ASIANET: ไดเวอร์ซิฟายด์ลงนามข้อตกลงด้านการตลาดกับอาเซอร์ ไต้หวัน

ข่าวต่างประเทศ Wednesday August 19, 1998 15:15 —Asianet Press Release

แวนคูเวอร์--19 ส.ค.--ซีเอ็นดับบลิว-เอเชียเน็ท
เมื่อวานนี้ บริษัทไดเวอร์ซิฟายด์ อินเวสเมนต์ สตราเตจีส์ อิงค์ (DIS) ได้ประกาศถึงการลงนามในข้อตกลงในการทำตลาดแต่เพียงผู้เดียวมูลค่า 2.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.1 ล้านดอลลาร์แคนาดา) กับทางบริษัทอาเซอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไต้หวัน อิงค์ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของโกลด์ซัน กรุ๊ปของไต้หวันเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Zorbolite ในประเทศไต้หวัน โดยข้อตกลงดังกล่าวรวมถึงออปชั่นที่ให้สิทธิในการผลิต Zorbolite และเจตจำนงสำหรับการโอนผลิตภัณฑ์อื่นๆ หรือสิทธิ หรือเข้าร่วมการหารือสำหรับกิจกรรมร่วมกันในไต้หวันด้วย
ข้อตกลงดังกล่าวได้ระบุถึงการจัดส่งผลิตภัณฑ์ขั้นต้นจากโรงงานของ DIS ในนครแวนคูเวอร์เพื่อสนองตอบต่ออุปสงค์ในช่วงเริ่มต้น จนกว่าทางบริษัทอาเซอร์จะได้ใช้สิทธิในการผลิต โดยนายมัลคอล์ม สตีเวนสัน ประธานของ DIS กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มโกลด์ซัน กรุ๊ป และกล่าวด้วยว่า "สัญญาของรัฐบาลหลายฉบับและการติดต่อกับบริษัทอาเซอร์ในทางธุรกิจจะรับประกันการเจาะตลาด Zorbolite ในส่วนนี้ของภูมิภาคเอเชีย"
นายวินเซนต์ ลิน ประธานของบริษัทอาเซอร์ได้แสดงความเห็นว่า "ผมปรารถนาที่จะตอบสนองความท้าทายในไต้หวัน โดยตลาดของผลิตภัณฑ์ Zorbolite จะเกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว ซึ่งความต้องการด้านสิ่งแวดล้อมของไต้หวันจะทำให้มีความต้องการเครื่องมือที่มีนวัตกรรมในด้านการทำความสะอาด เช่น ผลิตภัณฑ์ Zorbolite โดยอุตสาหกรรมของไต้หวันจะหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ Zorbolite"
ทั้งนี้ บริษัท DIS ได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์และตัวทำละลายในรูปไฮโดรคาร์บอนที่สลายตัวตามธรรมชาติให้กับอุตสาหกรรมน้ำมันและการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทในปัจจุบันจำหน่ายภายใต้ชื่อ Zorbolite
ส่วนบริษัทโกลด์ซัน กรุ๊ปเป็นบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนหลายพันล้านดอลลาร์ในไต้หวันนั้น ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
สำหรับเอกสารข่าวแจกนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ล่วงหน้าซึ่งแสดงถึงการคาดการณ์ในปัจจุบันของ DIS ดังนั้นบรรดานักลงทุนต้องระมัดระวังว่าแถลงการณ์ล่วงหน้าทั้งหมดนี้นั้นมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน รวมทั้งการไม่มีขอบเขต, ความล่าช้าในการปรับผลิตภัณฑ์,กฏระเบียบทางด้านสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง, ความสามารถที่จะดึงดูดและรักษาหุ้นส่วนทางธุรกิจ, การแข่งขันจากซัพพลายเออร์อื่นๆ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หรือแนวทางการพัฒนาที่คล้ายคลึงกัน รวมถึงความสามารถที่จะจัดสรรเงินทุนที่ต้องใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์, การปฏิบัติงานและการทำตลาดต่อไป
ส่วนตลาดหลักทรัพย์อัลเบอร์ตายังไม่ได้ทำการอนุมัติ หรือไม่อนุมัติต่อข้อมูลที่ระบุอยู่ ณ ที่นี้ โดยหุ้นสามัญของ DIS จดทะเบียนในตลาดหุ้นอัลเบอร์ตาภายใต้สัญลักษณ์ "DIA"
นอกจากนี้ บริษัท DIS ได้ประกาศเมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทได้ทำการเจรจารอบใหม่ในประเด็นข้อตกลงการให้ใบอนุญาตในปัจจุบันกับทางบริษัทเบิร์ช โอเวอร์ซีส์และได้ซื้อเทคโนโลยีตัวทำละลายสำหรับการใช้งานด้านสิ่งแวดล้อมที่ใช้แยกน้ำมัน, สารเคมี และสำหรับกระบวนการในการบำรุงรักษาอื่นๆ
สำหรับเทคโนโลยีดังกล่าวนั้นเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยในแนวทางการพัฒนาที่ผสมผสานขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแยกน้ำมันออกจากวัสดุต่างๆเช่น ละอองน้ำมันถ่านหิน, ทราย, ยางมะตอย และเป็นแนวทางการพัฒนาผสมผสานซึ่งไม่ก่อสารพิษสำหรับการแยกน้ำมันออกจากเกลือและน้ำสะอาด ส่วนเทคโนโลยีอื่นๆที่ซื้อมานั้นเป็นแนวทางการพัฒนาที่ใช้ในการละลายไขพาราฟินในน้ำมันดิบ และผงสำหรับการจับตัวเป็นก้อนของวัสดุที่เป็นของเสีย
ข้อตกลงในการซื้อเทคโนโลยีนั้นรวมถึงการจัดการด้านการเงินที่มีการแก้ไขแล้วซึ่งมีผลในทางบวกต่องบการเงินของ DIS สำหรับราคาเริ่มต้นที่ระดับ 3,500,000 ดอลลาร์สหรัฐนั้นได้ลดลงขั้นต่ำ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ และส่วนเหลือซึ่งอยู่ที่ระดับไม่เกิน 1,650,000 ดอลลาร์สหรัฐ (หลังหักเงินมัดจำเริ่มแรก 850,000 ดอลลาร์สหรัฐ) นั้นจะจ่ายจากยอดขายผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ จะมีการจ่ายค่ารอยัลตี้ต่อปีที่ระดับ 4 % ของยอดขายผลิตภัณฑ์ โดยผลกระทบต่องบดุลของ DIS สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 3 นั้นจะเป็นการลดลงของหนี้สินระยะยาวมูลค่า 2,650,000 ดอลลาร์สหรัฐ
นายมัลคอล์ม สตีเวนสัน ประธานบริษัท DIS กล่าวว่า "เทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ได้เพิ่มมิติใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันของ DIS และตัวทำละลายจะช่วยในการแยกสารเคมีที่เป็นพิษและไม่เป็นพิษในการใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ เช่น การควบคุมการกระจายทางเคมี, การทำความสะอาดแผงวงจรไฟฟ้า, การบำรุงรักษาและลดการติดเชื้อ รวมไปถึงการแยกน้ำมันออกจากน้ำมันธรรมชาติ, ทราย, หินน้ำมันและหิน, การสกัดน้ำมัน รวมทั้งการทำความสะอาดถึงน้ำมันและท่อส่งน้ำมัน โดยประโยชน์ส่วนใหญ่นี้แยกได้เป็นกลุ่มการตลาดได้หลายพันล้านกลุ่ม ซึ่งนับเป็นความท้าทายของ DIS ที่จะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการใช้งานเชิงพาณิชย์และทำการปรับโครงสร้างองค์กรที่จำเป็น"
นายสตีเวนสันกล่าวว่า หลังจากที่ทำการทดลองภาคสนามเป็นเวลาหลายเดือน ก็ได้พบว่าตัวทำละลายจะจับละอองน้ำมันถ่านหินและแยกน้ำมันออกมาได้ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่คิดว่าจะทำได้สำเร็จ ด้านดร.ลาสโซล พาสซเนอร์ แห่งมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบียในนครแวนคูเวอร์ได้กล่าวหลังการทดลองตัวทำละลายหลายครั้งว่า การละลายสารไฮโดรคาร์บอนโดยปราศจากสารพิษและการละลายในน้ำของตัวทำละลายนั้น ได้ทำให้บริษัท DIS มีความได้เปรียบเหนือผลิตภัณฑ์คู่แข่งใดๆ และการทำตลาดเชิงพาณิชย์ก็ได้รับการรับรองและการยอมรับอย่างสูง"
นายสตีเวนสันกล่าวว่า "ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า บริษัท DIS มีความมุ่งมั่นที่จะขยายโครงการของบริษัทในการจัดทดลองหลายแห่งก่อนการจำหน่ายตัวทำละลายสู่ตลาด" --จบ--
--บิสนิวส์แปลและเรียบเรียง-กช/กก--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ