ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์--10 มี.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
อัตราการขยายตัวสูงกว่าการคาดการณ์การค้าทั่วโลกของ WTO ถึงสองเท่า
ด้วยการค้าสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันกับต่างประเทศพุ่งทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ในปี 2556 ส่งผลให้ดูไบมีมูลค่าการค้ากับต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 1.329 ล้านล้านดีแรห์ม (AED) ซึ่งเพิ่มขึ้น 9.4 หมื่นล้านดีแรห์ม จากระดับ 1.235 ล้านล้านดีแรห์มในปี 2555
ในโอกาสนี้ เชค ฮามดาน บิน โมฮัมเมด บิน ราชิด อัล มัคทูม มกุฎราชกุมารแห่งดูไบ และประธานสภาบริหารแห่งรัฐดูไบ ทรงกล่าวยกย่องผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของภาคการค้าสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมัน ซึ่งสะท้อนถึงการขยายตัวของทุกภาคส่วนในดูไบและยูเออีโดยรวมในขณะนี้ เชคฮามดานทรงระบุว่าความก้าวหน้านี้เป็นผลมาจากความเป็นผู้นำอันชาญฉลาดของ เชค โมฮัมเมด บิน ราชิด อัล มัคทูม เจ้าผู้ครองรัฐดูไบ และรองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรียูเออี ตลอดจนการติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของ เชค โมฮัมเมด บิน ราชิด เพื่อรับประกันว่าดูไบมีปัจจัยพื้นฐานทั้งหมดที่สนับสนุนการขยายตัวอย่างก้าวหน้าและยั่งยืนสำหรับบริษัททั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และนานาชาติที่ดำเนินงานอยู่ในยูเออี
เชคฮามดานได้ทรงย้ำว่า ดูไบกำลังเดินหน้าอย่างก้าวกระโดดแซงหน้าโครงการ ‘Smart Dubai’ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานโดยรวมของรัฐบาลดูไบในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคเศรษฐกิจ มกุฎราชกุมารแห่งดูไบยังได้ทรงเรียกร้องให้บรรดาผู้นำและผู้บริหารในทุกภาคส่วนของรัฐบาลดูไบทำทุกวิถีทางที่ทำได้เพื่อหาโอกาสใหม่ๆในการส่งเสริมการดำเนินงานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และกำหนดให้ดูไบเป็นมาตรฐานสากลสำหรับการพัฒนาและความเจริญ นอกเหนือไปจากบทบาทในการเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในเส้นทางการค้าโลก
เชคฮามดานทรงชื่นชมความพยายามของหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลดูไบ และได้ทรงแสดงความเชื่อมั่นว่าหน่วยงานทั้งหลายเหล่านี้ยังมีศักยภาพที่จะนำเสนอแนวคิดและโครงการริเริ่มใหม่ๆเพิ่มมากขึ้นอีก ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานขนาดใหญ่ที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์ของเชค โมฮัมเมด บิน ราชิด ในการกำหนดอนาคตของประเทศ เพื่อเฉลิมฉลองการพัฒนา การทำให้ประเทศทันสมัยและประสบความสำเร็จ
การค้ากับต่างประเทศปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของดูไบ โดยการขยายตัวครอบคลุมในหลากหลายภาคส่วนมากขึ้น และจากการขยายตัวแบบก้าวกระโดดของเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตราการเติบโตทางการค้ากับต่างประเทศของดูไบสูงกว่าอัตราการขยายตัวของการค้าโลกที่องค์การการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ไว้ที่ 2.5% อยู่ถึงสองเท่า
การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่พุ่งทะยานขึ้นนี้ย่อมส่งเสริมสถานะของดูไบในแถวหน้าของเวทีเศรษฐกิจโลกให้แข็งแกร่ง การได้รับสิทธิ์ให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2020 ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนถึงการยอมรับของประชาคมโลกในศักยภาพทางเศรษฐกิจของดูไบ และด้วยการเตรียมงานด้านต่างๆเพื่อจัดงานเอ็กซ์โป ซึ่งถือเป็นนิทรรศการการค้านานาชาติที่ยิ่งใหญ่และได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก นครรัฐแห่งนี้จึงได้เข้าสู่การขยายตัวในระยะใหม่เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จและการบรรลุเป้าหมายระดับสูงสุดยิ่งๆขึ้นไป สิ่งนี้จะทำให้ดูไบก้าวขึ้นเป็นผู้นำของภูมิภาคและเป็นคู่แข่งระดับโลก ดังเห็นได้จากดัชนี้ชี้วัดระดับโลกทุกตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีความสามารถในการแข่งขัน ความเชื่อมั่น และความสุข
“เราได้รับแรงผลักดันจากวิสัยทัศน์ที่ชาญฉลาดและครอบคลุมของ เชค โมฮัมเมด บิน ราชิด เจ้าผู้ครองรัฐดูไบ ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรียูเออี เกี่ยวกับการกำหนดทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจของดูไบในระยะใหม่” อาเมด บุตตี ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทการท่าเรือ ศุลกากรและเขตการค้าเสรี และอธิบดีกรมศุลกากรดูไบ กล่าว “เราได้เตรียมพัฒนาและใช้ยุทธศาสตร์การดำเนินงานที่สร้างสรรค์ซึ่งสนับสนุนบทบาทที่เด่นชัดขึ้นของดูไบในเศรษฐกิจโลก ด้วยการพัฒนาศักยภาพของนครรัฐในการเชื่อมโยงกับตลาดในภูมิภาคและตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาต่อยอดจากโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยและความได้เปรียบในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้นครรัฐแห่งนี้เป็นประตูไปสู่ตลาดต่างๆซึ่งจะขยายไปยังทั่วโลกในที่สุด”
นายบุตตีกล่าวต่อไปว่า “เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทที่สำคัญของดูไบในเวทีการค้าโลก เราจึงได้ดำเนินการพัฒนาบริการต่างๆของศุลกากรดูไบ เพื่อให้ตอบรับกับการขยายตัวของตลาดทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การค้ากับต่างประเทศของดูไบขยายตัว 8% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของนครรัฐในการเพิ่มประสิทธิภาพการตกลงทำสัญญาทางการค้าในทุกระดับ ยอดนำเข้าของดูไบเพิ่มขึ้น 7.4 หมื่นล้านดีแรห์ม แตะที่ 8.11 แสนล้านดีแรห์มในปี 2556 เมื่อเทียบกับ 7.37 แสนล้านดีแรห์มในปี 2555 ด้านการส่งออกและการส่งกลับเพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านดีแรห์ม คิดเป็นมูลค่ารวม 5.18 แสนล้านดีแรห์ม เมื่อเทียบกับ 4.98 แสนล้านดีแรห์มในปีก่อนหน้า”
นอกจากนี้ การค้าโดยตรงกับต่างประเทศของดูไบเพิ่มขึ้นแตะ 8.46 แสนล้านดีแรห์ม จากระดับ 8.08 แสนล้านดีแรห์ม มูลค่าการค้าในเขตการค้าเสรีดูไบแตะที่ 4.67 แสนล้านดีแรห์ม เพิ่มขึ้นจาก 4.17 แสนล้านดีแรห์ม ขณะที่คลังสินค้าของศุลกากรมีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นจาก 1 หมื่นล้านดีแรห์ม เป็น 1.6 หมื่นล้านดีแรห์ม”
“ศุลกากรดูไบมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะส่งเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานของเราเพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทของดูไบในเวทีการค้าโลก” นายบุตตีกล่าวเสริม “ศุลกากรดูไบมีความกระตือรือร้นในการส่งมอบบริการระดับไฮเอนด์ให้กับเทรดเดอร์และนักลงทุน ด้วยการร่นระยะเวลาและลดขั้นตอนดำเนินการในการทำธุรกรรมต่างๆ เพื่อรับประกันว่าการเลือกดูไบเป็นจุดหมายปลายทางทางการค้าจะเพิ่มมูลค่าให้กับพวกเขาได้อย่างแท้จริง สิ่งนี้ยังช่วยยกระดับความสามารถของดูไบในการดึงดูดการขยายตัวทางการค้าอย่างยั่งยืนในระดับสูงสุด ซึ่งจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจโดยรวมของนครรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ในปี 2556 ศุลกากรดูไบเป็นหน่วยงานแรกของรัฐบาลที่เปลี่ยนแปลงไปสู่รัฐบาลอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ ตามโครงการ Smart Government Initiative ซึ่งริเริ่มโดยเชคโมฮัมเมด บิน ราชิด อัล มัคทูม”
ในระหว่างปี 2556 ดูไบรักษาตลาดต่างประเทศได้ค่อนข้างหลากหลาย โดยมีอินเดียเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่าการค้ารวม 1.37 แสนล้านดีแรห์ม คิดเป็นสัดส่วน 10% ตามมาด้วยจีนด้วยมูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดีแรห์ม คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% สหรัฐอเมริกาตามมาในอันดับสามที่ 8.6 หมื่นล้านดีแรห์ม คิดเป็นสัดส่วน 6% ซาอุดิอาระเบียขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 ด้วยสัดส่วน 4% ที่ระดับ 5.6 หมื่นล้านดีแรห์ม และสหราชอาณาจักรมีสัดส่วนประมาณ 4% คิดเป็นมูลค่า 5.4 หมื่นล้านดีแรห์ม
ในส่วนของการนำเข้า จีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของดูไบ ตามมาด้วยสหรัฐและอินเดีย สำหรับการส่งสินค้ากลับคืนไปยังต่างประเทศ ซาอุดิอาระเบียนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยอินเดียและอิรัก ขณะที่อินเดีย ตุรกี และสวิตเซอร์แลนด์ เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของดูไบตามลำดับในด้านการส่งออก
ติดต่อ: Sura Manhal
โทร. +971(50)3803852
อีเมล: sura.manhal@dubaicustoms.ae