ASIANET: แบงก์อเมริกาจับมือเนชั่นส์แบงก์หวังรุกระบบแฟรนไชส์ภาคธนาคาร

ข่าวต่างประเทศ Thursday April 16, 1998 14:31 —Asianet Press Release

วอชิงตัน--16 เม.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท
ธนาคารแบงก์อเมริกา คอร์ปอเรชั่นและธนาคารเนชั่นส์แบงก์ คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการที่จะควบกิจการโดยการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนหุ้นต่อหุ้น ซึ่งจะทำให้เกิดระบบแฟรนไชส์ในภาคการธนาคารแห่งชาติของสหรัฐอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ การควบกิจการในสัดส่วนที่เท่าๆกันในครั้งนี้จะสร้างศักยภาพและความสะดวกอย่างไม่เคยมีมาก่อนให้แก่ลูกค้ารายย่อย, ลูกค้าในภาคธุรกิจและลูกค้าในภาคเอกชนทั่วประเทศและทั่วโลก
การควบกิจการดังกล่าวซึ่งจะเสนอความเป็นไปได้ในการมีรายได้จำนวนมากโดยไม่มีการลดมูลค่ารายได้ของกลุ่มผู้ถือหุ้นแต่อย่างใดนั้น จะทำให้เกิดบริษัทแห่งหนึ่งที่จะมีสินทรัพย์มูลค่า 5.70 แสนล้านดอลล่าร์, หุ้นของผู้ถือหุ้นมูลค่า 4.5 หมื่นล้านดอลล่าร์และเงินทุนจากตลาดมูลค่า 1.33 แสนล้านดอลล่าร์
หลังจากการควบกิจการ ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ทางบริษัทจะมีเครือข่ายลูกค้ากับครัวเรือน 29 ล้านหลังคาเรือนใน 22 รัฐทั่วประเทศ และให้บริการภาคธุรกิจ 2 ล้านแห่งในสหรัฐและในประเทศอื่นๆอีก 38 ประเทศ สำหรับพนักงานของบริษัทจำนวน 180,000 คนจะอาศัย, ทำงานและมีส่วนร่วมในชุมชนหลายพันแห่งทั่วประเทศ
นายฮิวจ์ แม็คคอลล์ วัย 42 ปีแห่งธนาคารเนชั่นส์แบงก์ จะเป็นประธานและซีอีโอของบริษัทแห่งใหม่ และจะยังคงมีสำนักงานหลักของตนในเมืองชาร์ล็อต รัฐนิวเจอร์ซีในขณะที่นายเดวิน คูลเตอร์ วัย 50 ปีแห่งธนาคารแบงก์อเมริกา จะเป็นผู้อำนวยการของบริษัทและยังคงมีสำนักงานใหญ่ในซาน ฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ทั้งนี้ นายแม็คคอลล์และนายคูลเตอร์จะร่วมกันดูแลทิศทางด้านกลยุทธ์ของบริษัทดังกล่าว ซึ่งจะมีขนาด, ขอบเขตและลักษณะ เพื่อที่จะสร้างความรุ่งเรืองให้แก่ชีวิตความเป็นอยู่ของลูกค้าของทางบริษัทและเพื่อที่จะเพิ่มคุณภาพชีวิตในชุมชนจำนวนมากที่ให้ทางบริษัทให้บริการอยู่
นายคูลเตอร์กล่าวว่า "เราได้สร้างระบบแฟรนไชส์ระดับประเทศที่แท้จริงด้วยการเป็นหุ้นส่วนตามแนวคิดนี้" ธนาคารทั้ง 2 แห่งได้สร้างระบบการสืบทอดที่รุ่งเรืองของการให้บริการลูกค้า, การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆและความรู้สึกกระตือรือร้นในการแข่งขัน ระดับที่เราจะประสบความสำเร็จร่วมกันนั้นหมายถึงเราจะครองตำแหน่งผู้นำตลาดเป็นส่วนใหญ่ในเครือข่ายธุรกิจของเรา ซึ่งรวมถึงส่วนแบ่งตลาดที่แข็งแกร่ง 9 แห่งของจำนวน 10 แห่งของรัฐที่ใหญ่ที่สุดและมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดในประเทศ
นายคูลเตอร์กล่าวว่า "นั่นจะทำให้มีการขยายตัวในด้านรายได้ ซึ่งสามารถจุดประกายความจำเป็นของการลงทุนในอนาคตทั้งในส่วนของพนักงานและเทคโนโลยีของเราในวืถีทางที่ไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับบริษัทเพียงแห่งใดแห่งหนึ่ง ซึ่งฮิวจ์และผมเชื่อว่าบริษัทใหม่จะสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับการให้บริการลูกค้า, ความสามารถและประสิทธิภาพต่างๆ นอกจากนี้ เราจะมีขอบข่ายของผลิตภัณฑ์ที่กว้างขวาง ที่มีการดำเนินโดยพนักงานที่ดีที่สุด ผ่านทางระบบการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมที่สุดในประเทศ"
บริษัทแห่งใหม่จะมีการบริหารงานโดยคณะผู้บริหารระดับสูงจำนวน 6 คน ซึ่งรวมถึงนายแม็คคอลล์และนายคูลเตอร์ด้วย ส่วนอีก 4 คนได้แก่นายเจมส์ เอช.ฮานซ์ จูเนียร์ วัย 53 ปีแห่งธนาคารเนชั่นส์แบงก์ ซึ่งจะเป็นรองประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน, นายเคนเน็ธ ดี.ลูอิส วัย 51 ปีแห่งธนาคารเนชั่นส์แบงก์ ซึ่งจะเป็นประธานฝ่ายธุรกิจธนาคารลูกค้ารายย่อยระดับโลก, นายไมเคิล เจ เมอร์เรย์ วัย 53 ปีแห่งธนาคารแบงก์อเมริกา ซึ่งจะเป็นประธานฝ่ายธุรกิจธนาคารครบวงจรระดับโลก และนายไมเคิล อี.โอนีล วัย 51 ปีแห่งธนาคารแบงก์อเมริกา ซึ่งจะเป็นประธานฝ่ายบริการทางการเงิน ที่จะมีการดำเนินพอร์ตธุรกิจ ซึ่งจะมีการระบุเจาะจงในภายหลังและนายโอนีลยังจะเป็นผู้รับผิดชอบในการทำธุรกรรมด้วย
บอร์ดผู้บริหารชุดใหม่จะประกอบไปด้วยผู้บริหาร 20 คน โดย 11 คนมาจากธนาคารเนชั่นส์แบงก์ ซึ่งรวมถึงนายแม็คคอลล์ และอีก 9 คนมาจากธนาคารแบงก์อเมริกา ซึ่งรวมถึงนายคูลเตอร์ โดยจะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงเปอร์เซนต์การเป็นเจ้าของตามสัดส่วนในบริษัทใหม่ดังกล่าว ทั้งนี้ เป็นความตั้งใจในปัจจุบันของบอร์ดผู้บริหารสำหรับนายคูลเตอร์ที่จะเข้าเป็นผู้สืบทอดนายแม็คคอลล์
นายแม็คคอลล์กล่าวว่า "นอกจากธนาคารแบงก์อเมริกาและธนาคารเนชั่นส์แบงก์จะเป็นแฟรนไชส์ที่ดีที่สุด 2 แห่งในทวีปอเมริกาเหนือแล้ว เราก็ยังจะเป็นธนาคารของอเมริกาทั้งในอเมริกาเองและทั่วโลก ลูกค้าของเราจะประสบความสำเร็จอย่างไม่เคยมีมาก่อนในมูลค่าและความสะดวกสบายในด้านทุน และชุมชนของเราจะได้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของเราและพนักงานที่อุทิศตัวของเรา ระบบการจัดจำหน่ายของเราไม่สามารถมีผู้ใดเทียบได้ในระบบธนาคารของสหรัฐ และความหลากหลายทางเศรษฐกิจและฐานเงินทุนที่มั่นคงของเรา ได้ส่งผลให้มีเสถียรภาพอย่างมาก เราเชื่อว่าการควบกิจการครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในอุตสาหกรรมการธนาคารของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เกิดระบบแฟรนไชส์ระดับประเทศที่มีการทำกำไรและมีการบริหารงานอย่างจริงจัง"
นายแม็คคอลล์กล่าวว่า "นอกจากนี้ เราจะมีทรัพยากรมนุษย์ที่หลากหลายที่สุด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของชุมชนต่างๆหลายพันแห่ง ซึ่งเราได้ทำธุรกิจอยู่ ความแข็งแกร่งของบริษัทของเรา และความแข็งแกร่งของประเทศของเรา ก็เป็นผลมาจากความหลากหลายดังกล่าว และเดฟและผมได้มีข้อผูกพันกันในการสร้างบรรยากาศของความสำเร็จ ที่จะทำให้ผู้ร่วมทีมของเราบรรลุถึงศักยภาพส่วนบุคคลสูงสุด"
ข้อตกลงในการควบกิจการ ซึ่งได้รับอนุมัติจากบอร์ดผู้บริหารของธนาคารทั้ง 2 แห่ง จะส่งผลให้เกิดบริษัทโฮงดิ้งแห่งใหม่ที่มีชื่อว่าแบงก์อเมริกา คอร์ปอเรชั่น โดยข้อตกลงดังกล่าวทำให้ผู้ถือหุ้นของธนาคารแบงก์อเมริกาสามารถแลกเปลี่ยนหุ้นแต่ละหุ้นของตนสำหรับหุ้นจำนวน 1.1316 หุ้นในบริษัทแบงก์อเมริกา คอร์ปอเรชั่นได้ ในขณะที่ผู้ถือหุ้นของธนาคารเนชั่นส์แบงก์จะยังคงมีหุ้นของตนอยู่ ซึ่งจะกลายเป็นหุ้นของบริษัทใหม่โดยอัตโนมัติ หุ้นทั้งหมดของหุ้นบุริมสิทธิ์ของธนาคารแบงก์อเมริกาจะมีการเปลี่ยนไปเป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ของบริษัทใหม่ ภายใต้เงื่อนไขต่างๆที่เหมือนเดิม
สัดส่วนการแลกเปลี่ยนหุ้นนั้นมาจากราคาหุ้นของของธนาคารทั้งสองเมื่อสิ้นสุดเวลาทำการในวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยไม่มีการจ่ายพรีเมียมให้แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ข้อตกลงนี้จะต้องได้รับการอนุมัติจากกลุ่มผู้ถือหุ้นและฝ่ายกำกับดูแลกฎระเบียบ
ทั้งนี้ เป็นความปรารถนาของทางบอร์ดผู้บริหารที่ว่าชื่อของธนาคารทั้ง 2 แห่งจะยังคงเป็นรูปแบบเดียวหรือรูปแบบอื่น และเป็นที่คาดกันว่าบริษัทใหม่ดังกล่าวจะดำเนินการทั้งสองชื่อในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และในที่สุดก็จะรวมเป็นชื่อเดียวกันหลังจากที่ได้มีการศึกษาอย่างรอบคอบ
นายคูลเตอร์กล่าวว่า "ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตาม สีของบริษัทจะเป็นสีแดง, ขาวและน้ำเงิน และจะได้รับผลประโยชน์จากระบบแฟรนไชส์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบการธนาคารของสหรัฐ" นายคูลเตอร์ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการรวมตัวกันดังกล่าวนับเป็นความใฝ่ฝันของนายเอ.พี.จิอันนีนี่ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งธนาคารแบงก์อเมริกา ที่จะให้ธนาคารของตน "กลายมาเป็นธนาคารของอเมริกา" ในความฝันของเอ.พี.นั้น ก็คือสาขาต่างๆ ลูกค้าในปัจจุบันนี้ได้เข้าถึงสาขาต่างๆ, เอทีเอ็ม, โทรศัพท์, คอมพิวเตอร์พีซีและในเร็วๆนี้จะมีการเชื่อมต่อทางโทรทัศน์ ในขณะเดียวกัน แฟรนไชส์ระหว่างประเทศของธนาคารแบงก์อเมริกาก็จะทำให้ลูกค้าทั้งหมดเข้าถึงเศรษฐกิจระดับโลกที่กำลังมีการขยายตัวได้มากขึ้น"
นายแม็คคอลล์ได้กล่าวว่าความแข็งแกร่งของธุรกิจแบบครบวงจรของการดำเนินการทั้ง 2 ธนาคาร "มีความสำคัญมาก ธนาคารแบงก์อเมริกาได้นำระบบแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งอย่างมากในทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ, ความสามารถของตลาดทุนที่สำคัญ, การกู้ยืมเพื่อการจำนองและการดำเนินการด้านการบริการที่แข็งแกร่ง, การธนาคารด้านธุรกิจ, การธนาคารระหว่างประเทศและความสามารถในการชำระหนี้"
นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า "ธนาคารเนชันส์แบงก์ได้มีระบบแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ในทางตะวันออกเฉียงใต้, ตะวันตกเฉียงใต้, มิดเวสต์และตอนกลางของมหาสมุทรแอตแลนติค รวมทั้งการดำเนินการด้านตลาดทุนที่แข็งแกร่ง และธุรกิจด้านการธนาคารเพื่อธุรกิจและการจำนองที่มีขนาดใหญ่"
นายแม็คคอลล์ได้ตั้งข้อสังเกตว่าในขณะที่การลดค่าใช้จ่ายไม่ได้เป็นวัตถุประสงค์หลักของการควบกิจการดังกล่าวนั้น ศักยภาพในด้านประสิทธิภาพในฐานการใช้จ่ายรวมก็ยังคงมีอยู่ ซึ่งส่งผลในการทำธุรกรรมที่จะเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นในทันที--จบ--
--บิสนิวส์แปลและเรียบเรียง-พค/กช--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ