กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย--8 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
Asia Plantation Capital มีความยินดีที่จะประกาศว่า บริษัทได้เสร็จสิ้นการเพาะปลูกระยะแรกบนพื้นที่เพาะปลูกในเขตบาตู ปาฮัท รัฐยะโฮร์ของมาเลเซียแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ขยายการดำเนินงานของบริษัทในมาเลเซีย
http://photos.prnasia.com/prnvar/20150902/8521505709-a
โรงงานแห่งใหม่ล่าสุดของ Asia Plantation Capital ในเขตมาไซ เมืองยะโฮร์บาห์รู สำหรับการกลั่นและแปรรูปไม้กฤษณา
http://photos.prnasia.com/prnvar/20150902/8521505709-b
Asia Plantation Capital เตรียมพร้อมสำหรับการปลูกต้นอ่อนบนพื้นที่เพาะปลูกในเขตบาตู ปาฮัท รัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย
ก่อนหน้านี้ได้มีการก่อตั้งธุรกิจร่วมทุน เพื่อบริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกไม้กฤษณาขนาดใหญ่ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกต้นกฤษณาพันธุ์เอควิลาเรีย ไซเนนซิส โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งออกไปยังตลาดที่มีมูลค่าสูงอย่างจีนโดยเฉพาะ อีกทั้งยังได้มีการเปิดโรงกลั่นและแปรรูปชิ้นไม้สับอันทันสมัยในรัฐยะโฮร์ด้วยเช่นกัน
นอกเหนือจากความรู้ความเชี่ยวชาญในไม้กฤษณาแล้ว Asia Plantation Capital ยังได้เพาะปลูกและบ่มเพาะไม้ต้นและพืชผลราคาดีอีกหลายชนิด โดยขณะนี้ทางบริษัทกำลังนำระบบและเทคโนโลยีที่ได้รับการบุกเบิกและพัฒนาตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมาในไทย อินเดีย และศรีลังกา มาสู่ดินแดนมาเลเซีย
สำหรับในประเทศไทยแล้ว ปัจจุบัน Asia Plantation Capital เป็นเจ้าของและบริหารจัดการต้นกฤษณากว่า 1.5 ล้านต้น จากจำนวนต้นไม้ทั้งหมดกว่า 7.5 ล้านต้นทั่วโลก โดยบริษัทมีพื้นที่เพาะปลูกในไทยเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่สกลนครไปจนถึงหัวหิน ส่งผลให้ Asia Plantation Capital เป็นผู้ดำเนินการเพาะปลูกเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 1,000 คนในฤดูเก็บเกี่ยว
ส่วนที่มาเลเซีย Asia Plantation Capital ได้ดำเนินการเพาะปลูกต้นอ่อนพันธุ์เอควิลาเรีย มาลัคเซนซิส และพันธุ์เอควิลาเรีย คราสนาเป็นจำนวน 13,400 ต้นบนพื้นที่เพาะปลูกใหม่ในเขตบาตู ปาฮัท ซึ่งเป็นโครงการเพาะปลูกระยะแรก โดยจะเริ่มทำการเพาะปลูกระยะที่สองทันที ซึ่งจะส่งผลให้มีจำนวนต้นอ่อนราว 27,000 ต้น เพื่อนำไปปลูกในเรือนเพาะชำอันทันสมัยที่มีแผนก่อสร้างขึ้นเพื่อรองรับต้นอ่อนราว 500,000 ต้นด้วยกัน
พื้นที่เพาะปลูกดังกล่าว ซึ่งห่างจากเมืองยะโฮร์บาห์รูไปทางเหนือประมาณ 100 กิโลเมตร และห่างจาก Junction 241 บนทางด่วน North-South Expressway เพียง 5 กิโลเมตรนั้น พร้อมให้การต้อนรับผู้มาเยือนและนักเรียนนักศึกษาจากสิงคโปร์ ยะโฮร์ และกัวลาลัมเปอร์ ตลอดจนผู้เพาะปลูกทั้งในประเทศและทั่วภูมิภาค โดย Asia Plantation Capital ได้ยกให้พื้นที่เพาะปลูกนี้เป็นพื้นที่ตัวอย่าง ซึ่งสาธิตและใช้ประโยชน์จากกลวิธีเพาะปลูกและดูแลพืชผลแบบใหม่ล่าสุด พื้นที่เพาะปลูกดังกล่าวมีการควบคุมดูแลตลอด 24 ชั่วโมงผ่านระบบรักษาความปลอดภัยอันล้ำสมัย ที่ไม่ได้เอาไว้สอดส่องแขกที่ไม่ได้รับเชิญเพียงเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ติดตามการเติบโตของต้นอ่อนด้วย
สตีฟ วัตส์ ซีอีโอของ Asia Plantation Capital Berhad ได้กล่าวถึงกลยุทธ์การขยายกิจการในมาเลเซีย ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ 'Breakfast Grill' ของสถานีวิทยุ BFM 89.9 ว่า "ตามแผนการลงทุนมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐในมาเลเซียนั้น เราหวังที่จะดันให้มาเลเซียเป็นผู้นำด้านการเพาะปลูกไม้กฤษณาระดับโลก" เขากล่าว "ซึ่งไม่ได้กำจัดเพียงโรงงานแห่งใหม่ในรัฐยะโฮร์อันเป็นสถานที่ตั้งโรงกลั่นของเรา ตลอดจนโรงงานผลิตชิ้นไม้สับและผลิตภัณฑ์อื่นๆจากไม้กฤษณา แต่ยังรวมถึงการเสาะหาพื้นที่เพาะปลูก และก่อตั้งธุรกิจร่วมทุนกับกลุ่มผู้เพาะปลูกในพื้นที่นั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีสต็อก แต่ไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการปลูกเชื้อที่มีความสำคัญยิ่ง"
คุณวัตตส์กล่าวต่อไปว่า "เรายังก่อตั้งธุรกิจร่วมทุนกับ Islamic University ในเมืองกอมบัค เพื่อสำรวจเพิ่มเติมถึงคุณประโยชน์ของไม้กฤษณาในการรักษาอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับมะเร็ง โดยการร่วมทุนดังกล่าวจะรวมถึงพื้นที่เพาะปลูกซึ่งทางมหาวิทยาลัยเป็นเจ้าของ และดูแลจัดการโดย Asia Plantation Capital นอกจากนี้ Asia Plantation Capital มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทในมาเลเซียได้รับการพิจารณาจากสถาบัน IBFIM ว่ามีความสอดคล้องกับหลักศาสนาอิสลาม (Sharia Compliance)"
ส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัท คือการแบ่งปันข้อมูลและให้ความรู้แก่ผู้เพาะปลูกในท้องถิ่นเกี่ยวกับระบบต่างๆ ที่จำเป็นต่อการบรรลุผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากการเพาะปลูกไม้กฤษณา ทั้งในเชิงพาณิชย์และสิ่งแวดล้อม โดยในบรรดาผู้เพาะปลูกเหล่านี้ มีอยู่เพียงไม่กี่รายที่ทำธุรกิจแบบรวบยอด (vertically integrated ) อย่างครบวงจร ตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงการขายปลีกและขายส่งด้วยตนเองในตลาดหลักทุกแห่ง ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจแบบเดียวกับที่ Asia Plantation Capital ดำเนินการ
สตีฟ วัตตส์ กล่าวเสริมว่า "บริษัทมีแผนเปิดโครงการ 'เติบโตงอกเงย' สำหรับผู้เพาะปลูกในท้องถิ่น เนื่องด้วยความต้องการของตลาด เราจึงจำเป็นต้องได้ผลผลิตในอนาคตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และด้วยการทำงานร่วมกับผู้เพาะปลูกท้องถิ่น เราจึงจะสามารถขยายการดำเนินงาน ควบคู่ไปกับการให้ความรู้และสาธิตถึงประโยชน์ต่างๆของระบบและงานวิจัยที่เราจัดทำขึ้นตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ช่วงแรกของโครงการนี้เริ่มดำเนินการไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา โดยการเพาะเลี้ยงต้นไม้ที่เติบโตเต็มที่ในยะโฮร์ ด้วยการใช้ระบบที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา และเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการดำเนินการลักษณะเดียวกันในพื้นที่นอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งผลลัพธ์ในช่วงแรกได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เรามีข้อได้เปรียบมากกว่าระบบอื่นๆในตลาดอย่างเห็นได้ชัด"
สุดท้าย คุณวัตตส์สรุปว่า "เราเชื่อว่า ระบบและนโยบายของเราในการสนับสนุนและทำงานร่วมกับผู้เพาะปลูกท้องถิ่น จะช่วยผลักดันให้เราสามารถพัฒนามาเลเซียให้ก้าวไปข้างหน้า ท่ามกลางการเติบโตของอุตสาหกรรมไม้กฤษณาทั่วโลกในอนาคต"
ไม้กฤษณากำลังเป็นที่สนใจและถูกพูดถึงในมาเลเซียระยะนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่รัฐเข้ายึดไม้กฤษณาที่ถูกลักลอบตัดได้เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งจับกุมตัวผู้กระทำผิด ทั้งนี้ ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในระยะนี้ โดยความต้องการปลูกไม้กฤษณาอย่างยั่งยืนและถูกกฎหมายนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในหลายพื้นที่ ต้นกฤษณาในป่าได้ถูกตัดโค่นจนถึงจุดที่ใกล้สูญพันธุ์ ด้วยเหตุที่ต้นกฤษณาเป็นพันธุ์ไม้ที่มีมูลค่าสูงและมีการลักลอบตัดไม้เป็นจำนวนมาก Asia Plantation Capital เป็นบริษัทเพียงไม่กี่แห่งในภาคส่วนนี้ที่มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมไม้กฤษณาอย่างถูกกฎหมาย ยั่งยืน และ 'สะอาด' ตลอดจนมุ่งหวังที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ไปสู่ตลาดและประเทศใหม่ๆต่อไป
สำหรับบรรณาธิการ:
Zureina Maidin
ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด ประจำมาเลเซีย
อีเมล: zureina.maidin@asiaplantationcapital.com
มือถือ: +6013-774-1009
Zaahira Muhammad
ผู้บริหารอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาด ประจำมาเลเซีย
อีเมล: zaahira@fragrancedubois.com
มือถือ: +6012-203-5344
เกี่ยวกับ Asia Plantation Capital
Asia Plantation Capital Berhad ในมาเลเซีย กำลังลงทุนอย่างเต็มที่ในภาคการเพาะปลูกของมาเลเซีย โดยพัฒนาพื้นที่สำหรับเพาะปลูกและโรงงานสำหรับผลิตไม้กฤษณา รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง สำหรับส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ขณะที่ในประเทศไทยนั้น พื้นที่เพาะปลูกและโครงการต่างๆของ Asia Plantation Capital ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมในแง่ของการก่อตั้ง การเพาะเลี้ยง และระบบทางวิทยาศาสตร์ขั้นสูงที่กำลังดึงดูดผู้เยี่ยมชมนานาประเทศจากทั้งวงการธุรกิจ รัฐบาล การค้า และการศึกษา
The Asia Plantation Capital Group เป็นบริษัทจัดการและเป็นผู้ประกอบการเพาะปลูกอย่างยั่งยืนที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย ด้วยโครงการต่างๆใน 4 ทวีป และพนักงานมากกว่า 2,000 คนทั่วโลก คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของเราประกอบไปด้วยนักวิชาการระดับแนวหน้าจากหลายประเทศ ทั้งจีน ไทย มาเลเซีย อินเดีย สวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ร่วมกันพัฒนา ตลอดจนจดสิทธิบัตรระบบและเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรม
ด้วยการให้ความสำคัญกับโครงการเพาะปลูกเชิงพาณิชย์ และธุรกิจแบบบูรณาการในแนวดิ่ง (vertically integrated) ซึ่งมอบผลประโยชน์ที่ผสมผสานกันระหว่างชุมชน สิ่งแวดล้อม และการค้า Asia Plantation Capital จึงก้าวขึ้นเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จและไม่หยุดนิ่งด้วยหัวใจสำคัญสามประการตามหลัก 'triple bottom line'
รูปภาพ - http://photos.prnasia.com/prnh/20150902/8521505709-a
รูปภาพ - http://photos.prnasia.com/prnh/20150902/8521505709-b