คาวาซากิ, ญี่ปุ่น--5 ก.พ.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
มหกรรม Kawasaki International ECO-Tech Fair 2015 ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน ที่ Todoroki Arena ในเมืองคาวาซากิ จังหวัดคานางาวะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558 โดยภายในมหกรรมมีบริษัทและองค์กรจากต่างประเทศเข้าร่วมถึง 138 ราย เช่นเดียวกับบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านอีโคเทค เพื่อร่วมแบ่งปันแนวทางอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนประสบการณ์อันทรงคุณค่าและเทคโนโลยีด้านนิเวศที่เกี่ยวข้องกับการผลิตต่างๆสู่ทั่วโลก
http://photos.prnasia.com/prnvar/20150129/0861500756
เมืองคาวาซากิ ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมนั้น ตั้งอยู่ที่จังหวัดคานางาวะ ประเทศญี่ปุ่น ใกล้กับกรุงโตเกียว โดยตั้งอยู่ตรงกลางของเกาะญี่ปุ่นด้วยจำนวนประชากร 1.46 ล้านคน ซึ่งเป็นคนไทย 500 คน (อ้างอิงกับข้อมูล ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2557) นอกเหนือจากภาพลักษณ์เมืองอุตสาหกรรมอันทันสมัยแล้ว เมืองคาวาซากิยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมความฝันและศิลปวัฒนธรรมไว้ด้วยกัน โดยมีตัวการ์ตูนอันเป็นที่รักของเด็กๆทั่วโลกอย่างโดราเอมอนเป็น "พลเมืองพิเศษ" ประจำเมืองนี้ และยังเป็นสถานที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ (Fujiko.F.Fujio) นักเขียนการ์ตูนชื่อดังเจ้าของผลงานโดราเอมอนด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะทาโร่ โอคาโมโตะ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองนี้เช่นกัน
นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 60 ถึง 70 เมืองคาวาซากิ ซึ่งเป็นเมืองหลักของเขตอุตสาหกรรมเคฮินที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วนั้น มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมญี่ปุ่น โดยทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ขณะเดียวกันก็ต้องรองรับกับการเสื่อมสภาพของสิ่งแวดล้อม เช่น มลภาวะในอากาศ/น้ำ จากการพัฒนาที่อยู่เหนือการควบคุม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหามลภาวะด้านสิ่งแวดล้อม ประชาชนชาวคาวาซากิ รวมถึงภาคธุรกิจและรัฐบาล ได้ร่วมงานกันอย่างใกล้ชิด และท้ายที่สุดได้เปลี่ยนเมืองคาวาซากิให้กลายเป็นบ้านที่น่าอยู่อีกครั้งผ่านโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง และประสบการณ์ในการดำเนินการอย่างมากมาย
ปัจจุบัน เมืองคาวาซากิมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากทั้งองค์กรและสถาบันวิจัยและพัฒนา (R&D) จำนวนมาก ศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ คิง สกายฟรอนท์ (KING SKYFRONT) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับสนามบินฮาเนดะนั้น มีบทบาทอย่างมากในการแก้ปัญหาด้านสุขภาพ การรักษาทางการแพทย์ สวัสดิการ และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการพัฒนารากฐาน R&D ที่จะนำไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆอีกด้วย ในพื้นที่เขตอุตสาหกรรมชายฝั่งของเมืองยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตพลังงานหลากหลายประเภท ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยมากที่สุด โรงผลิตพลังงานก๊าซธรรมชาติ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อผลิตพลังงานให้กับเมืองหลวง และสนับสนุนในเรื่องการนำเสนอและการใช้พลังงานไฮโดรเจนในวงกว้าง เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 เมืองคาวาซากิได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท โตชิบา คอร์ปอเรชั่น (Toshiba Corporation) เพื่อตรวจสอบการใช้งานระบบจ่ายพลังงานแบบพึ่งพาตนเอง ซึ่งประกอบด้วยพลังงานทดแทนและไฮโดรเจน และคาดว่าจะมีการทดสอบเพื่อยืนยันประสิทธิภาพในเดือนเมษายน 2558 ระบบดังกล่าวจะใช้น้ำที่ผ่านกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) เพื่อนำมาผลิตไฮโดรเจนที่ใช้สำหรับกระบวนการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ ไฮโดรเจนที่ผลิตได้จะถูกบรรจุไว้ในถังเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตพลังงานและถังน้ำอุ่น ระบบดังกล่าวสามารถผลิตพลังงานและน้ำอุ่นได้อย่างอิสระแม้ว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ในชีวิตประจำวันจะได้รับความเสียหายจากสาเหตุตามธรรมชาติก็ตาม นอกจากนี้ ระบบจ่ายพลังงานยังสามารถใช้รถบรรทุกเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ประสบภัยพิบัติได้อีกด้วย
โครงการเมืองคาวาซากิสีเขียวได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2551 ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีนได้เดินทางมาที่เมืองคาวาซากิเพื่อเยี่ยมเยียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่อมาในปี 2557 นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของประเทศไทย ได้เดินทางมาเยี่ยมชมโรงผลิตพลังงานที่เมืองคาวาซากิด้วยเช่นกัน
เทคโนโลยีการอนุรักษ์ ผลิต และจัดเก็บพลังงานและพลังงานสะอาดได้ก่อให้เกิดความกังวลทั่วโลกในเรื่องปัญหาอุปทานพลังงานที่เกิดขึ้นภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันออกของญี่ปุ่น เมืองคาวาซากิได้ใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยและพัฒนา ตลอดจนทำให้เทคโนโลยีพลังงานเป็นที่นิยม เพื่อให้เทคโนโลยีด้านนิเวศที่ทันสมัยดังกล่าวสามารถสนับสนุนประเทศและเขตปกครองอื่นๆในเอเชียที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมที่มากจนเกินไปได้ ด้วยเหตุนี้ มหกรรม International ECO-Tech Fair ครั้งใหญ่ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปี 2552 ที่เมืองคาวาซากิ จึงช่วยเผยแพร่ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศที่ครบถ้วนมากขึ้น และสนับสนุนการเจรจาต่อรองทางธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น สำหรับมหกรรม Kawasaki International ECO-Tech Fair 2015 ในครั้งนี้มีหัวข้อหลักของงานคือ "เมืองคาวาซากินำพาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมไปสู่โลก" ถือเป็นเวทีการเจรจาต่อรองทางธุรกิจสากลสำหรับบุคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมจาก 30 ประเทศและเขตปกครอง (ส่วนใหญ่มาจากเอเชีย) โดยภายในงานจะมีการจัดแสดงโครงการที่ทันสมัยต่างๆและตัวอย่างความสำเร็จในต่างประเทศ และจะมีการจัดการประชุมระหว่างผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายด้าน
ในทุกๆปีจะมีการจัดการประชุมเพื่อแนะนำโครงการจากต่างประเทศและการประชุมของผู้เชี่ยวชาญมากมายที่เมืองคาวาซากิ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศและเขตปกครองในเอเชียเข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ ประเทศไทย ขณะเดียวกันก็จะมีการนำเสนอผลการวิจัยและเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบนิเวศสู่สายตาชาวโลก นอกจากนี้ก็จะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมอันเป็นผลมาจากการแลกเปลี่ยนทางอุตสาหกรรมและการถ่ายทอดด้วยเทคโนโลยี
ภาพ - http://photos.prnasia.com/prnh/20150129/0861500756
คำบรรยายใต้ภาพ: ภาพมุมสูงของคาวาซากิในปี 2555 (บน) และในปี 2503 (ล่าง)