี้ให้เห็นอยู่เสมอ ซึ่งรวมถึงที่งาน IAA ครั้งนี้ด้วย งาน IAA ครั้งที่ 64 ได้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของการพัฒนาเทคโนโลยีโนโลยีสำหรับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยอุตสาหกรรมนี้ถือเป็นผู้บุกเบิกด้านเทคโนโลยีและประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม ระบบขับเคลื่อนทางเลือก และการใช้เครื่องยนต์ดีเซลให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ เราพบว่าอากาศพลศาสตร์ (aerodynamics) มีศักยภาพที่จะสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกมาก นอกจากนี้ ที่งาน IAA เรายังพบว่า การลดก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์เป็นเรื่องที่สำคัญมากในอุตสาหกรรมรถเชิงพาณิชย์ ถึงแม้ว่าจะมีหรือไม่มีการกำกับดูแลก็ตาม! ระบบของการกำกับดูแลตามการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นวิธีการที่ผิด เมื่อพิจารณาจากการพัฒนาที่ชัดเจนนี้ นี่จะก่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้นหากนักการเมืองผลักดันให้มีการใช้วิธีการอื่นๆที่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งรวมถึงแนวทางที่สร้างสรรค์ แปลกใหม่ สู่แง่มุมต่างๆ ของรถยนต์ อาทิ รถบรรทุกขนาดยาว ภายใต้หลักเกณฑ์ “อยู่นอกกฏเกณฑ์แทนที่การอยู่ในกฎเกณฑ์” วิธีการที่ครอบคลุมเพื่อนำไปสู่ประสิทธิภาพควรรวมประเด็นดังต่อไปนี้เข้าไปด้วย เช่น พฤติกรรมของผู้ขับขี่ การจัดการขบวนรถยนต์ที่เหมาะสมสูงสุด เชื้อเพลิงทางเลือก การพัฒนาไปสู่สาธารณูปโภคพื้นฐาน และการควบคุมจราจรแบบอัจฉริยะ หากเราอยู่ในภาครถยนต์เชิงพาณิชย์ ได้ใช้ประโยชน์จากแรงขับเคลื่อนของตลาด การแข่งขันกันเองระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ก็จะก่อให้เกิดความมั่นใจเกี่ยวกับความคืบหน้าของนวัตกรรมด้านคาร์บอนไดอ็อกไซด์ จากการเดินสายทัวร์เชิงคุณภาพของ IAA ผมอยากนำเสนอข้อมูลที่สำคัญดังนี้ จำนวนผู้จัดแสดงในงานจากต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น 8% มาอยู่ที่ 1,047 ราย คิดเป็นสัดส่วน 55% ในบรรดาผู้ร่วมงานจากต่างประเทศ ผู้จัดแสดงจากจีนอยู่ในอันดับแรกเป็นครั้งแรก (152 ราย) รองลงมาคือ ตุรกี (135 ราย) และอิตาลี (134 ราย) สำหรับวัน China Day, Turkey Day และ India Day ยังมีจุดสนใจที่เที่ยงตรงจากมุมมองของตลาด IAA Commercial Vehicles ถือเป็นนิทรรศการการค้าของบรรดาผู้ตัดสินใจ สัดส่วนของผู้เข้าชมงานเป็นมืออาชีพ 85% และในช่วงสุดสัปดาห์บันทึกในระดับสูงสุดได้ที่ 92% งาน IAA Commercial Vehicles ไม่เคยอยู่ในระดับสากลเช่นนี้มาก่อน โดยมากกว่า 1 ใน 4 (27%) ของผู้ร่วมงานมืออาชีพมาจากต่างประเทศ และในวันจัดแสดงวันที่ 2 สัดส่วนของผู้ร่วมงานจากต่างประเทศที่แท้จริง อยู่ที่ 46% ผู้ร่วมงานมาจากทุกทวีปทั่วโลก ไม่เพียงแต่ยุโรปเท่านั้น (62%) แต่ผู้ร่วมงานการค้า 1 คนจาก 5 คนมาจากเอเชีย (21%) สัดส่วนของผู้ที่เข้าร่วมงาน IAA ที่มาจากเอเชียจึงมากกว่า 2 เท่าของจำนวนปี 2553 (10% เท่านั้น) สำหรับผู้เข้าร่วมงานการค้าจากต่างประเทศ 1 คนจาก 11 คน (9%) มาจากจีนเพียงแห่งเดียว สำหรับผู้ร่วมงานรั้งในอันดับสองมากจากเนเธอร์แลนด์ (7%) และอันดับสามสวีเดน (7% เช่นกัน) เกือบ 1 ใน 3 ของผู้ร่วมงานครั้งนี้นั้น ทำงานอยู่ในวงการยานยนต์ และบรรดาผู้เข้าร่วมงานทางการค้าจากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของผู้ร่วมงานทั้งหมด 4 ใน 5 ของผู้ร่วมงานการค้าของของ IAA มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจซื้อและจัดหา แถลงการณ์ฉบับหนึ่งโดยผู้ร่วมงานการค้ามากกว่าครึ่งหนึ่ง (55%) เป็นที่น่าสังเกตเป็นพิเศษ ระบุว่า พวกเขากำลังวางแผนลงทุนในภาคยานยนต์เชิงพาณิชย์ในช่วง 6 — 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่ 1 ใน 4 ของผู้ร่วมงาน มางาน IAA ด้วยเหตุผลนี้โดยตรง ส่วน 1 ใน 3 ของผู้ร่วมงาน (35%) มางานนี้เป็นครั้งแรก ไม่เพียงเท่านี้ 2 ใน 3 ของผู้ร่วมงานเดินทางมายังงาน IAA โดยรถยนต์ ขณะที่ 15% มาทางรถไฟ นอกจากนี้ ผู้ร่วมงาน IAA โดยเฉลี่ยอายุยังน้อยลงอีกครั้ง โดยอายุเฉลี่ยอยู่ที่เกือบ 40 ปี ขณะที่อายุเฉลี่ยของผู้เข้าร่วมงาน IAA ในปี 2553 มากกว่า 42 ปี ขณะที่สัดส่วนของผู้ร่วมงานเพศหญิงปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยแตะ 12% ดังนั้นผู้ร่วมงาน IAA 1 ใน 8 คนเป็นผู้หญิง สำหรับตัวแทนจากประเทศต่างๆ ที่ร่วมงาน IAA มีมากมาย ประกอบด้วย กลุ่มผู้เข้าร่วมงานจากสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลี ตุรกี รัสเซีย และอาร์เจนตินา เรามีทัวร์สำหรับการเดินชมงานระดับวีไอพี 45 รอบ ซึ่งเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับงาน IAA ในปี 2553 สำหรับแขกผู้ร่วมงานระดับสูง ประกอบด้วยดร.ปีเตอร์ รัมซาวเออร์ (Dr Peter Ramsauer) รัฐมนตรีคมนาคมเยอรมนี, ดร.ฟิลิปป์ โรสเลอร์ (Dr Philipp R?sler) รัฐมนตรีเศรษฐกิจ, เดวิด แมคอัลลิสเตอร์ (David McAllister) นายกรัฐมนตรีรัฐนีเดอร์ซัคเซิน และรัฐมนตรีจากรัฐในเยอรมนีที่มาอย่างคับคั่ง เลขาธิการรัฐ และสมาชิกรัฐสภาเยอรมนี และสมาชิกรัฐสภารัฐต่างๆ, ฟิลิปปิส์ ดี เมอร์ฟี (Philipp D. Murphy) เอกอัครราชทูตสหรัฐ เป็นแขกผู้ร่วมงาน เช่นเดียวกัน ฉี เมิงเตอ (Shi Mingde) เอกอัคราชทูตจีนประจำเยอรมนี, สมาชิกเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของคณะกรรมธิการยุโรป (EC) และสมาชิกรัฐสภายุโรปจำนวนมากยังร่วมรับฟังข้อมูลในงาน IAA อีกด้วย ในระหว่างที่เราได้เดินเยี่ยมชมภายในงาน ผมได้พูดคุยกับกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์เชิงพาณิชย์ ผู้ผลิตรถพ่วงและตัวถังรถ และซัพพลายเออร์ พวกเขาล้วนตื่นเต้น เราก็ยินดีที่ซัพพลายเออร์ได้ประโยชน์จากแนวโน้มที่ดีในแง่ของจำนวนผู้เข้าชมงาน เห็นได้อย่างชัดเจนว่า IAA สามารถสร้างบรรยากาศที่สร้างสรรค์ให้เป็นจริงได้อย่างมั่นใจ ซึ่งงาน IAA นั้น จะมีความเป็นสากลและมีผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนที่ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านธุรกิจยานยนต์เชิงพาณิชย์ และมีผู้เข้าชมงานอีกมากที่มีแนวโน้มว่าจะกลายมาเป็นลูกค้า ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรที่หลากหลาย VDA เคยจัดงานที่มีลักษณะเชี่ยวชาญโดยเฉพาะและการประชุมสัมนามาแล้วกว่า 30 งาน ที่ IAA ผมอยากจะชี้ให้เห็นตัวอย่างที่ชัดเจนจากการประชุม Electric Mobility Congress รวมทั้งการประชุมเรื่อง carIT ก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เช่นกัน โดยมีผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด 4,300 รายเข้าร่วมงานที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ซึ่งมีทั้งการโหลด รางวัลจำนวนมากที่มีให้กับบริการด้านการเงิน เทเลเมติค วัน Harzardous Goods Day บริการรถโค้ชสำหรับการเดินทางไกล และการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ นอกจากการประชุมสัมนาแล้ว ยังมีการแสดงโชว์ชุดพิเศษกลางแจ้งที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน โดยมีการเปิดให้ทดลองขับขี่รถเชิงพาณิชย์ทั้งแบบเบาและแบบหนักถึง 1,100 รายการ โดยมีผู้เช้าเยี่ยมชมงาน 1,500 รายที่รวบทดลองขับรถไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญในงาน IAA ส่วนทที่เวทีแห่งนวัตกรรมก็มีการนำเสนอและสาธิตระบบขนส่งอย่างยั่งยืน ซึ่งได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี IAA Commercial Vehicles เป็นโอกาสในการกระตุ้นความสนใจเรื่องการขนส่งสินค้าที่ปรากฎอยู่ในบทเรียนในกลุ่มของเด็กนักเรียน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญที่จะดึงดูดคนหนุ่มสาว การเดินหน้าแคมเปญของ IAA สำหรับโรงเรียนนั้น เราได้เชิญคุณครูเข้ามาอธิบายถึงเรื่องการขนส่งและลอจิสติกส์ในรูปแบบที่สามารถปฏิบัติได้ง่ายที่สุดแก่เด็กนักเรียนในชั้นเรียนในช่วงที่มีการเดินทางมายัง IAA ครูและนักเรียนประมาณ 4,750 รายตอบรับคำเชิญ โดยมีเด็กนักเรียนเข้าร่วมงานมากกว่าช่วง 2 ปีที่แล้วถึงเกือบ 200 ราย เรายังได้ต้อนรับนักเรียนจากออสเตรียและเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเดินทางไกลมาเพื่อร่วมงาน IAA ขณะที่โครงการที่เกี่ยวกับวิศวกรรมในอนาคต อาทิ GoIng and WorkING ก็สามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมชมงานได้ถึง 500 ราย และยานยนต์ประวัติศาสตร์อย่างรถบรรทุกของชาวอเมริกัน รวมทั้งงาน Automania สำหรับคอสะสมรถทั้งหลายก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในงานนิทรรศการด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ เราจึงสามารถกล่าวได้ผลลัพธ์จากงาน IAA นั้น น่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง เราจึงขอขอบคุณดอยช์ แมส เอจี ที่ให้การสนับสนุน การดำเนินงานอย่างมืออาชีพ และความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละในบริการ ทั้งก่อนและหลังงาน IAA โดยนับตั้งแต่ 1 ปีจากนี้ไป งาน IAA Cars ครั้งที่ 65 จะเปิดฉากขึ้นที่แฟรงค์เฟิร์ต แอม เมน ในวันที่ 12-22 กันยายน 2556 และเราจะกลับมาที่ฮันโนเวอร์อีกครั้งในปี 2557 ที่งาน IAA Commercial Vehicles ครั้งที่ 65 ในวันที่ 25 กันยายน — 2 ตุลาคม 2557 เราตั้งตารอที่จะได้จัดงานเหล่านี้อีกครั้ง เอคฮาร์ท ร็อตเตอร์ (Eckehart Rotter) VDA โทร. +49-30-897842-120 อีเมล: rotter@vda.de http://www.vda.de แหล่งข่าว: สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งเยอรมนี (VDA)
แท็ก ยานยนต์  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ