บริสเบน, ออสเตรเลีย--19 ม.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
Megaport บริษัทชั้นนำด้านการให้บริการสื่อสารด้านซอฟต์แวร์ เปิดเผยในวันนี้ว่า บริษัทได้เป็นพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีที่ได้รับอนุญาตของ Google Cloud Platform เพื่อให้บริการอินเตอร์คอนเนชั่นหรือบริการเส้นทางเชื่อมต่อ Google Cloud Platform โดยเมื่อมีการเปิดใช้ GCI แล้ว ผู้ใช้งาน Megaport และบริษัทในสังกัด จะสามารถเข้าถึง Google Cloud Platform ผ่านช่องทางเชื่อมต่อระดับองค์กรไปยังส่วนขอบเครือข่าย Google ไม่ว่าข้อมูลหรือผู้ใช้งานจะอยู่ ณ ตำแหน่งใดก็ตาม นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถผูกศูนย์ข้อมูลส่วนตัวได้โดยตรงกับ Google Cloud Platform ผ่านเครือข่ายส่วนตัวเสมือน หรือ "VPN tunnel"
Google Cloud Platform เปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆสามารถสร้าง ทดสอบ และเปิดการใช้งานบนโครงสร้างพื้นฐานของ Google ที่มีความยืดหยุ่นและน่าเชื่อถือสูง Google Cloud Platform ยังนำเสนอบริการคำนวณ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และโปรแกรมใช้งาน สำหรับโซลูชั่นเว็บ อุปกรณ์เคลื่อนที่ และแบคเอ็นด์ โดย Google Cloud Interconnect เปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆสามารถเชื่อมต่อระบบพื้นฐานขององค์กรเข้ากับ Google ผ่านช่องทางเชื่อมต่อส่วนขอบเครือข่าย Google ระดับองค์กร
Megaport เปิดช่องทางการเข้าถึง Google Cloud Platform ในรูปแบบใหม่ ผ่านทางบริการเครือข่ายอ้างอิง การดำเนินงานและบริการบริหารจัดการโดยอัตโนมัติเต็มรูปแบบ จากผู้ใช้งานไปยังบริการ Google Compute Engine, Google Cloud Storage, Google BigQuery, Google App Engine รวมถึงบริการอื่นๆของ Google Cloud Platform ผู้ใช้งานMegaport สามารถใช้งานได้ทั้งหมดดังที่กล่าวมาภายในระยะเวลาไม่กี่นาทีจาก Megaport นอกจากนี้ เหล่านักพัฒนายังสามารถใช้ชุด API ขั้นสูงเพื่อเขียนโปรแกรมการทำงานระหว่าง Google Cloud Platform และ Megaport Platform
Megaport ยังนำเสนอช่องทางการเชื่อมต่อแบบทันทีระหว่างผู้ใช้งานและโครงสร้างของ Megaport ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย และทรัพยากรอื่นๆจากศูนย์ข้อมูลอิสระ ผู้ใช้งานจะได้รับความปลอดภัยด้านเครือข่ายเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีปริมาณงานที่สม่ำเสมอกว่า เนื่องจากเป็นการสร้างการเชื่อมต่อแบบไพรเวทโดยตรงกับโครงสร้าง Megaport แทนที่จะเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ ผู้ใช้งาน Megaport ยังมีข้อได้เปรียบในแง่ของการจัดำบิลลิ่ง การใช้งาน การปรับขนาด และบริการอื่นๆ ในรูปแบบเดียวกันกับการใช้ระบบคลาวด์ โดยผู้ใช้เพียงแค่จ่ายตามที่ได้มีการใช้งานไม่ว่าจะเลือกใช้ในช่วงเวลาใดก็ตาม
“เราตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้บริการ Google Cloud Platform ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการระบบคลาวด์ที่เติบโตเร็วที่สุดและเป็นที่นิยมที่สุดบริกรหนึ่งในปัจจุบันให้แก่บรรดาลูกค้าของเรา” Brooke Mouland ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Megaport กล่าว “การเปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆสามารถสร้าง ใช้งาน และควบคุมเครือข่ายของตนเองในลักษณะเดียวกับระบบคลาวด์นั้น มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเรา”
“ความเรียบง่ายนับเป็นเรื่องที่ดี ตัวเลือกก็เช่นกัน Google Cloud Platform มีคุณสมบัติทั้งสองอย่าง โดยลูกค้าของเราสามารถใช้ประโยชน์จากทั้งสองปัจจัยดังกล่าวได้ภายในไม่กี่นาที ทั้งนี้ การใช้โซลูชั่นที่ถูกสร้างขึ้นจากการประสานงานระหว่างระบบคลาวด์ เครือข่าย และองค์กรนั้น เป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับการบรรลุศักยภาพสูงสุดของเทคโนโลยีสมัยใหม่เหล่านี้”
Hostworks เป็นสมาชิกของกลุ่มผู้ใช้งาน Megaport โดยมีบทบาทเป็น “เส้นทางดิจิตอล” เบื้องหลังแบรนด์สื่อดิจิตอลรายใหญ่มากมายในออสเตรเลีย Hostworks รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ Megaport ภายใต้โซลูชั่น Google Cloud Interconnect ทั้งนี้ Hostworks มีทีมนักพัฒนา Google Qualified Developer ขนาดใหญ่ โดยทางบริษัทมองว่า การผนวกรวมความว่องไวของ Google Cloud Platform เข้ากับการเชื่อมต่อเครือข่ายของ Megaport นั้น สามารถร่นระยะเวลาในการเข้าถึงตลาดได้เป็นอย่างดีให้แก่ลูกค้า
Will Berryman ซีอีโอของ Hostworks กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นลูกค้าของ Google Cloud Platform ในออสเตรเลีย เราเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์อันมหาศาลที่ Google Cloud Platform สามารถส่งมอบให้กับลูกค้า เราเล็งเห็นถึงข้อได้เปรียบสำหรับลูกค้า ในแง่ของศักยภาพและความยืดหยุ่นในตัวแพลตฟอร์ม และหวังที่จะได้เห็นลูกค้าใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของบริการจาก Google มากขึ้น ทั้งนี้ ความว่องไวของระบบเครือข่ายจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนไปใช้ระบบคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
เกี่ยวกับ Megaport
Megaport ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 เพื่อคิดค้นกระบวนทัศน์ใหม่สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายและบริการคลาวด์ในชื่อ Megaport Platform ปัจจุบัน Megaport ให้บริการเชื่อมต่อตามความต้องการและมีความยืดหยุ่นแก่ผู้ให้บริการเครือข่ายและระบบคลาวด์กว่า 100 รายในประเทศและทวีปต่างๆ Megaport Platform มีแผนขยายธุรกิจในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกาในปี 2558 เพื่อให้บริการตลาดขนาดใหญ่หลายสิบแห่งทั่วโลก