ลอสแองเจลิส--9 ส.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
- อัลคอน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ บริษัทในเครือวอร์เนอร์ บราเธอร์ส จับมือกับ เดอะเคอร์เนอร์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมปะนี เตรียมสร้าง Chicken Soup for the Soul หนังสือชื่อก้องโลก ในรูปแบบภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์
โบรเดอริค จอห์นสัน และแอนดริว โคโซเว ผู้ก่อตั้งและซีอีโอร่วมของอัลคอน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (ผู้สร้าง "The Blind Side," "Dolphin Tale," "P.S. I Love You") ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ดัดแปลงผลงาน Chicken Soup for the Soul หนังสือชุดชื่อดังจากบริษัท Chicken Soup for the Soul Publishing, LLC เพื่อนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และแพร่ภาพทางโทรทัศน์
(โลโก้: http://photos.prnewswire.com/prnh/20130808/NY61671LOGO )
อัลคอนจะให้การสนับสนุนทางการเงินและการสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ซึ่งจะใช้ชื่อเดียวกับหนังสือ "Chicken Soup for the Soul" ขณะที่เดอะเคอร์เนอร์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมปะนี และจอร์แดน เคอร์เนอร์ ประธานบริษัท (ผู้สร้าง "The Smurfs 1&2," "Charlotte's Web," "George of the Jungle," "Fried Green Tomatoes," และอีกมากมาย) จะเป็นผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ร่วมกับจอห์นสัน และโคโซเว
แบรนดอน แคมป์ (ผู้เขียนและกำกับ “Love Happens”) จะรับหน้าที่เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครและเรื่องราวอันหลากหลายในหนังสือชุด "Chicken Soup for the Soul" โดยทางวอร์เนอร์ บราเธอร์สจะเป็นผู้จัดจำหน่าย ตามสัญญาจัดจำหน่ายภาพยนตร์ที่ได้ตกลงร่วมกับอัลคอน
เบ็น ฮาร์เบอร์ (ผู้สร้าง "The Smurfs," "Across the Universe") บิล รูฮานา และทิม รูฮานา (ผู้สร้าง "The Path of Most Resistance") จะนั่งแท่นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ โดยมีเคท มูลีน เป็นผู้ช่วยอำนวยการสร้าง
โคโซเว และจอห์นสันกล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับแบรนด์ชื่อก้องโลกอย่าง 'Chicken Soup for the Soul' ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจในการพัฒนาชีวิต และพลังการเล่าเรื่องซึ่งตราตรึงใจผู้อ่านหลายร้อยล้านคนทั่วโลกมาแล้ว หนังสือชุด 'Chicken Soup for the Soul' มีการดำเนินเรื่องราวแบบบันเทิงคดีที่จะสร้างทั้งแรงบันดาลใจและมอบความบันเทิงได้อย่างน่าทึ่ง”
เคอร์เนอร์เสริมว่า “ผมรู้สึกนับถือในแบรนด์ Chicken Soup for the Soul ที่บิล รูฮานา ได้สร้างขึ้นและยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง หนังสือชุดนี้สร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวในชีวิตจริง ซึ่งนับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งในโลกทุกวันนี้ และยังเกี่ยวข้องกับกลุ่มความเชื่อที่ผมยึดมั่นและศรัทธา”
Chicken Soup for the Soul ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเป็นครั้งแรกโดยแจ็ค แคนฟีลด์ และมาร์ค วิคเตอร์ เมื่อปี 2536 และค่อยๆพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นแบรนด์ในหลากหลายช่องทางทั่วโลก ปัจจุบันหนังสือชุดนี้ได้รับการตีพิมพ์โดยเอมี่ นิวมาร์ค และขยายแบรนด์โดยบิล รูฮานา ซีอีโอผู้มากประสบการณ์
บิล รูฮานา ซีอีโอของ Chicken Soup for the Soul กล่าวว่า “ในวาระครบรอบ 20 ปีของหนังสือเล่มแรกของเรา ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น ด้วยการเพิ่มช่องทางการนำเสนอ Chicken Soup for the Soul ในรูปแบบของภาพยนตร์และรายการทีวี บรรดาแฟนๆและผู้อ่านต่างให้ความไว้วางใจเราในฐานะที่เป็นแหล่งรวมรวบเรื่องราวอันน่าประทับใจที่สร้างแรงผลักดันในเชิงบวก อย่างไรก็ดี พวกเขาต้องการมากกว่านี้ และคงเป็นการเสียประโยชน์สำหรับแฟนๆและผู้อ่าน หากเราไม่นำ 'Chicken Soup for the Soul' มาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม ผมเชื่อว่าอัลคอน เคอร์เนอร์ และแคมป์เป็นหุ้นส่วนที่ลงตัวที่จะมาทำให้เรื่องนี้เป็นจริงได้”
ข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้เกิดจากการเจรจาโดย สก็อต พาริช ซีโอโอของอัลคอน พร้อมด้วยสกอต อีเดล (จากสำนักกฎหมาย Loeb & Loeb) ทนายฝั่งอัลคอน, ชัค สก็อต (จาก Gang Tyre) ทนายฝั่งเคอร์เนอร์, ปีเตอร์ เดคอม ตัวแทนของ Chicken Soup for the Soul และแรนด์ โฮลสตัน เจ้าหน้าที่จาก Paradigm ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของทั้งเคอร์เนอร์ และ Chicken Soup for the Soul
เกี่ยวกับ CHICKEN SOUP FOR THE SOUL
Chicken Soup for the Soul Publishing, LLC เป็นผู้ตีพิมพ์หนังสือชุดชื่อดัง "Chicken Soup for the Soul" ซึ่งเมื่อปี 2550 หนังสือพิมพ์ USA Today ได้ยกให้เป็น 1 ใน 5 อันดับหนังสือที่น่าจดจำมากที่สุดในรอบ 25 ปี "chicken soup for the soul" กลายเป็นวลีซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดวลีหนึ่งในโลก ด้วยยอดขายหนังสือกว่า 100 ล้านเล่มเฉพาะในสหรัฐและแคนาดา, หนังสือในชุดเกือบ 250 เรื่อง และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 40 ภาษา หลังจากที่ได้เริ่มแบ่งปันประสบการณ์ของบรรดาผู้อ่านเป็นครั้งแรกเมื่อ 20 ปีก่อน วันนี้ Chicken Soup for the Soul ยังคงเดินหน้านำเสนอเรื่องราวแสนพิเศษผ่านการออกหนังสือเล่มใหม่ๆ ตลอดจนต่อยอดในรูปแบบต่างๆ Chicken Soup for the Soul จึงเป็นที่รู้จักในฐานะผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เช่น อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีสารอาหารครบถ้วนได้สัดส่วนเพื่อสื่อถึงความผูกพันระหว่างมนุษย์และสัตว์เลี้ยง และล่าสุดกับผลิตภัณฑ์อาหารประเภทคอมฟอร์ตฟู้ดที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อมโยงระหว่างอาหารกับอารมณ์ความรู้สึก ดังสโลแกนที่ว่า Chicken Soup for the Soul “อยู่เคียงข้างคุณเสมอ” สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถรับชมได้ที่ www.chickensoup.com
เกี่ยวกับอัลคอน เอ็นเตอร์เทนเมนต์
แอนดริว โคโซเว และโบรเดอริค จอห์นสัน ผู้ก่อตั้งและซีอีโอร่วมของอัลคอน เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 2540 โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากเฟรเดอริค ดับเบิลยู สมิธ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเฟดเอ็กซ์ อัลคอนซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามนักธนูที่ร่วมรบกับเฮอร์คิวลีสในตำนานเทพปกรณัมนั้น ได้ให้เงินสนับสนุน และ/หรือ ร่วมให้เงินสนับสนุน/อำนวยการสร้างภาพยนตร์มากกว่า 19 เรื่อง ได้แก่ "My Dog Skip," "Dude, Where's My Car?," "Insomnia," "Racing Stripes," "The Blind Side" ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเป็นเรื่องที่ทำให้ซานดร้า บูลลอคคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมไปครอง, "The Book of Eli" ซึ่งนำแสดงโดยเดนเซล วอชิงตัน และแกรี่ โอลแมน, "Insomnia" นำแสดงโดยอัล ปาชิโน, โรบิน วิลเลียมส์ และฮิลลารี่ สแวงค์ และกำกับโดยคริส โนแลน, "The Sisterhood of the Traveling Pants," "P.S. I Love You" นำแสดงโดยฮิลลารี่ สแวงค์ และเรื่อง "Dolphin Tale" หนังครอบครัวในระบบสามมิติซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศ นำแสดงโดยมอร์แกน ฟรีแมน, แฮร์รี่ คอนนิค จูเนียร์, แอชลี่ย์ จั๊ดด์ และคริส คริสตอฟเฟอร์สัน
สำหรับภาพยนตร์เรื่องต่อไปของอัลคอนคือ "Prisoners" ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการลักพาตัว กำกับการแสดงโดยเดนิส วีลล์เนิฟ นำแสดงโดยฮิวจ์ แจ็คแมน, เจค จิลเลนฮาล, วิโอล่า เดวิส, เมลิสซ่า ลีโอ, เทอร์แรนซ์ โฮเวิร์ด และพอล ดาโน่ โดยจะเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโทรอนโต และจะออกฉายทั่วโลกในวันที่ 20 กันยายน 2556 ตามข้อตกลงระหว่างอัลคอน และวอร์เนอร์ บราเธอร์ส นอกจากนี้ อัลคอนเพิ่งเสร็จสิ้นการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Transcendence” ผลงานการกำกับเรื่องแรกของวอลลี่ ฟิสเตอร์ นำแสดงโดยจอห์นนี่ เดปป์, พอล เบ็ตทานี่, รีเบ็คก้า ฮอลล์ และมอร์แกน ฟรีแมน ร่วมด้วยนักแสดงอีกคับคั่ง
ในขณะนี้ อัลคอนกำลังร่วมงานกับริดลี่ย์ สก็อต และแฮมป์ตัน แฟนเชอร์ ในการสร้างภาคต่อของหนังไซไฟสยองขวัญยอดฮิตอย่าง "Blade Runner" ที่พวกเขาได้คว้าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์ทั้งหมด โดยแย้มเพียงว่าภาคต่อนี้จะเป็นเหตุการณ์หลังจากที่หนังภาคแรกดำเนินจบไปไม่กี่ปี ซึ่งสก็อตจะรับหน้าที่กำกับ และแฟนเชอร์เขียนบทภาพยนตร์
เกี่ยวกับเดอะเคอร์เนอร์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมปะนี
เคอร์เนอร์เป็นผู้สร้าง The Smurfs 2 ภาพยนตร์แอนิเมชั่นผสมไลฟ์แอคชั่น/ซีจี ให้กับโคลัมเบีย พิกเจอร์ส โดยหนังเพิ่งลงโรงฉายไปเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ และเปิดตัวขึ้นสู่อันดับ 1 ในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก ด้วยทีมนักแสดงชุดเดิมจากภาคที่แล้ว แท็คทีมร่วมกับบรรดานักแสดงชุดใหม่อย่างเบรนดัน กลีสัน, คริสติน่า ริชชี่, เจบี สมูธ, จิมมี่ คิมเมล, ชาคีล โอนีล, ฌอน ไวท์, มาริโอ้ โลเปซ และเควิน ลี สำหรับการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ในกรุงปารีส หนังเรื่องนี้เป็นภาคต่อของ The Smurfs ซึ่งออกฉายเมื่อปี 2554 และสามารถทำเงินได้กว่า 550 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก โดยนีล แพทริค แฮร์ริส, แฮงค์ อซาเรีย, เจย์มา เมย์ส และโซเฟีย เวอร์การา รับบทไลฟ์แอคชั่นในภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากหนังสือสุดคลาสสิคของเปโย พากย์เสียงตัวละครโดยโจนาธาน วินเทอร์ส, เคที่ เพอร์รี่, จอร์จ โลเปส, เฟรด อาร์มิเซ็น, อลัน คัมมิ่ง, แอนตัน เยลชิน, เจฟ ฟ็อกซ์เวอร์ธี่, คีแนน ทอมป์สัน, พอล รูเบนส์, วูล์ฟแกง พัค และจอห์น โอลิเวอร์ กำกับภาพยนตร์โดยราจา กอสเนล
เคอร์เนอร์ยังเป็นผู้สร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง Charlotte's Web ในปี 2549 ซึ่งดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเยาวชนทรงคุณค่าของอี.บี. ไวท์ โดยมีซูซานนาห์ แกรนท์ (จากเรื่อง Erin Brockovich) ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และแครี่ เคิร์กแพทริค (จาก Chicken Run) เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ แกรี่ วินิค ผู้ล่วงลับ (ผู้กำกับเรื่อง Letters to Juliette และ 13 Going on 30 ) เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ นำแสดงโดยดาโกต้า แฟนนิ่ง ซึ่งรับบทเป็นเฟิร์น พากย์เสียงตัวละครโดยจูเลีย โรเบิร์ตส์, โอปราห์ วินฟรี่ย์, โรเบิร์ต เรดฟอร์ด, เคธี่ เบตส์, จอห์น คลีส, สตีฟ บุสเชมี่ และโทมัส เฮย์เดน เชิร์ช
นอกจาก The Smurfs 1&2 และ Charlotte's Web แล้ว เคอร์เนอร์ยังได้สร้างภาพยนตร์อีกหลายเรื่องเช่น Snow Dogs, George of the Jungle 1 และ 2, Inspector Gadget 1 และ 2, Red Corner, Up Close and Personal, หนังไตรภาค The Mighty Ducks , When a Man Loves a Woman, Fried Green Tomatoes, The War และ Less than Zero
สำหรับผลงานลำดับต่อไปของเคอร์เนอร์ได้แก่ภาพยนตร์ SMURFS 3 ในช่วงฤดูหนาวของปี 2557 และการผลิตซิทคอมเรื่อง ALF ให้กับโคลัมเบีย พิกเจอร์ส และโซนี่ พิกเจอร์ส แอนิเมชั่น และยังไม่รวมอีกหลายโปรเจคสำหรับค่ายหนังต่างๆ