จาการ์ตา, อินโดนีเซีย--25 ก.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ภายหลังสิ้นสุดการทดสอบบ่อน้ำมัน 1X เป็นครั้งที่ 3 ทางบริษัท ซานตง เคอรุ่ย ปิโตรเลียม อีควิพเม้นท์ (Shandong Kerui Petroleum Equipment Co., Ltd.) หรือ เคอรุ่ย ปิโตรเลียม ได้ประสบความสำเร็จในการก่อสร้างบ่อน้ำมัน 5 บ่อจนเสร็จสมบูรณ์ ตามที่ระบุในสัญญาการเจาะหลุมสำรวจในอินโดนีเซียฉบับแรกทั้งในด้านแรงงานและวัตถุดิบ ทั้งนี้ แม้จะเป็นแหล่งพลังงานใหม่ที่ไม่มีข้อมูลให้อ้างอิง เคอรุ่ย ปิโตรเลียม ก็ยังใช้เวลาเพียง 135 วันในการดำเนินภารกิจจนเสร็จสิ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีใหม่ๆ ในขณะที่บริษัทขุดเจาะน้ำมันที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งหนึ่งยังต้องใช้เวลามากกว่า 328 วัน สำหรับระดับการขุดเจาะที่ลึกที่สุดอยู่ที่ 5,386 เมตร ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของความลึกในการขุดเจาะบ่อน้ำมันภาคพื้นดินในอินโดนีเซีย
รูปภาพ: http://photos.prnasia.com/prnh/20140719/0861405108
สำหรับในระยะแรกที่มีการเตรียมโปรเจคท์นี้ บริษัทต้องประสบกับอุปสรรคมากมาย อาทิ ชั้นหินหรือสิ่งกีดขวางแปลกๆ การขนย้ายชุดอุปกรณ์ขนาดใหญ่ในระยะทางที่ไกลมาก การเชื่อมต่อระบบขนส่งทางทะเล ทางบก และทางอากาศที่ซับซ้อน ตลอดจนการดำเนินงานในสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ไม่คุ้นเคย อย่างไรก็ดี เคอรุ่ยสามารถนำบุคลากรลงพื้นที่ได้ภายใน 30 วัน รวมทั้งขนอุปกรณ์ครบชุดภายใน 55 วัน และขนย้ายอุปกรณ์โดยใช้เส้นทางทางทะเล ทางบก และทางอากาศเป็นระยะทาง 9,700 กิโลเมตรเสร็จสมบูรณ์ภายใน 90 วัน การนำอุปกรณ์ไปยังพื้นที่ได้ตามกำหนดเวลาช่วยรับประกันว่าการติดตั้ง การขออนุญาต การทดสอบ และการเริ่มต้นการขุดเจาะจะสามารถทำได้ตามกำหนดเวลาเช่นกัน
เคอรุ่ย ปิโตรเลียม ใช้มาตรการจัดการโปรเจคท์อย่างพิถีพิถัน อันประกอบด้วยรูปแบบการจัดการโปรเจคท์ที่ยืดหยุ่นตามพื้นที่ ข้อกำหนดการควบคุมความเสี่ยงที่ได้รับการปรับปรุง การพัฒนาขั้นตอนการดำเนินงาน และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งมาตรการดังกล่าวช่วยลดข้อผิดพลาดและอุบัติเหตุที่มักเกิดขึ้นระหว่างโปรเจคท์ลงได้อย่างมาก ทั้งยังช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เคอรุ่ย ปิโตรเลียม ได้รับการยกย่องจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจบริการบ่อน้ำมันในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ลูกค้าจำนวนมากก็เริ่มหารือเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือกับเคอรุ่ย และในขณะนี้ เคอรุ่ย ปิโตรเลียม ได้เริ่มดำเนินการเจาะหลุมสำรวจในอินโดนีเซียตามสัญญาฉบับที่สองทั้งในด้านแรงงานและวัตถุดิบ