วอชิงตัน--23 ม.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
- ผลดีมีมากกว่าผลเสีย 50-500 เท่า
ผลการศึกษาครั้งสำคัญของ American Coalition for Clean Coal Electricity (ACCCE) เผยให้เห็นว่า แม้การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลจะทำให้เกิดก๊าซคาร์บอน แต่ประโยชน์ทางสังคมของพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิสก็ยังมีมากกว่าต้นทุนทางสังคมของคาร์บอน 50-500 เท่า
“เห็นชัดเจนว่าชุมชนต่างๆ และประเทศต่างๆทั่วโลกได้ประโยชน์จากพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล และคนรุ่นหลังๆ จะได้เห็นประโยชน์อย่างต่อเนื่อง” ไมค์ ดันแคน ประธานและซีอีโอ ACCCE กล่าว “พลังงานจากฟอสซิลเป็นกำลังสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรม 3 ครั้ง ซึ่งรวมถึงการปฏิวัติเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน พลังงานฟอสซิลช่วยให้ผู้คนมีชีวิตยืนยาวขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของชุมชนต่างๆทั่วโลก ผมหวังว่าผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายของแต่ละประเทศทั่วโลกจะเข้าใจในสิ่งนี้ พร้อมทั้งประกาศใช้และส่งเสริมนโยบายการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลด้วยความรับผิดชอบ โดยเฉพาะถ่านหินสะอาด”
ผลการศึกษาในหัวข้อ “Social Costs Of Carbon? No, The Social Benefits Of Carbon” ระบุว่า ตลอดระยะเวลา 250 ปีที่ผ่านมา ผู้คนทั่วโลกมีอายุขัยเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า ขณะที่รายได้ก็พุ่งขึ้นถึง 11 เท่าในหลายพื้นที่ของโลก เนื่องจากมีการผลิตและส่งออกพลังงานมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลังงานจากฟอสซิล และแม้ว่า Federal Interagency Working Group (IWG) ของรัฐบาลสหรัฐจะประเมินว่าต้นทุนทางสังคมของคาร์บอนอยู่ที่ 36 ดอลลาร์/ตัน แต่ประโยชน์ทางสังคมที่แท้จริงของคาร์บอน (ในฐานะของเหลือจากการผลิตพลังงาน) ก็ยังสูงกว่าต้นทุนดังกล่าว 50-500 เท่า
“แม้จะประเมินต่ำที่สุด เชื้อเพลิงคาร์บอนก็ยังมีประโยชน์ทางสังคมสูงกว่าต้นทุนทางสังคม 50 เท่า” ดร.โรเจอร์ เบซเดค หัวหน้าผู้เขียนรายงาน กล่าว “และประโยชน์ดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สั่งสมมานานกว่า 200 ปี ไม่ได้เป็นแค่ข้อสรุปทางทฤษฎีที่อ้างอิงจากสมมติฐานซึ่งยังเป็นที่กังขา การคาดการณ์ที่มีความคลุมเครือ และแม่แบบที่ยังมีข้อบกพร่อง”
รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานที่ขยายตัวเร็วที่สุดในโลก โดยเพิ่มขึ้นในอัตราที่เกือบจะเท่ากับอัตราการขยายตัวของแหล่งพลังงานอื่นๆรวมกันทั้งหมด การขยายตัวส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่เพิ่งเริ่มเห็นถึงประโยชน์ทางสังคมและเศรษฐกิจจากการผลิตไฟฟ้าที่มีต้นทุนไม่สูงแต่มีความน่าเชื่อถือ มีการคาดการณ์ว่าถ่านหินจะยังคงเป็นแหล่งเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกไปอีกอย่างน้อย 30 ปี นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) สังกัดกระทรวงพลังงานสหรัฐ ระบุว่า เชื้อเพลิงฟอสซิลจะเป็นแหล่งพลังงาน 75-80% ของทั่วโลกต่อไปในอนาคตอันใกล้
ที่น่าสนใจคือ บิล เกตส์ ได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นซึ่งกำลังเกิดขึ้นในประเทศต่างๆทั่วโลกในจดหมายประจำปีของเขา โดยระบุว่า “ผมมองโลกในแง่ดีจนกล้าทำนายว่า ภายในปีพ.ศ.2578 ประเทศยากจนในโลกนี้จะเหลืออยู่น้อยมากจนแทบไม่มี (ตามนิยามของคำว่ายากจนในปัจจุบัน)”
“เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นแหล่งพลังงานที่ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร พัฒนาการผลิตและธุรกิจ ทำให้ชุมชนต่างๆมีน้ำดื่มสะอาด รวมถึงจ่ายไฟให้กับเซิร์ฟเวอร์ข้อมูลและแม้แต่ระบบคลาวด์” นายดันแคนกล่าว “เราหวังว่าหลักฐานดังกล่าวซึ่งสนับสนุนประโยชน์ของเชื้อเพลิงฟอสซิล อันครอบคลุมถึงถ่านหินสะอาด จะช่วยให้ผู้มีอำนาจทั้งในสหรัฐและต่างประเทศเข้าใจในเรื่องนี้”
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมถ่านหินสะอาดกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้พลังงานสะอาดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยได้ทุ่มเงินลงทุนถึง 1.3 แสนล้านดอลลาร์ในการพัฒนาเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้เกือบ 90% ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา