เซนต์หลุยส์--10 พ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เกรกอรี่ เอช บอยซ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Peabody Energy (NYSE:BTU) เสนอแผนนโยบาย 5 จุด เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนเรื่องการขาดแคลนพลังงานและความต้องการพลังงานในระยะยาวอันเนื่องมาจากการขยายตัวของประเทศต่างๆทั่วโลกโดยใช้บทเรียนที่มีค่า ซึ่งเรียนรู้ได้จากประเทศขนาดใหญ่ 3 รายในกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก)
ในระหว่างการหารือในหัวข้อต่างๆร่วมกับผู้นำประเทศและซีอีโอในระหว่างการประชุม 2014 APEC CEO Summit ที่ปักกิ่ง บอยซ์ กล่าวว่า ทั้งจีน ออสเตรเลีย และสหรัฐต่างก็นำเสนอบทเรียนการใช้นโยบายที่สำคัญๆเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนพลังงาน การเข้าถึงพลังงานต้นทุนต่ำ และการปรับปรุงการปล่อยมลภาวะให้ดีขึ้น
- จีนใช้ถ่านหินเพื่อให้ประชาชน 650 ล้านคนหลุดพ้นจากความยากจนมาตั้งแต่ปี 2533 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) พุ่งขึ้น 850% และปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น 8 เท่า ซึ่งสำนักงานพลังงานสากล (IEA) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่าเป็น “เรื่องมหัศจรรย์ด้านเศรษฐกิจ”
- ออสเตรเลียได้จัดการเลือกตั้งรัฐบาลชุดใหม่ในปีที่แล้ว เพื่อแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายการยกเลิกภาษีคาร์บอน ซึ่งสร้างภาระให้กับเศรษฐกิจมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ คาดว่า การยกเลิกภาษีจะช่วยให้ภาคครัวเรือนลดต้นทุนค่าไฟลงได้ปีละ 550 ดอลลาร์สหรัฐ
- สหรัฐประสบความสำเร็จอย่างมากในเรื่องการปรับปรุงการปลดปล่อยมลภาวะให้ดีขึ้นผ่านทางการลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีถ่านหินที่ก้าวหน้าและปัจจุบันสหรัฐเป็นหนึ่งในประเทศที่มีคุณภาพอากาศที่ดีที่สุดในโลก โดยในทางเทคนิค ปริมาณการใช้ถ่านหินในสหรัฐเพิ่มขึ้น 170% นับตั้งแต่ปี 2513 ในขณะที่จีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าและอัตราการปลดปล่อยมลภาวะต่อเมกะวัตต์-ชั่วโมงลดลง 90%
“การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจเพื่อที่จะบรรเทาความไม่เท่าเทียมกันด้านพลังงานถือเป็นงานที่สำคัญของผู้นำทั่วโลก” บอยซ์กล่าว “การยุติภาวะการขาดแคลนพลังงาน ซึ่งเป็นวิกฤติอันดับหนึ่งของมวลมนุษย์และวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ควรได้รับการจัดอันดันความสำคัญเป็นอันดับแรกในแผนการขยายตัวทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ในภูมิภาค เมื่อใดที่เราสามารถแก้ปัญหาวิกฤตนี้ได้ เราจะสามารถแก้ปัญหาความต้องการด้านอื่นๆในสังคมของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น”
ในแต่ละวัน ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกจากจำนวน 7 พันล้านรายตื่นเช้าขึ้นมาโดยที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ผู้คนหลายพันล้านรายต้องอาศัยเตาไฟในครัวเรือนปรุงอาหารและให้ความร้อน ซึ่งควันจากเตาไฟดังกล่าวนำมาซึ่งโรคภัยและการสูญเสียชีวิตในเวลาต่อมา มลภาวะทางอากาศภายในห้องอันเนื่องมาจากการขาดแคลนพลังงานเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก
ปัจจัยในการดำรงชีวิตประจำวัน เช่น น้ำประปา การถนอมอาหาร การให้แสงสว่างในครัวเรือน และการให้ความร้อน เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับครอบครัวที่ขาดแคลนพลังงาน บอยซ์กล่าว การแก้ปัญหาการขาดแคลนดังกล่าวต้องใช้พลังงานจำนวนมาก การช่วยให้กลุ่มประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) มีอัตราส่วนการใช้พลังงานต่อหัวเทียบเท่ากับสหภาพยุโรปต้องใช้ไฟฟ้ามากกว่าที่ทั่วโลกใช้ในปัจจุบันมากกว่า 2 เท่า
นอกจากนี้ บอยซ์ยังระบุว่า การแก้ปัญหาความต้องการด้านพลังงานอย่างเร่งด่วนของผู้ขาดแคลนพลังงานต้องทำควบคู่ไปกับการตอบสนองความต้องการในระยะยาว สำนักงานพลังงานสากลประเมินว่าความต้องการไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 70% ภายในปี 2573 การอพยพเข้าสู่เมืองของประชาชนหลายล้านคนทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และคาดว่า จำนวนประชากรโลกจะเพิ่มเป็นมากกว่า 8.3 พันล้านคน
บอยซ์กล่าวว่า เชื้อเพลิงทั้งหมดมีความสำคัญสำหรับการแก้ปัญหาความท้าทายเหล่านี้ ถ่านหินจะเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชั่นที่สำคัญสำหรับศตวรรษที่ 21 เนื่องจากมีปริมาณมาก ต้นทุนต่ำ และปล่อยมลภาวะในระดับต่ำ
แนวความคิดเกี่ยวกับถ่านหินในศตวรรษที่ 21 ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกโดยรัฐบาลจีนและรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งอยู่ภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อให้ถ่านหินเป็นโซลูชั่นพลังงานสะอาดที่มีความก้าวหน้ามากขึ้นมาตั้งแต่ปี 2552 ความร่วมมือดังกล่าวครอบคลุมไปถึงการผลิตพลังงานที่สำคัญและมีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยเกี่ยวกับถ่านหิน ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการปล่อยมลภาวะในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ
ข้อมูลสถิติเกี่ยวกับพลังงานโลกของบีพีระบุว่า ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักที่มีอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดในโลก การศึกษายังพบว่า ถ่านหินช่วยให้ประชาชนกว่า 830 ล้านคนสามารถเข้าถึงพลังงานมาตั้งแต่ปี 2533 โดยส่วนใหญ่อยู่ในประเทศตลาดเกิดใหม่ ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงพลังงานได้ในอัตราที่มากกว่า 13 เท่าของพลังลมและแสงอาทิตย์
วิธีที่ถูกต้อง เชื้อเพลิงที่ถูกต้อง และนโยบายที่ถูกต้องเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการขจัดความไม่เท่าเทียมกันด้านพลังงานและปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น บอยซ์กล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกเอเปกเป็นผู้นำในการสนับสนุนนโยบายที่สำคัญ 5 ประการ ดังต่อไปนี้
1. สมาชิกเอเปกและจี-20 ยกระดับประเด็นด้านความไม่เท่าเทียมกันด้านพลังงานให้เป็นนโยบายที่สำคัญเป็นอันดับแรกและลงมือดำเนินการ
2. รับทราบถึงผลกระทบที่สำคัญต่อประชาชนจากนโยบายพลังงานและความสำคัญของพลังงานราคาถูกใช้อย่างต่อเนื่อง การนำนโยบายพลังงานใหม่ๆมาใช้จะต้องแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของเข้าถึงพลังงานและช่วยให้มีพลังงานมากขึ้น
3. จัดทำและใช้กลยุทธ์ด้านพลังงานเพื่อแก้ปัญหาที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้อย่างแท้จริง ซึ่งให้ความสำคัญกับประโยชน์จำนวนมากและรับรู้ถึงข้อจำกัดของเชื้อเพลิงทางเลือกแต่ละประเภท สำหรับถ่านหินนั้น เรื่องดังกล่าวรวมไปถึงเทคโนโลยีการควบคุมการปล่อยมลภาวะที่ทันสมัยในโรงไฟฟ้าจากถ่านหินแห่งใหม่ทั้งหมด
4. สนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีถ่านหินที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง และลดปริมาณการปล่อยมลภาวะให้เหลือน้อยที่สุด รวมทั้งดึงต้นทุนให้ลดลง
5. ส่งเสริมการระดมทุนของธนาคารเพื่อการพัฒนา เพื่อเพิ่มการเข้าถึงไฟฟ้าของประเทศตลาดเกิดใหม่
“การเข้าถึงไฟฟ้าราคาถูและสะอาดช่วยเร่งให้ผู้คนหลายพันล้านคนมีชีวิตที่ดีขึ้นและยาวนานขึ้น” บอยซ์ กล่าว “เราต้องทำงานเพื่อผลักดันให้มีโซลูชั่นที่สามารถปรับปรุงความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดีขึ้น”
การประชุม APEC CEO Summit มีขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2539 และคาดว่า จะมีประเทศในกลุ่มเอเปก 21 ประเทศเข้าร่วมประชุมในปีนี้ รวมไปถึงประเทศและภูมิภาคอื่นๆอีก 16 ประเทศ และประกอบไปด้วยบรรดาผู้นำประเทศ ซีอีโอของบริษัทขนาดใหญ่ และเจ้าหน้าที่ด้านนโยบาย
ผู้ที่สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนพลังงาน การเพิ่มการเข้าถึงไฟฟ้าราคาถูกและโซลูชั่นด้านเทคโนโลยี กรุณาเยี่ยมชมAdvancedEnergyForLife.com และที่เว็บเพจของ Advanced Energy for Life บน เฟซบุ๊ก และ ยูทูบ หรือ @AdvancedEnergy ทางทวิตเตอร์
Peabody Energy เป็นบริษัทถ่านหินภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการทำเหมืองแร่ การเข้าถึงพลังงาน และถ่านหินสะอาดแบบยั่งยืน
ติดต่อ:
Sophie Birse
โทร: +1 (314) 308-3363
โลโก้ - http://photos.prnewswire.com/prnh/20120724/CG44353LOGO
โลโก้ - http://photos.prnewswire.com/prnh/20140226/CG70548LOGO