ASIANET: บ.ไฮนซ์ตั้งบริษัทร่วมทุนหวังรุกตลาดซอสปรุงรสในอินโดนีเซีย

ข่าวต่างประเทศ Friday February 12, 1999 12:50 —Asianet Press Release

เพนซิลวาเนีย--12 ก.พ.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท
บริษัทเอช.เจ.ไฮนซ์ได้ประกาศเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทได้เสร็จสิ้นการทำธุรกรรมเพื่อการร่วมทุนกับบริษัทเอบีซี เซ็นทรัล ฟู้ด อินดัสตรี ออฟ จาการ์ตา ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอสมะเขือเทศและซอสปรุงรสชั้นนำของอินโดนีเซีย โดยบริษัทร่วมทุนใหม่ซึ่งจะมีชื่อว่าบริษัทพีที ไฮนซ์ เอบีซี อินโดนีเซียนี้ จะดำเนินธุรกิจของบริษัทเอบีซี เซ็นทรัล ฟู้ดต่อไป ซึ่งบริษัทไฮนซ์จะถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทร่วมทุนดังกล่าว
นายวิลเลียม อาร์.จอห์นสัน ประธานและซีอีโอบริษัทไฮนซ์กล่าวว่า "เราชื่นชมคุณภาพและความแข็งแกร่งของยี่ห้อของเอบีซี เซ็นทรัล ฟู้ดมาเป็นเวลานานแล้ว ยี่ห้อชั้นนำของพวกเขาเป็นที่เลื่องลือไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และครั้งนี้นับเป็นโอกาสพิเศษที่จะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนของหนึ่งในบริษัทอาหารที่ดีสุดของเอเชีย และยังเป็นการให้แนวทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับการขยายธุรกิจร่วมกันของเราในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค"
แผนยุทธศาสตร์การเติบโตของไฮนซ์คือการทำให้สินค้าหลักของไฮนซ์ เช่น ซอสมะเขือเทศและซอสปรุงรสเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และการลงทุนในธุรกิจของยี่ห้อสินค้าที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 หรืออันดับ 2 ซึ่งจะช่วยให้มีการประหยัดต้นทุนที่เกิดจากการผลิตสินค้าจำนวนมาก โดยเรารู้สึกยินดีที่ซอสปรุงรสชั้นนำของเอเชียตระกูลนี้จะส่งเสริมการลงทุนของไฮนซ์ในแฟรนไชส์ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการลงทุนในอินโดนีเซียในช่วงเวลานี้ โดยไฮนซ์กำลังมีมุมมองในระยะยาวเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตลาดผู้บริโภคที่สำคัญแห่งนี้ซึ่งมีประชาชนกว่า 200 ล้านคน"
ทั้งนี้ ยี่ห้อเอบีซีนับเป็นผู้นำตลาดของประเทศในเรื่องของซอส "kecap" (ซอสถั่วเหลืองหวานที่ใช้บริโภคแทบทุกมื้อซึ่งเป็นทั้งเครื่องปรุงอาหารหรือส่วนผสมบนโต๊ะอาหาร) และเอบีซียังผลิต "sambal" (ซอสพริกเผ็ด) "kecap asin" (ซอสถั่วเหลืองเค็ม) ซึ่งเป็นยี่ห้อชั้นนำของอินโดนีเซีย นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตซอสมะเขือเทศเอบีซี และเป็นผู้นำยี่ห้อในหัวเชื้อน้ำผลไม้ โดยสินค้าของเอบีซีได้รับการจัดจำหน่ายให้แก่ร้านขายของชำและศูนย์อาหาร
นายจอห์นสันได้กล่าวอีกว่า "เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะตั้งข้อสังเกตว่า สินค้าหลักของเราอันได้แก่ซอสมะเขือเทศ มีจุดกำเนิดจาก ke-tsiap ซึ่งเป็นซอสรสเค็มที่บรรดากะลาสีเรือในศตวรรษที่ 17 ได้นำเข้าไปในสหรัฐจากเอเชีย และด้วยหลักการ East meets Wests เราจึงก่อตั้งพันธมิตรใหม่เพื่อวางจำหน่ายทั้งซอสมะเขือเทศไฮนซ์และซอส kecap ของเอบีซีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
สำหรับนายโคกัน แมนดาลา ผู้อำนวยการบริษัทเอบีซี เซ็นทรัล ฟู้ดจะยังคงอยู่ในหน้าที่นี้ต่อไปในบริษัทใหม่ และนายจอห์นสันได้ให้ความเห็นว่า "สิ่งนี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่จะขยายธุรกิจเอบีซีและแนะนำยี่ห้อของซอสปรุงรสของเอเชียให้แก่ตลาดใหม่"
บริษัทพีที ไฮนซ์ เอบีซี อินโดนีเซียจะจ้างพนักงานกว่า 3,000 คนซึ่งขณะนี้ทำงานอยู่ในบริษัทเอบีซี เซ็นทรัล ฟู้ด โดยบริษัทมีสินค้าประมาณ 16 ล้านกล่องต่อปี และมีโรงงานผลิตที่ทันสมัยและมีความได้เปรียบในการแข่งขันในกรุงจาการ์ตาและชวาตะวันออก
ซอสมะเขือเทศไฮนซ์นับเป็นยี่ห้อซอสมะเขือเทศชั้นนำของโลกโดยมียอดขายเกือบ 1.5 พันล้านดอลลาร์ต่อปีทั่วโลก และเอบีซี เซ็นทรัล ฟู้ดก็เป็นผู้ผลิตซอสถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก
ด้วยยอดขายที่ระดับ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ บริษัทเอช.เจ.ไฮนซ์นับเป็นผู้แปรรูปอาหารและผู้จัดส่งบริการทางด้านโภชนาการชั้นนำแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งบริษัทในเครือ 50 แห่งของไฮนซ์ได้ดำเนินกิจการอยู่ในประเทศต่างๆราว 200 ประเทศโดยมีสินค้าที่หลากหลายกว่า 5,000 ประเภท ซึ่งในบรรดายี่ห้อที่ได้รับความนิยมของบริษัทก็ได้แก่ Heinz, StarKist, Ore-Ida, 9-Lives, Weight Watchers, Wattie's, Plasmon, Farley's, The Budget Gourmet, Rosetto, Bagel Bites, John West, Petit Navire, Earth's Best, Ken-L Ration, Kibbles'n Bits, Pup-peroni, Nature's Recipe, Orlando, Olivine และ Pudliszki โดยสามารถเข้าชมข้อมูลของไฮนซ์ได้ที่ www.heinz.com
แหล่งข่าว : บริษัทเอช.เจ.ไฮนซ์
ผู้สนใจสามารถติดต่อ :-
สื่อ : เท็ด สมิธ รองประธานระดับสูงฝ่ายประสานงานภาคเอกชนและรัฐบาล 412-456-5780 หรือเดบบี้ ฟอสเตอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารภาคเอกชน 412-456-5778
นักลงทุน : แจ็ค รันเกิล รองประธานฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ 412-456-6034
สำหรับข่าวของบริษัทไฮนซ์ทั้งหมดสามารถดูได้ที่ http://www.prnewswire.com/comp/575757.html หรือโทรสาร 800-758-5804 ต่อ 575757 หรือที่เว็บไซท์ http://www.heinz.com-- จบ--
--บิสนิวส์แปลและเรียบเรียง-สอ/กก--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ