ซานฟรานซิสโก--19 ธ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท
นายวิลเลี่ยม อาร์ แฮมเบรชท์ ประธานบริษัทแฮมเบรชท์ แอนด์ ควิสท์ แอลแอลซี ได้กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ตนจะลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวในวันที่ 1 ม.ค.นี้ ซึ่งบริษัทดังกล่าวนั้นเป็นวาณิชธนกิจที่เขาได้ก่อตั้งในปี 1968 ร่วมกับนายจอร์จ ควิสท์ ผู้ถึงแก่กรรมไปแล้ว
นายแฮมเบรชท์ได้กล่าวในบันทึกภายในว่า "เป็นการยากมากสำหรับผมที่จะคิดถึงการจากไป แต่ด้วยความสัตย์จริงผมคิดว่าบทบาทการเป็นผู้บริหารกิจการของผมได้สิ้นสุดลงแล้ว และถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเปลี่ยนไปสู่บทบาทต่อไปของผม ซึ่งเมื่อ 5 ปีที่แล้วเมื่อนายแดน เคส เป็นซีอีโอร่วม เราได้เริ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่ผมรู้สึกว่าในขณะนี้ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยทางบริษัทความคืบหน้าอย่างมาก และอยู่ภายใต้การบริหารงานของผู้นำที่มีความสามารถ และคณะเจ้าหน้าที่บริหารที่แข็งแกร่ง"
ทั้งนี้ นายแดเนียล เอช เคส ที่ 3 ผู้ซึ่งเป็นประธานและซีอีโอร่วมในปี 1992และเป็นประธานและซีอีโอในปี 1994 จะเข้ามาดำรงตำแหน่งต่อจากนายแฮมเบรชท์ โดยในปี 1967 นั้นนายแฮมเบรชท์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการไฟแนนซ์ประจำชายฝั่งตะวันตกของอดีตบริษัทฟรานซิส ดู ปงท์ แอนด์ โค ได้พบกับนายจอร์จ ควิสท์ ผู้ซึ่งทำงานให้กับบริษัทสมอลล์ บิสซิเนสส์ อินเวสต์เมนต์ คอมพานีของธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งทั้ง 2 ได้เล็งเห็นถึงความต้องการวาณิชธนกิจในซานฟรานซิสโก ที่สามารถให้บริการในระดับสูงแก่บริษัทขนาดเล็กที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในซิลิคอน วัลเล่ย์
บริษัทที่พวกเขาได้ก่อตั้งขึ้นในปีต่อมาได้มุ่งการดำเนินงานไปที่การจัดหาเงินสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นที่ดำเนินมาถึงปัจจุบันนี้ และจากการโน้มเอียงในการเข้าลงทุนและการมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีที่มีแนวโน้มก้าวไกล นายแฮมเบรชท์จึงได้กลายเป็นแรงผลักดันในการเปิดตัวบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทดูแลสุขภาพในยุคแรกสู่สาธารณชน อาทิ บริษัทแอปเปิ้ล คอมพิวเตอร์ และบริษัทเจเนเทค
นายแฮมเบรชท์ได้ระบุในบันทึกภายในว่า "เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาเราได้เริ่มทำบางสิ่งที่แตกต่างออกไป โดยเราต้องการให้บริษัทของเราประสบความสำเร็จทางการเงิน นอกจากนี้ เรายังต้องการให้บริษัทของเราเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจ และสิ่งดังกล่าวได้เพิ่มคุณค่าจริงให้กับบริษัทของเรา ซึ่งผู้ที่ได้เลือกเข้ามาร่วมงานกับเรามีความพิเศษอย่างมาก และเราได้ร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ไกลเกินไปจากความฝันอันแรงกล้าของเราด้วยกัน"
ในการพัฒนาสถานะการลงทุนของแฮมเบรชท์ แอนด์ ควิสท์นั้น นายแฮมเบรชท์ได้ควบคุมการบริหารงานในการลงทุนเป็นมูลค่ากว่า 550 ล้านดอลล่าร์ในบริษัทต่างๆ อาทิ Adobe Systems, Advanced Fiber Communications, America OnLine,Apollo Computer, Apple, Convergent Technologies, Evans & Suther-land, Genentech, MIPS Computer Systems, Octel, People Express Airlines, Read-Rite, Red Brick, Sybase, VSLI Technology และ Xilinx
ภายใต้การนำของนายแฮมเบรชท์ บริษัทแฮมเบรชท์ แอนด์ ควิสท์จึงเป็นวาณิชธนกิจรายแรกที่จัดการประชุมด้านเทคโนโลยี และการประชุมบริษัทดูแลสุขภาพ โดยในปัจจุบันนี้การประชุมดังกล่าวยังเป็นการประชุมของวาณิชธนกิจที่ใหญ่ที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมเหล่านี้ ซึ่งนายแฮมเบรชท์ได้กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า การประชุมด้านเทคโนโลยีครั้งแรกของบริษัทแฮมเบรชท์ แอนด์ ควิสท์ ในปี 1972 มีบริษัทเข้าร่วมทั้งหมด 5 แห่ง โดย 1 ในจำนวนนั้น ได้แก่ อินเทล"
ทางด้านนายแดน เคส ได้กล่าวในจดหมายภายในว่า "นายบิล แฮมเบรชท์เป็นที่ปรึกษา, เพื่อน และนักลงทุนสำหรับผมและคนอื่นๆที่แฮมเบรชท์ แอนด์ ควิสท์ และผมหวังและคาดว่า บทบาทเหล่านี้จะไม่เปลี่ยนแปลงไป โดยเขาจะเป็นผู้ร่วมก่อตั้งของเราเสมอ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นประธานของเราอีกต่อไป ซึ่งหากคุณต้องการหาอนุสาวรีย์ของเขา จงมองไปรอบๆ เนื่องจากคุณจะไม่สามารถแยกอนุสาวรีย์ของเขาออกจากบริษัทแฮมเบรชท์ แอนด์ ควิสท์ได้"
นายแฮมเบรชท์ได้กล่าวว่า ตนจะยังคงมีความสนใจในด้านเงินลงทุนและการลงทุนในบริษัทเกิดใหม่ที่มีการขยายตัว โดยในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในบริษัทแฮมเบรชท์ แอนด์ ควิสท์ ที่ถือหุ้นอยู่ 11.6 % เขากล่าวว่าเขาจะยังคงเป็นนักลงทุนระยะยาวในบริษัท ในขณะเดียวกัน เขาก็เป็นผู้อำนวยการบริษัทของเอกชนและของรัฐ ที่รวมถึงบริษัท Adobe Systems, Calyx and Corolla, Cogito Learning Sciences และ Evolve Software นอกจากนี้ เขายังเป็นประธานบริษัท Belvedere Winery ซึ่งเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจไร่องุ่นในเขตโซโนมา เคาน์ตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย
ทั้งนี้ นายแฮมเบรชท์นั้นจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ที่ซึ่งในอดีตเขาเคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการทรัพย์สิน สำหรับบริษัทแฮมเบรชท์ แอนด์ ควิสท์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1968 นั้น เป็นวาณิชธนกิจที่ให้บริการเต็มรูปแบบ ที่มุ่งเน้นในบริษัทที่มีการขยายตัวและมีธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และด้านโครงสร้าง โดยทางบริษัทมีสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก และมีสำนักงานหลักอยู่ในนิวยอร์ค และบอสตัน รวมทั้งสำนักงานต่างๆในยุโรป, เอเชีย และแคลิฟอร์เนียตอนใต้ นอกจากนี้ หุ้นของทางบริษัทมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คโดยใช้สัญลักษณ์ HQ --จบ--
--บิสนิวส์แปลและเรียบเรียง-สจ/กก--