วอชิงตัน--26 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/เอเชียเน็ท
ในวันนี้บริษัทนอร์ธ เวสต์ วอเตอร์ (เอ็นดับบลิวดับบลิว) และบริษัทเบคเทล เอ็นเตอร์ไพรเซส อิงก์ ได้ประกาศถึงการตั้งบริษัทดำเนินงานด้านการประปาแห่งใหม่ ที่จะมุ่งความสนใจหลักไปที่การพัฒนา, ให้เงินสนับสนุน, ก่อสร้าง, เป็นเจ้าของ และดำเนินงานโรงผลิตน้ำประปา และโรงบำบัดน้ำเสียนอกอเมริกาเหนือ และสหราชอาณาจักร โดยตัวแทนของทางบริษัทได้เป็นผู้ประกาศถึงโครงการดังกล่าวในการประชุมสุดยอดรมต.การประปานานาชาติของสภาพัฒนาเศรษฐกิจโลกที่โรงแรมออมนิ ชอร์แฮม โฮเต็ล
การตั้งบริษัทใหม่ที่จะใช้ชื่อว่าบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล วอเตอร์ ลิมิเต็ด (ไอดับบลิวแอล) นั้น เป็นการร่วมทุนกันระหว่างบริษัทเอ็นดับบลิวดับบลิว (สาขาของบริษัทยูไนเต็ด ยูทิลิตี้ส์) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทการประปาและบำบัดน้ำเสียภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก และบริษัทเบคเทลในซาน ฟรานซิสโก ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทดำเนินการพัฒนา, ควบคุม, ก่อสร้าง, และจัดการโครงการที่สำคัญที่สุดของโลก
การร่วมทุนนี้จะมุ่งความสนใจในขั้นแรกไปที่โครงการประปาและบำบัดน้ำเสียในแถบเอเชีย-แปซิฟิก และละติน อเมริกา นอกเหนือจากโครงการบางแห่งในยุโรปและตะวันออกกลาง ส่วนในกรณีของโครงการประปาและบำบัดน้ำเสียในสหรัฐนั้น จะมีการดำเนินงานผ่านบริษัทยูเอส วอเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทสาขาที่แยกตัวออกมา ซึ่งมีบริษัทยูไนเต็ด ยูทิลิตี้ส์ และบริษัทยูไนเต็ด อินฟราสตรัคเจอร์ คอมพานี (สาขาของเบคเทล เอ็นเตอร์ไพรเซส) เป็นเจ้าของร่วมกัน
ทั้งนี้ ได้มีการบรรลุข้อตกลงระหว่างเอ็นดับบลิวดับบลิวและเบคเทลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสำหรับโครงการแรก มูลค่า 45 ล้านปอนด์ (68 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ) ในการออกแบบ,ให้เงินสนับสนุน, ก่อสร้าง และดำเนินงานโรงงานบำบัดน้ำ 10 แห่งสำหรับรัฐบาลรัฐตอนใต้ของออสเตรเลีย โดยโรงงานดังกล่าวจะบำบัดน้ำจากแม่น้ำเมอร์เร่ย์ ริเวอร์ และจะจัดส่งน้ำประปาให้กับประชาชน 100,000 คนในเมืองและชุมชนหลายแห่งทางตอนใต้ของออสเตรเลีย ซึ่งคาดว่าโรงงานบำบัดน้ำแห่งแรกจะดำเนินการได้ในปีหน้า ในขณะที่โรงงานที่เหลือจะแล้วเสร็จในปี 1998 และ 1999 โดยไอดับบลิวแอลจะดำเนินงานในโครงการนี้ในนามของบริษัทนอร์ธ เวสต์ วอเตอร์ และบริษัทเบคเทล
นอกจากนี้ บริษัทเอ็นดับบลิวดับบลิวและบริษัทเบคเทลยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทที่ได้รับเลือกโดยบริษัทสก็อตทิช วอเตอร์ให้ออกแบบ, ก่อสร้าง และดำเนินงานโรงบำบัดน้ำเสียสำหรับชุมชนในบริเวณอินเวอร์เนสส์ และฟอร์ต วิลเลี่ยม ทั้งนี้ นายกอร์ดอน วอเตอร์ส กรรมการผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศของบริษัทยูไนเต็ด ยูทิลิตี้ส์ ได้กล่าวถึงโครงการประปาต่างๆว่าเป็นตลาดทั่วโลกที่ใหญ่รองจากอุตสาหกรรมกำเนิดไฟฟ้า และคาดว่าบริษัทไอดับบลิวแอลจะมีโอกาสเติบโตได้มากในอนาคต
นายวอเตอร์สได้กล่าวว่า ขณะที่มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ได้โดยปราศจากไฟฟ้า แต่มนุษย์ทุกคนจำเป็นต้องใช้น้ำ โดยถ้ากล่าวถึงเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนาเท่านั้น ก็พบว่ามีอุปสงค์อย่างมากสำหรับโรงงานพัฒนาน้ำดื่มที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ และขณะที่ประชากรโลกเพิ่มขึ้น อุปสงค์สำหรับน้ำสะอาดก็ยิ่งมีมากขึ้น ซึ่งนายแดน เชา รองประธานบริษัทเบคเทล เอ็นเตอร์ไพรเซส ก็เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้
นายเชาได้กล่าวเสริมว่า ได้มีความต้องการบริษัทที่ให้บริการเต็มรูปแบบ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการแก้ปัญหา และจัดการกับปัญหาโครงสร้างสาธารณูปโภคด้านการประปาที่ยุ่งยากและซับซ้อน ซึ่งบริษัทไอดับบลิวแอลสามารถแก้ปัญหานี้และตอบสนองต่อความต้องการน้ำประปาและการบำบัดน้ำเสียของลูกค้าของทางบริษัท ขณะที่ยังคงรักษาสภาพแวดล้อมที่จะยกระดับคุณภาพชีวิต
ทั้งนี้ บริษัทเอ็นดับบลิวดับบลิวนั้นเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทยูไนเต็ด ยูทิลิตี้ส์ ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภคหลายแขนงบริษัทแรกของอังกฤษ ที่ให้บริการต่อประชาชนประมาณ 28 ล้านคนทั่วโลก โดยเอ็นดับบลิวดับบลิวดำเนินการและรักษาสินทรัพย์สาธารณูปโภคการประปาใน 6 ประเทศ ที่รวมถึงงานบำบัดน้ำเสียกว่า 1,000 โครงการ, โรงบำบัดน้ำกว่า 200 แห่ง, ท่อน้ำหลักกว่า 42,000 กิโลเมตร (26,250 ไมล์) และท่อน้ำเสียกว่า 37,750 กิโลเมตร (23,594 ไมล์)
ส่วนบริษัทเบคเทล เอ็นเตอร์ไพรเซส ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาโครงการ, ให้เงินสนับสนุน และเป็นเจ้าของโครงการ ในเครือกลุ่มบริษัทเบคเทล กรุ๊ป อิงก์ ได้จัดการหรือเข้าร่วมในการให้เงินสนับสนุนโครงการมูลค่ากว่า 6 พันล้านปอนด์ (1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ) ตั้งแต่ปี 1990 โดยกลุ่มบริษัทเบคเทลมุ่งการดำเนินงานไปที่การพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคด้านน้ำประปาตั้งแต่ทศวรรษ 1920 และได้ทำการก่อสร้างในโครงการน้ำประปาและบำบัดน้ำเสียกว่า 300 โครงการ รวมทั้งได้วางท่อส่งน้ำเป็นระยะทางกว่า 80,000 กิโลเมตร (50,000 ไมล์) --จบ--
--บิสนิวส์แปลและเรียบเรียง--