ตงอิ๋ง, จีน--3 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
บริการผลิตและฉีดไนโตรเจนนั้น ถือเป็นกรรมวิธีหนึ่งที่ใช้กันตามบ่อน้ำมันเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต บริษัท เคอรุ่ย ปิโตรเลียม อีควิปเมนต์ จำกัด (หรือ “เคอรุ่ย”) ผู้นำด้านโซลูชั่นบ่อน้ำมันแบบเบ็ดเสร็จระดับโลกในจีน ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นไปอีกกับบ่อน้ำมัน Tahe Oilfield ซึ่งตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ประเทศจีน โดยปัจจุบัน บริษัทมีอัตราความสำเร็จโดยรวมในการฉีดไนโตรเจนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอยู่กว่า 95% หรือคิดเป็นปริมาณการผลิตสะสมถึง 100,000 ตัน และเมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆในแหล่งกักเก็บคาร์บอนเนตโพรงเล็กๆในชั้นหินลึกที่บ่อน้ำมัน Tahe Oilfield แล้ว เคอรุ่ย ได้ใช้เทคนิคเพื่อช่วยผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า โดยเทคนิคดังกล่าวได้รับการพัฒนาขึ้นภายในบริษัท โดยอิงหลักการฉีดไนโตรเจนลงไปตามโพรงขนาดเล็ก และได้ดำเนินการอัดฉีดอากาศตามแหล่งน้ำมันทั้งสิ้น 115 จุดเรียบร้อยแล้ว สำหรับด้านการดำเนินงาน เคอรุ่ยสามารถเอาชนะความท้าทายในการฉีดไนโตรเจนที่หลุมน้ำมันซึ่งมีความลึกกว่า 7,000 เมตร ขณะเดียวกัน บริษัทก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า อุปกรณ์ผลิตไนโตรเจนแรงดัน 70 มิลลิปาสคาล (MPa) ซึ่งผลิต และพัฒนาโดยเคอรุ่ยมีคุณภาพ และประสิทธิภาพสูง
บุคลากรวงในผู้เกี่ยวข้องกับบริการขุดเจาะน้ำมันของเคอรุ่ย กล่าวว่า “เทคนิคการแยกเมมเบรนของเคอรุ่ยเพื่อการผลิตไนโตรเจนเป็นหนึ่งในเทคนิคพื้นฐานของเคอรุ่ย จนถึงปัจจุบัน เคอรุ่ยประสบความสำเร็จในการขอจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ 10 รายการ รวมถึงสิทธิบัตรใหม่อีกหลายรายการเกี่ยวกับเทคนิคดังกล่าว ในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตไนโตรเจนและผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุด ซึ่งมีทีมงานกว่า 60 ทีมในการให้บริการด้านวิศวกรรมการผลิตไนโตรเจน เคอรุ่ยได้ให้บริการเชิงเทคนิคอันหลากหลาย และปรับแต่งมาเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการในการผลิตไนโตรเจนของบริษัท CNPC, Sinopec, CNOOC และบริษัทน้ำมันรายใหญ่เจ้าอื่นๆของจีน ปัจจุบัน เคอรุ่ยครองส่วนแบ่งตลาดการผลิตไนโตรเจนที่จีนอยู่ 65% ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เคอรุ่ยประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในการขยายธุรกิจในต่างแดน นอกเหนือจากตลาดอเมริกาใต้และรัสเซียแล้ว ก็ยังมีพื้นที่ที่เหล่าบริษัทระดับโลกมุ่งเน้นการพัฒนาก๊าซและน้ำมันอย่างภูมิภาคตะวันออกกลางที่ต้อนรับเคอรุ่ย ในฐานะผู้นำของจีนด้านโซลูชั่นบ่อน้ำมันระดับโลกครบวงจร เคอรุ่ยทุ่มเทออย่างหนักในการสร้างนวัตกรรมเทคนิคและพัฒนาศักยภาพเทคนิค ตลอดจนมุมานะที่จะสร้างคุณค่าอันถาวรและบริการที่มีคุณภาพสูงสำหรับลูกค้าโดยสนับสนุนหลักการที่ว่า "ลูกค้าต้องมาก่อนและหันเข้าหาตลาด"