ทัสมาเนีย--11 ธ.ค.--ซีเอ็นดับบลิว-เอเชียเน็ท
บริษัทออสเตรเลียน บัลค์ มิเนอรัลส์ ได้ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาถึงการศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ในการสร้างเตาหลอมขนาดเล็กแห่งใหม่ทางชายฝั่งตอนเหนือของทัสมาเนีย เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์เหล็กบริสุทธิ์ที่เหมาะกับการนำไปผลิตเหล็กกล้าโดยตรง
นายกอร์ดอน ทอลล์ ประธานของทางบริษัท ได้ทำการประกาศดังกล่าวในพิธีฉลองการเริ่มกิจการอีกครั้งที่เหมืองแร่เหล็กที่ปรับปรุงใหม่บริเวณแม่น้ำซาเวจ ริเวอร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทัสมาเนีย และการขนส่งลูกเหล็กจากเตาหลอมสำหรับการส่งมอบครั้งแรก โดยพิธีดังกล่าวนั้นมีนายโทนี่ รันเดิล นายกรัฐมนตรีทัสมาเนียเป็นประธาน ซึ่งทางบริษัทได้เข้าครอบครองสินทรัพย์ของเหมืองแร่ซาเวจ ริเวอร์ ไมน์จากรัฐบาลทัสมาเนียเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่มีบริษัทไอแวนโฮ แคปิตอล คอร์ปอเรชั่นของสิงคโปร์เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่โครงการ
นายทอลล์ได้กล่าวว่า "เราได้แสดงว่าลูกเหล็กและเหล็กอัดจากแถบแม่น้ำซาเวจ ริเวอร์เป็นที่ต้องการอย่างมากในบรรดาผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดของโลกบางราย ซึ่งในขณะนี้เราต้องการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนโอกาสทางธุรกิจสำหรับการทำประโยชน์ด้านคุณค่าจากแหล่งแร่ให้มากขึ้นก่อนที่ผลผลิตจะออกจากทัสมาเนีย"
"หลังจากที่มีการเปิดเผยทางเลือกต่างในการดำเนินการ ทางบริษัทได้มอบหมายให้บริษัทคแวเนอร์ เมทัลส์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ศึกษาถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์เหล็กเจือปนที่ได้จากการหลอม ขณะที่ในปัจจุบันลูกเหล็กจากแถบแม่น้ำซาเวจ ริเวอร์ ประกอบด้วยเหล็กประมาณ 66 % และมีราคาประมาณ 36 ดอลล่าร์/ตันในตลาดโลก ส่วนผลิตภัณฑ์เหล็กบริสุทธิ์ที่ในขณะนี้กำลังได้รับความต้องการเพิ่มขึ้นในฐานะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ป้อนให้กับโรงเครื่องจักรไฟฟ้าขนาดเล็ก จะประกอบด้วยเหล็กประมาณ 94 % และจะขายในราคาปัจจุบันประมาณ 170 ดอลล่าร์/ตัน
การดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องใช้เตาหลอมขนาดเล็ก ที่ตั้งอยู่ในแถบโรงงานผลิตเหล็กแท่งที่ท่าเรือพอร์ต ลาตตาของทางบริษัท โดยในขั้นต้นจะสามารถแปลงสภาพเหล็กแท่งประมาณ 500,000 ตันไปเป็นเหล็กเจือปนที่ได้จากการหลอม 350,000 ตันในแต่ละปี โดยนายทอลล์ได้กล่าวว่า การศึกษาของบริษัทคแวเนอร์ควรเสร็จสิ้นในไตรมาสที่ 3 ของปีหน้า
นายโรเบิร์ต เอ็ม ฟรีดแลนด์ ประธานบริษัทไอแวนโฮ แคปิตอล คอร์ปอเรชั่น ได้กล่าวว่า "บริเวณลุ่มแม่น้ำซาเวจ ริเวอร์ มีความเหมาะสมอย่างยิ่งกับหลักการของบริษัทไอแวนโฮในการลงทุนในโครงการต่างๆที่การมีทัศนะและความมุ่งมั่นร่วมกันในการเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพในตลาดโลกและตลาดภายในประเทศได้ทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน"
"การปรับโครงสร้างเหมืองได้ช่วยลดต้นทุนลงและรักษาการจ้างงานไว้ได้ประมาณ 250 ตำแหน่งงาน ซึ่งบางส่วนเป็นผลมาจากการสนับสนุนเชิงสร้างสรรค์ของรัฐบาล โดยในปัจจุบันคาดว่าลุ่มแม่น้ำซาเวจ ริเวอร์มีบทบาทในระยะยาวในฐานะแหล่งสำคัญในการจัดหาลูกเหล็กและเหล็กอัดที่มีคุณภาพดีและมีราคาที่สามารถแข่งขันกับรายอื่นได้ให้กับอุตสาหกรรมผลิตเหล็กกล้าของโลก"
นายกอร์ดอน สมิธ กรรมการผู้จัดการบริษัทออสเตรเลียน บัลค์ มิเนอรัลส์ได้กล่าวว่า ทางบริษัทวางแผนที่จะใช้ประโยชน์ต่อไปจากแหล่งแร่ดังกล่าว โดยระบุว่า "เราทราบว่าเรามีแหล่งแร่สำหรับการดำเนินการเหมืองแร่ไปอีก 20-30 ปี และเรามั่นใจว่าเราสามารถขยายการผลิตออกไปมากกว่าเป้าหมายการผลิตประจำปีในขั้นต้นสำหรับเหล็กแท่งและเหล็กอัดที่ระดับ 2.6 ล้านตัน"
ทั้งนี้ ท่าเรือของทางบริษัทได้ดำเนินการลำเลียงเหล็กแท่งจำนวน 71,000 ตันเพื่อการส่งมอบเสร็จสิ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยผู้ซื้อได้แก่บริษัทโปฮัง ไอร์ออน แอนด์ สตีล ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าของโลกในเกาหลีใต้ ซึ่งการเข้าซื้อดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาระยะยาวฉบับใหม่สำหรับการซื้อเหล็กแท่งแถบลุ่มแม่น้ำซาเวจ ริเวอร์ สำหรับในวันอังคารที่ผ่านมาเรือลำที่ 2 ได้เริ่มการลำเลียงแร่แม็กนีไทท์เข้มข้นจากลุ่มแม่น้ำซาเวจ ริเวอร์จำนวน 15,000 ตัน ที่สั่งซื้อโดยบริษัทคอมเมอร์เชี่ยล มิเนอรัลส์ จำกัด ของออสเตรเลีย
บริษัทออสเตรเลียน บัลค์ มิเนอรัลส์ ได้ลงทุนประมาณ 50 ล้านดอลล่าร์ออสเตรเลียจากจำนวน 100 ล้านดอลล่าร์ที่เป็นงบประมาณของทางบริษัทในการฟื้นฟูเหมืองที่มีอายุ 30 ปี และในการปรับโครงสร้างการดำเนินงานของทางบริษัท โดยกระบวนการผลิตแร่ที่เหมืองดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างไปทางใต้ของท่าเรือพอร์ต ลาตตาประมาณ 80 กิโลเมตร ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งในเดือนต.ค.ที่ผ่านมาหลังจากที่ได้ปิดดำเนินการไปเป็นเวลา 8 เดือน
สำหรับข้อมูลอื่นๆจะสามารถติดต่อได้ที่นายกอร์ดอน ทอลล์ ประเทศสิงคโปร์ เบอร์โทรศัพท์ 65-337-1818, หรือนายโจนาธาน ชาลลิส ในกรุงลอนดอน เบอร์โทรศัพท์ 44-171-823-3888 หรือนายเอียน รอสส์ ในซิดนีย์ เบอร์โทรศัพท์ 612-9267-1610 --จบ--
--บิสนิวส์แปลและเรียบเรียง-สจ/กก--