ลอนดอน--4 มิ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
การยกย่องอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลอันแข็งแกร่งในวงการอาหารโลก และบทบาทที่เพิ่มขึ้นของร้านอาหารที่มีต่อเศรษฐกิจเม็กซิโก
ร้านอาหาร 3 แห่งในเม็กซิโก ได้รับการยกย่องในงานประกาศรางวัล World's 50 Best Restaurants ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ อาคาร Guildhall กรุงลอนดอน โดยเม็กซิโกติดอันดับ 4 ในกลุ่มประเทศที่ได้รับรางวัลยกย่องมากที่สุดในโลก เช่นเดียวกับอิตาลี และเปรู ตามหลังเพียงสหรัฐ สเปน และฝรั่งเศสเท่านั้น พิธีมอบรางวัลประจำปีของ 50 Best Restaurants Academy ได้ยกย่องร้านอาหารทั่วโลกในแง่ของฝีมือการปรุงอาหารจากความคิดเห็นของสมาชิก 1,000 ราย ซึ่งแต่ละรายได้รับการคัดเลือกโดยพิจารณาจากความรู้ความเชี่ยวชาญในศาสตร์การทำอาหารระดับโลก สำหรับร้านอาหาร 3 แห่งที่ได้รับรางวัลได้แก่:
- Pujol ในเม็กซิโกซิตี้ อันดับที่ 16 โดยเชฟ Enrique Olvera: ร้านอาหาร Pujol ซึ่งติดอันดับอยู่บ่อยครั้ง นำเสนออาหารเม็กซิกันพื้นเมืองในรูปแบบใหม่ด้วยความใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งเชฟ Olvera รังสรรค์ขึ้นผ่านการจัดวางอาหารอย่างประณีตบรรจง ส่งผลให้มีรสชาติอย่างโดดเด่นคู่กับซอสที่ผ่านการปรุงแต่งอย่างลึกล้ำ เชฟได้สร้างสรรค์เมนูอาหารใหม่ๆอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสำรวจและก้าวออกจากขีดจำกัดเดิมๆสู่ศาสตร์แห่งการทำอาหารในรูปแบบที่แตกต่าง
- Quintonil ในเม็กซิโกซิตี้ อันดับที่ 35 โดยเชฟ Jorge Vallejo: เชฟ Jorge Vallejo ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ Enrique Olvera ได้รับการยกย่องให้เป็นเชฟดาวรุ่ง ผ่านการรังสรรค์เมนูอาหารด้วยความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม โดยร้านอาหาร Quintonil อันเป็นที่เลื่องชื่อจากการใช้วัตถุดิบสดตามฤดูกาล สมุนไพรและธัญพืชหายาก ตลอดจนผลผลิตท้องถิ่น สร้างสรรค์อาหารแต่ละจานโดยใช้วัตถุดิบจากสวนหลังร้าน ส่งผลให้อาหารที่ออกมานั้นเปี่ยมไปด้วยรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ
- Biko ในเม็กซิโกซิตี้ อันดับที่ 37 โดยเชฟ Mikel Alonso, Bruno Oteiza, Gerard Bellver: ร้านอาหาร Biko ตั้งอยู่ที่ใจกลางย่านโปลันโก้อันทันสมัย นำเสนอเมนูอาหารสุดตื่นตาตื่นใจ ซึ่งผสานกลิ่นอายแคว้นบาสก์ของสเปนเข้ากับวัตถุดิบสดๆของเม็กซิโก โดยส่วนประกอบอันยอดเยี่ยมจากทั้งสองประเทศนี้ปรากฎให้เห็นผ่านรูปแบบการจัดวางและรสชาติ ซึ่งทลายข้อจำกัดในการปรุงอาหารพร้อมสร้างความแตกต่างให้โดดเด่น
(รูปภาพ: http://photos.prnewswire.com/prnh/20150603/748142 )
วงการอาหารเม็กซิกันและแวดวงอื่นๆที่เกี่ยวข้อง นับเป็นวงการที่มีความสำคัญสำหรับรัฐบาลเม็กซิโก เนื่องจากวงการอาหารช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม พร้อมให้การสนับสนุนเหล่าผู้ผลิต ผู้ส่งออก สินค้าพื้นบ้าน และธุรกิจร้านอาหาร โดยวงการที่เกี่ยวข้องกับอาหารเหล่านี้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่าเศรษฐกิจในภาพรวม และด้วยการดำเนินโครงการต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ แนวโน้มที่ว่านี้คาดว่า จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณาจากการยกย่องที่ได้รับในสัปดาห์นี้
Claudia Ruiz Massieu รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวเม็กซิโก ซึ่งเข้าร่วมพิธีมอบรางวัล โดยกล่าวว่า “รางวัลนี้นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับวงการอาหารของเม็กซิโก นับตั้งแต่ที่ทาง UNESCO ได้ยกให้อาหารเม็กซิโกและฝรั่งเศสนั้นเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ไม่สามารถจับต้องได้ โดยรสชาติอันจัดจ้าน ตลอดจนส่วนผสมและรูปแบบการปรุงอาหารอันหลากหลาย และเชฟที่เปี่ยมไปด้วยแนวคิดสร้างสรรค์นั้น ต่างมีส่วนทำให้อาหารเม็กซิกันได้รับความนิยมไปทั่วโลก ปัจจุบันเราเล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการอาหารโลกที่มีเม็กซิโกอยู่แถวหน้า”
เม็กซิโกได้รับการขนานนามว่าเป็นแดนสวรรค์ของนักชิม ท่ามกลางตลาดและวงการสตรีทฟู้ดอันคึกคัก รูปแบบการจัดเตรียมอาหารและรสชาติที่มีความเป็นมากว่าหลายพันปี ไปจนถึงศาสตร์การทำอาหารสร้างสรรค์ตามยุคสมัยในโลกปัจจุบัน โดยห้าง Selfridges ในลอนดอน ซึ่งครองตำแหน่งห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในโลก 3 ปีติดต่อกัน ได้เปิดพื้นที่นำเสนอศาสตร์การทำอาหารเม็กซิกันเป็นเวลา 3 เดือนในปีนี้ เพื่อส่งเสริมการรับรู้และเปิดโอกาสในการสัมผัสกับส่วนประกอบอาหารและสินค้าพื้นบ้านของเม็กซิโก
เม็กซิโกยังคงเดินหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยนอกเหนือจากอโวคาโด มะเขือเทศ มะละกอ มะม่วง เบียร์ เตกิลา และเมซคาล ซึ่งเป็นสินค้าที่เม็กซิโกส่งออกมากที่สุดในโลกอยู่แล้ว สินค้าพิเศษๆอย่างคราฟท์เบียร์ ไวน์ สุรา น้ำมัน วานิลา กาแฟ และช็อคโกแลต มียอดการส่งออกที่เติบโตเป็นอย่างมาก สินค้าส่งออกเหล่านี้ ประกอบกับอิทธิพลจากร้านอาหารและวัฒนธรรมอาหาร ได้เข้ามามีบทบาทส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ ท่ามกลางชาวเม็กซิกันกว่าหลายล้านคนทั่วประเทศที่ทำงานในอุตสาหกรรมการเกษตร การผลิต บริการอาหาร และงานบริการ
แหล่งข่าว: คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งเม็กซิโก