ASIANET: บ.ไฮนซ์รุกแผนปรับโครงสร้างธุรกิจคาดผลกำไรขยายตัว 2 หลัก

ข่าวต่างประเทศ Thursday February 18, 1999 16:28 —Asianet Press Release

พิทสเบิร์ก--18 ก.พ.--พีอาร์นิวสไวร์-เอเชียเน็ท
เมื่อวานนี้ บริษัทเอช.เจ. ไฮนซ์ คอมพานีได้ประกาศแผนการปรับโครงสร้างและการขยายตัวระยะยะเวลา 4 ปีซึ่งคาดว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 200 ล้านดอลลาร์/ปีและเพิ่มผลประกอบการ/หุ้น 10-12 % ต่อปีในช่วง 4 ปีข้างหน้า โดยแผนการดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า Operation Excel ได้รับการเปิดเผยโดยนายวิลเลียม อาร์ จอห์นสัน ประธานและซีอีโอของบริษัทไฮนซ์ในการประชุมกลุ่มนักวิเคราะห์ผู้บริโภคแห่งนครนิวยอร์คที่เมืองเนเปิลส์ รัฐฟลอริดา
ทั้งนี้ แผนการ Operation Excel จะมีผลทางการเงินในช่วง 4 ปีดังนี้:-
-บริษัทจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ในแต่ละปีสำหรับนำไปลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้ยี่ห้อไฮนซ์
-บริษัทจะมีเงินสดหมุนเวียน 2.5 พันล้านดอลลาร์
-วอลุ่มการขยายตัวจะอยู่ที่ระดับ 3-4 % ในแต่ละปี
-ผลตอบแทนของการลงทุนจะอยู่ที่ระดับเกือบ 40 %
-ผลกำไรเบื้องต้นเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 42 %
-อัตราภาษีต่อเนื่องอยู่ระหว่างระดับ 35-36 %
-มีการลงทุนเพิ่มเติมมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ในปีหน้าเพื่อส่งเสริมด้านการตลาดและด้านการกำหนดราคาผลิตภัณฑ์หลัก ซึ่งรวมถึงซอสมะเขือเทศ, ปลาทูนาและมะเขือเทศแช่แข็ง
นอกจากนี้ แผนการดังกล่าวมีผลทางด้านการปฏิบัติงานดังนี้:-
-บริษัทจะให้ความสำคัฐกับธุรกิจอาหารหลัก 6 ประเภทและ 6 ประเทศหลักเพื่อสร้างฐานสำหรับการขยายตัวในตลาดแห่งใหม่อื่นๆ
-บริษัทจะดำเนินการปรับการผลิตและการจำหน่ายทั่วโลก รวมทั้งสร้างศูนย์กลางของความเป็นเลิศทางด้านการผลิต ผ่านทางการขยายโรงงาน 13-15 แห่ง,ปิดหรือขายโรงงาน 15-20 แห่ง และลดขนาดลงอย่างน้อยอีก 10 แห่ง
-บริษัทจะดำเนินการลดจำนวนพนักงานทั่วโลกลงประมาณ 3,000-4,000 คนในช่วงระยะเวลา 4 ปี
--บริษัทจะขายธุรกิจยี่ห้อ Weight Watchers ในขณะที่ยังคงดำเนินธุรกิจอาหารแช่แข็งยี่ห้อ Weight Watchers ไว้ ซึ่งจะส่งผลให้การคาดการณ์ผลประกอบการต่อหุ้นในอนาคตลดลงประมาณ 7 เซนต์/หุ้น
นายจอห์นสันได้กล่าวว่า "แผนการ Operation Excel สามารถทำให้การมุ่งเน้นและการปรับฐานธุรกิจมีความเป็นไปได้ ซึ่งนับเป็นสิ่งจำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมอาหาร แต่ก็นับเป็นความเสียใจที่ว่าผลที่ตามมาของกระบวนการปรับโครงสร้างคือการลดจำนวนพนักงานของเราลงทั่วโลก"
การปรับโครงสร้างค่าใช้จ่าย
แผนการปรับโครงสร้างจากแผน Operation Excel จะช่วยให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างน้อย 50 ล้านดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2000, 145 ล้านดอลลาร์ในปี 2001, เกินกว่า 200 ล้านดอลลาร์ในปี 2002 และหลังจากนั้น โดยบริษัทจะต้องทำการปรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษีประมาณ 900 ล้านดอลลาร์ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายที่มีการประกาศไปก่อนหน้านี้ 150 ล้านดอลลาร์ในขั้นต้นสำหรับการรวมธุรกิจอาหารแช่แข็งของไฮนซ์ โดยค่าใช้จ่ายที่ระดับ 900 ล้านดอลลาร์จะใช้สำหรับช่วงระยะเวลา 4 ปีซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในปีนี้ สำหรับค่าใช้จ่ายในอนาคตที่ไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ภายใต้กฏเกณฑ์ทางบัญชีนั้นจะอยุ่ที่ระดับประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ในช่วงระยะเวลา 4 ปี
นอกจากนี้ แผน Operation Excel จะช่วยให้บริษัทรักษาระดับอัตราภาษีรายปีไว้ที่ประมาณ 35-36 %
การบริหารงานที่เป็นเอกภาพ
นายจอห์นสันได้กล่าวว่า "แผนการทั้งหมดนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของบริษัท โดยได้รับการผลักดันจากคณะผู้บริหารที่มีเอกภาพและมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยส่วนที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงของบริษัทจะได้แก่ การเปลี่ยนแปลงการรวมศูนย์กลางของบริษัทในเครือที่บริหารงานกันเองโดยที่ยังไม่ได้มีการปรับนั้น ไปเป็นการบริหารตามประเภทผลิตภัณฑ์ระดับโลก เช่น ซอสมะเขือเทศ, ทูนาและมะเขือเทศแช่แข็ง และผลเกี่ยวเนื่องที่ตามมาจะได้แก่การปรับเครือข่ายการผลิตและจำหน่ายของบริษัทให้ได้ศูนย์กลางความเป็นเลิศซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการผลิตและความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ในแต่ละประเภททั่วภูมิภาคอเมริกาเหนือ, ยุโรปและเอเชียแปซิฟิค
การขายธุรกิจ Weight Watchers
นายจอห์นสันได้เปิดเผยว่า ส่วนหนึ่งที่สำคัญของกลยุทธบริษัทที่มุ่งเน้นการขยายตัวมากขึ้นของนั้นคือ การตัดสินใจที่จะขายธุรกิจ Weight Watchers International ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีชื่อเสียงที่บริษัทเป็นเจ้าของมากว่า 20 ปี เราประสบความสำเร็จในด้านการฟื้นตัวของ Weight Watchers International อันเป็นผลของโครงการ 1.2.3 Success และโครงสร้างทางธุรกิจที่ง่ายและคล่องตัว ดังนั้นการตัดสินใจขายธุรกิจดังกล่าวไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานหรือแนวโน้มในอนาคต แต่สะท้อนถึงความต้องการในทักษะที่มีความแตกต่างกันในการบริหารธุรกิจค้าปลีก ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญหลักของเรา
รากฐานของการขยายตัว
นายจอห์นสันกล่าวว่า "ในปีหน้านั้น เราวางแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมมุลค่า 100 ล้านดอลลาร์ในโครงการด้านการตลาดและการกำหนดราคาสำหรับผลิตภัณฑ์หลักของเราเรามีศักยภาพในการขยายตัวอย่างมากในธุรกิจหลักของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจค้าปลีกและบริการด้านอาหารอันได้แก่ ซอสมะเขือเทศ, อาหารแช่แข็งและทูนา การมุ่งเน้นธุรกิจเฉพาะและการปรับขนาดธุรกิจจะเป็นกุญแจสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคตของอุตสาหกรรมอาหารและกลยุทธของเราจะอยู่ที่การมุ่งเน้นศักยภาพในการขยายตัวของธุรกิจหลักในด้านอาหาร 6 ประเภทและ 6 ประเทศซึ่งเรามีความเป็นหนึ่งในด้านยี่ห้อผลิตภัณฑ์ของเรา หลักทางภูมิศาสตร์และประเภทผลิตภัณฑ์ 6X6 นี้ทำรายได้ให้กับบริษัทคิดเป็นสัดส่วนถึง 80 % ของรายได้ทั่วโลกและคิดเป็น 90 % ของรายได้จากการดำเนินงาน
ธุรกิจอาหาร 6 ประเภทหลักของไฮนซ์ได้แก่:-1. ซอสมะเขือเทศ, เครื่องปรุงและซอส2. อาหารแช่แข็งยี่ห้อ Ore-Id, Bagel Bites และ Smart Ones 3. ทูนายี่ห้อ StarKist และ John West4. ซุป, ถั่วและพาสต้ายี่ห้อ Heinz และ Wattie5. อาหารสำหรับทารกยี่ห้อ Heinz Plasmon6. อาหารสัตว์เลี้ยงยี่ห้อ 9-Lives, Kibbles'n Bits, Pounce และ Pup-Peroni
การมุ่งเน้นตามภูมิศาสตร์ของไฮนซ์นั้นจะได้แก่ 6 ประเทศหลักคือ:-1. สหรัฐ2. สหราชอาณาจักร3. อิตาลี4. แคนาดา5. ออสเตรเลีย6. นิวซีแลนด์
นายจอห์นสันกล่าวว่า "เรากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการขยายตัวในอนาคตด้วยการลงทุนในประเทศยุโรปอื่นๆ, ยุโรปตอนกลางและเอเชีย/แปซิฟิค รากฐานแบบ 6X6 ของเราจะไม่จำกัดศักยภาพของ แต่จะเป็นรากฐานสำหรับการขยายตัว"
การปรับโครงสร้างธุรกิจในแถบยุโรป
ความพยายามในการปรับโครงสร้างส่วนใหญ่จะอยู่ในแถบยุโรปซึ่งบริษัทมีธุรกิจมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์และมียี่ห้อผลิตภัณฑ์อันดับหนึ่งหรืออันดับสองรวม 50 ยี่ห้อ บริษัทได้วางแผนที่จะทำการปรับโครงสร้างในการดำเนินงานและการบริหารทั่วภูมิภาคยุโรป โดยนายจอห์นสันกล่าวว่า "คณะบริหารในทวีปยุโรปของเราได้เสนอให้มีการปิดหรือลดขนาดของโรงงาน 1 ใน 3 จากทั้งหมด 21 แห่งของเราในยุโรป ในขณะเดียวกันก็ทำการปรับการบริหารให้มีความคล่องตัว, ทำการรวมสินทรัพย์และรวมระบบข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเพิ่มการใช้กำลังผลิตในโรงงานต่างๆของเราได้อย่างน้อยที่สุด 20 % ทั่วทวีปยุโรป โดยนายจอห์นสันได้ยกตัวอย่างของการประหยัดค่าใช้จ่ายได้แก่ การที่บริษัทจะลดการออกแบบขวดซอสมะเขือเทศในยุโรปลงจาก 24 แบบเหลือเพียง 12 แบบ ซึ่งจะประหยัดเงินได้อย่างน้อย 5 ล้านดอลลาร์/ปี
นอกจากนี้ นายจอห์นสันยังได้กล่าวถึงการปรับโครงสร้างในเดือนพ.ย.ปีที่ผ่านมาของธุรกิจอาหารแช่แข็งของบริษัทในอเมริกาเหนือ รวมทั้งโครงการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เสนอขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ทุนาและผลิตภัณฑ์ไฮนซ์ในภาคพื้นเอเชีย/แปซิฟิคด้วย
แผนการด้านการตลาด
นายจอห์นสันได้กล่าวว่า "ผมมีความเชื่อมั่นว่า เราจะประสบความสำเร็จในด้านการประหยัดค่าใช้จ่ายจากแผน Operation Excell และเชื่อมั่นว่าเราจะมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง" โดยได้กล่าวถึงศักยภาพในการขยายตัวในระดับสูงในธุรกิจหลักๆของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจค้าปลีกและบริการด้านอาหารซึ่งได้แก่ ซอสมะเขือเทศ, อาหารแช่แข็งและทูนา
การขยายตัวของผลประกอบการต่อหุ้น
นายจอห์นสันกล่าวว่า การรุกตลาดผลิตภัณฑ์หลักของเราซึ่งได้แก่ "ซอสมะเขือเทศไฮนซ์" นั้นได้ช่วยสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่งให้กับบริษัท โดยการบริโภคของลูกค้ารายย่อยในสหรัฐเพิ่มขึ้น 13 % ในช่วง 12 สัปดาห์ที่ผ่านมา และผลประกอบการของเราในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นสู่ระดับเกือบ 55 % โดยเราจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งนี้ด้วยแผนการตลาดใหม่ในเดือนเม.ย.โดยเราจะเปิดตัวซอสมะเขือเทศบรรจุขวดแก้วขนาด 24 ออนซ์ที่ระดับราคา 99 เซนต์ในช่วงตลอดฤดูร้อน นอกจากนี้ เราจะทำการโฆษณาซอสมะเขือเทศในสหรัฐอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วงนี้
การบริโภคซอสมะเขือเทศของประชากรแต่ละรายในสหรัฐ, อังกฤษและแคนาดาคิดเป็น 6 เท่าของการบริโภคของประชากรแต่ละรายในประเทศอื่นๆทั่วโลก โดยการเพิ่มขึ้นเพียง 10 % ของการบริโภคซอสมะเขือเทศในตลาดของประเทศที่กำลังพัฒนาของโลกนั้นทำรายได้จากการดำเนินงานให้กับบริษัทเป็นมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์
การฟื้นตัวของธุรกิจอาหารแช่แข็ง
นายจอห์นสันได้หารือถึงการฟื้นตัวของธุรกิจเนื้อแช่แข็งของบริษัทซึ่งมีการบริโภคที่เพิ่มขึ้นสำหรับเนื้อยี่ห้อ Smart Ones ของ Weight Watchers โดยระบุว่า "ยี่ห้อ Smart Ones นั้นมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักเป็นประวัติการณ์และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น" โดยความเชื่อถือส่วนใหญ่ที่ได้รับนั้นมาจากการบรรจุห่อที่มีการปรับปรุง, คุณภาพและการโฆษณาที่ดีขึ้น โดยในตลาดที่มีการโฆษณาแบบใหม่ทางโทรทัศน์ ทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้น 36 % เมื่อเทียบกับระดับ 10-15 % ในตลาดที่ไม่มีการโฆษณ ในธุรกิจอาหารแช่แข็งนั้น ยี่ห้อ Ore-Ida ถือเป็นผู้นำตลาด โดยครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งด้วยมูลค่าธุรกิจ 500 ล้านดอลลาร์ในผลิตภัณฑ์มะเขือเทศแช่แข็ง สูงกว่ายี่ห้อของคู่แข่งเกือบ 8 เท่า
นายจอห์นสันกล่าวว่า "เราเชื่อว่า การบริโภคมะเขือเทศสามารถขยายตัวขึ้นได้ด้วยการขยายการใช้ในดอกาสใหม่ๆและเพิ่มความสนใจไปที่เด็กๆโดยเมื่อไม่นานมานี้ เราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารขบเคี้ยว (ได้แก่มันฝรั่งทอดยี่ห้อ Ore-Ida Snackin Fries และ Oven Chips) และเราจะทำการรุกด้านการตลาดอย่างครบวงจรมากขึ้นในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงเพื่อแสดงถึงพันธกรณีอย่างชัดเจนของเราในการเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์และการขยายส่วนแบ่งตลาด
กลยุทธสำหรับธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง
นายจอห์นสันได้เปิดเผยว่า บริษัทได้วางกลยุทธในด้านธุรกิจอาหารเลี้ยงสัตว์ดังนี้:-1. สร้างความเป็นหนึ่งในด้านมูลค่าให้กับผู้บริโภคผ่านทางการกำหนดต้นทุนที่อิงกับราคา2. ปรับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มผลกำไรของธุรกิจอาหารสัตว๎เลี้ยงหลักของบริษัท 3. ปรับปรุงอาหารแมวยี่ห้อ 9-Lives และส่งเสริมผลิตภัณฑ์ Kibbles 'n Bits และธุรกิจดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงที่ทำกำไรให้อย่างมาก
ความเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์ทูนา
ในร่างแผนการขยายธุรกิจทูนาของบริษัทนั้น นายจอห์สันได้ระบุว่าปัจจุบันบริษัทครองส่วนแบ่งตลาดทูนาทั่วโลก 20 % ของมูลค่าตลาดรวม 6 พันล้านดอลลาร์และกล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งตลาดโลกในแต่ละ 1 % นั้นคิดเป็นมูลค่าของกำไรในการดำเนินงานประมาณ 14 ล้านดอลลาร์" และเพื่อเพิ่มรายได้จากความนิยมในทูนาในสหรัฐนั้น บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในตระกูล StarKist ได้แก่ Gourmet Tuna Fillets และ Lunch-to-Go
กลยุทธไปสู่ชัยชนะ
นายจอห์นสันได้สรุปว่า "เรามีความเชื่อมั่นว่า กลยุทธของเราในการมุ่งเน้นและปรับขนาดธุรกิจ บวกกับประโยชน์ของการปรับโครงสร้างในเชิงรุกและการขยายตัวนั้น จะช่วยให้ให้บริษัทมีการขยายตัวของผลประกอบการและมีมูลค่าที่เป็นหนึ่งในช่วง 4 ปีข้างหน้า รวมทั้งทำให้มูลค่าของผู้ถือหุ้นดีขึ้นด้วย"
สำหรับแผนการ Operation Excel ซึ่งรวมถึงการเสนอขายธุรกิจ ตระกูล Weight Watcher นั้นจะต้องได้รับการอนุมัติในขั้นสุดท้ายจากคณะกรรมการบริหารของบริษัท และคาดว่าจะมีการดำเนินแผนการดังกล่าวก่อนสิ้นปีงบการเงินนี้ ส่วนการประกาศที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับรายละเอียดการขยายตัวทั่วโลกของบริษัทและแผนการปรับโครงสร้างนั้นจะมีขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
เกี่ยวกับบริษัทไฮนซ์: ด้วยยอดขายเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์นั้นทำให้บริษัทเอช.เจ. ไฮนซ์ คอมพานีเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกในด้านการแปรรูปอาหารและผู้ให้บริการด้านโ๓ชนาการ โดยมีบริษัทในเครือ 50 แห่งในราว 200 ประเทศและ territories ที่เสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า 5,000 ชนิด โดยยี่ห้อผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของบริษัทได้แก่ Heinz, StarKist, Ore-Ida, 9-Lives, Weight Watcher, Wattie's, Plasmon, Farley's, Budget Gourmet, Rosetto, Bagel Bites, Pup-Peroni, Nature's Recipe, Orlando, Olivine และ Pudliszki สำหรับข้อมูลของบริษัทดูได้จาก www.heinz.com แหล่งที่มา: บริษัทเอช.เจ. ไฮนซ์ คอมพานีติดต่อ: ฝ่ายสื่อ--เท็ด สมิธ หมายเลขโทรศัพท์ 412-456-5780 หรือ โลแกน ซอสส์แมน หมายเลขโทรศัพท์ 412-456-5778 หรือ ฝ่ายนักลงทุน แจ็ค รันเคิล หมายเลขโทรศัทพ์ 412-456-6034 Company News On-Call: http://www.prnewswire.com/comp/575757html หรือ โทรสาร: 800-758-5804 ต่อ 575757 เว็บไซต์: http://www.heinz.com-- จบ--
--บิสนิวส์แปลและเรียบเรียง-กช/กก--

แท็ก AsiaNet   asian  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ