ซาราโกซา, สเปน--4 มิ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ทีมนักวิจัยโรคอัลไซเมอร์จากสเปนขยับเข้าใกล้ความสำเร็จอีกขั้นหนึ่ง ด้วยการใช้วิธีการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์
ความจริงที่ว่า 75% ของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์กว่า 36 ล้านคนทั่วโลกที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยโรคอย่างมีประสิทธิภาพนั้น อาจส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อชีวิตทั้งในปัจจุบัน และอนาคตของผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะป่วยด้วยโรคดังกล่าวได้
โรคอัลไซเมอร์เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ซึ่งพบว่า บ่อยครั้งเกิดขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุ อาการทั่วไปของโรคคือ ผู้ป่วยจะสูญเสียความทรงจำไปเรื่อยๆจนถึงขั้นที่ต้องพึ่งพาผู้ดูแลอาการในดำรงชีวิตประจำวัน รายงานผลการวิจัยจำนวนมากสนับสนุนทฤษฎีที่ว่า กลุ่มของเปปไทด์เบตา แอมีลอยด์ (Abeta) ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์เป็นสาเหตุหลักของโรคอัลไซเมอร์ หลายปีผ่านไป เปปไทด์เหล่านี้จะก่อตัวขึ้นในสมอง และส่งผลให้ผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องความทรงจำ รวมถึงอาการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบที่เกี่ยวกับกระบวนการทำงานของเปปไทด์กลุ่มดังกล่าวได้
ศาสตราจารย์มานูเอล ซาราซา (Manuel Sarasa) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้า และผู้ก่อตั้ง Araclon Biotech บริษัทวิจัยสัญชาติสเปน พร้อมทีมวิจัยประสบความสำเร็จในการตรวจเลือด “ABtest40” และ “ABtest42” เพื่อตรวจวัดจำนวนเปปไทด์เหล่านี้ในเลือดในปริมาณที่น้อยมาก
“การตรวจหาเปปไทด์ Abeta ในเลือดทำให้เราพบว่า เปปไทด์กลุ่มนี้มีความสัมพันธ์กับโรคอัลไซเมอร์ในระดับสูงมาก เมื่อเปรียบเทียบคนทั่วไปกับผู้ป่วยที่เริ่มสูญเสียความจำเล็กน้อย หรือที่เรียกว่า MCI” (ช่วงที่สังเกตได้ชัดเจนที่สุดของอาการสูญเสียความทรงจำ)
ซาราซา กล่าวว่า “จากการตรวจวัดระดับของเปปไทด์ 2 สายที่สำคัญมากที่สุดคือ Abeta40 และ Abeta42 ที่แตกต่างกัน 3 ระดับในเลือด ทั้งขณะที่เป็นอิสระอยู่ในพลาสมา ติดอยู่กับองค์ประกอบของพลาสมา และติดอยู่กับเม็ดเลือด และเปรียบเทียบอัตราส่วนของระดับเปปไทด์เหล่านั้นกับแนวทางการวิเคราะห์ที่กำหนดไว้ ทำให้เราสามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างระดับของเปปไทด์ Abeta กับโรคอัลไซเมอร์ได้”
“ผลวิจัยบ่งชี้ว่า เรา ซึ่งรวมถึงนักวิจัยโรคอัลไซเมอร์ทั่วไปได้ขยับเข้าใกล้การค้นพบอาการทางกายภาพในระยะแรกเริ่มที่บ่งบอกถึงโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลให้การดำเนินการวิจัยเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น และลดต้นทุนการวิจัยลงได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถทดสอบวิธีการรักษาในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ระยะแรกๆได้ จนกระทั่งพบแนวทางการรักษาที่ได้ผล โดยการทดสอบเช่นนี้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งต่อหน่วยงานด้านสุขภาพสาธารณะในการตรวจสุขภาพของประชาชน”
ผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Alzheimer’s Disease ปีที่ 36 ฉบับที่ 3 ในเดือนก.ค.
ศาสตราจารย์ซาซารา กล่าวว่า ขณะนี้มีการศึกษาวิจัยผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ 255 รายในระดับนานาชาติ โดย Araclon Biotech ซึ่งตั้งอยู่ในสเปน และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท Grifols กำลังรอยืนยันผลการวิจัยที่สอดคล้องกับกลุ่มนักวิจัยอื่นๆทั่วโลก
เกี่ยวกับ Araclon Biotech SL
อารากล็อน (Araclon) เป็นบริษัทในเครือของ Grifols ( http://www.araclon.com ) ก่อตั้งขึ้นในปี 2547 โดยศร. มานูเอล ซาราซา ในเมืองซาราโกซา ประเทศสเปน บริษัทมุ่งมั่นในการคิดค้นวิธีการรักษา และการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ในระยะแรกเริ่ม
เกี่ยวกับวารสาร Journal of Alzheimer’s Disease (JAD)
Journal of Alzhemer’s Disease ( http://www.j-alz.com ) เป็นวารสารนานาชาติ ประกอบด้วยหลายสาขาวิชา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสมุฏฐานวิทยา (การศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุของโรค) พยาธิกำเนิด ระบาดวิทยา พันธุศาสตร์ พฤติกรรม วิธีการรักษา และจิตวิทยาเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ วารสารดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ IOS Press ( http://www.iospress.com )
ติดต่อ
ไบรโอนี ชินเนอรีย์ (Bryony Chinnery)
Kaizo PR
อีเมล: Bryony.Chinnery@kaizo.co.uk
โทร. +44(0)203-176-4723
แหล่งข่าว Araclon Biotech