กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย--6 พ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เพลง "London Calling" ของวงพังค์ร็อคชื่อดังจากเกาะอังกฤษอย่าง The Clash ได้กลายเป็นเพลงประจำกรุงลอนดอนมานานกว่าสามทศวรรษนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2522 The Clash ได้เปิดโลกดนตรีด้วยแนวเพลงและความสามารถที่โดดเด่นชัดเจน ขณะที่เพลง London Calling ก็กระแทกใจผู้คนมากมาย และ Fragrance Du Bois ก็พร้อมสร้างตำนานในลักษณะเดียวกันนี้ด้วยน้ำหอม "London Oud" ใหม่ล่าสุด ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเดวิด เฮย์ อดีตแชมป์มวยโลกรุ่นเฮฟวี่เวท ซึ่งเป็นชาวลอนดอนแท้ๆ
http://photos.prnasia.com/prnvar/20151015/8521506888-a
http://photos.prnasia.com/prnvar/20151015/8521506888-b
น้ำหอมใหม่นี้รังสรรค์ขึ้นอย่างเรียบง่ายด้วยน้ำมันกฤษณาจากธรรมชาติ 100% เพื่อสะท้อนถึงประวัติศาสตร์และความมีชีวิตชีวาของมหานครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งความรุ่งเรือง ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และประเพณีที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน London Oud รังสรรค์ขึ้นจากส่วนผสมที่ดีที่สุด เพื่อถ่ายทอดบรรยากาศของเมืองใหญ่ที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาทั้งในปัจจุบันและย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่วง The Clash ได้เปิดตัวบทเพลงแห่งตำนานนี้
นิโคลา พาร์คเกอร์ ผู้อำนวยการแบรนด์ Fragrance Du Bois กล่าวว่า "ย้อนกลับไปเมื่อปี 2556 เดวิด เฮย์ ได้ติดต่อให้เราทำน้ำหอมรุ่นนี้ ซึ่งทำให้ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นและกังวลอยู่นิดๆ ดิฉันเติบโตในลอนดอนและละแวกใกล้เคียง และทำงานในวงการแฟชั่นที่นั่นนานหลายปี ดังนั้น การสร้างสรรค์น้ำหอมที่บอกเล่าเรื่องราวของเมืองที่ใกล้ชิดกับดิฉันเช่นนี้ จึงนับว่าเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นงานในฝัน และดิฉันได้มอบหมายให้ฟรองซัวร์ เมิร์ล-โบดวง เข้ามารับหน้าที่นี้ โดยเขาได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับเดวิด และในฐานะที่เป็นนักผสมน้ำหอมรุ่นที่ห้าผู้ถือกำเนิดที่เมืองกราสส์ของฝรั่งเศส เขาจึงมีความเข้าใจเป็นอย่างดีเกี่ยวกับความซับซ้อนในการทำน้ำหอมจากน้ำมันกฤษณาธรรมชาติ เช่นเดียวกับความต้องการและค่านิยมในโลกน้ำหอมยุคใหม่ หลังเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งปี น้ำหอมรุ่นนี้ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงกลางปี 2557 และเมื่อเราได้ลองทดสอบดูแล้ว เราก็มั่นใจว่านี่จะเป็นน้ำหอมที่มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง"
น้ำหอมใหม่นี้เปิดตัวด้วยกลิ่นอายที่ทำให้นึกถึงยามเช้าอันสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิในลอนดอน พร้อมหมอกที่ค่อยๆเคลื่อนตัวจากแม่น้ำเทมส์ไปยังสวนสาธารณะ เรี่ยอยู่ที่ข้อเท้าของเหล่านักวิ่งในตอนเช้า ตามด้วยกลิ่นจางๆของซิตรัสและดอกลาเวนเดอร์เหมือนยามเช้าที่ค่อยๆผ่านพ้นไป และกลิ่นหอมอันซับซ้อนของดอกไม้ขาวซึ่งเข้ากับความมีชีวิตชีวาของเมืองใหญ่นี้
จากนั้นน้ำหอมจะส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลของดอกไม้นานาพันธุ์ พร้อมกลิ่นเครื่องเทศอันเย้ายวนใจ ที่สะท้อนถึงความเป็นสากลของกรุงลอนดอน ก่อนที่จะเคลื่อนผ่านช่วงบ่ายอันแสนอบอุ่นไปยังยามเย็นอันปลอดโปร่งด้วยกลิ่นไม้นานาพันธุ์อันนุ่มนวล ซึ่งตอกย้ำความรู้สึกผ่อนคลายและความเพลิดเพลินใจ ตบท้ายด้วยกลิ่นน้ำมันกฤษณาอันโลดโผนและเร้าใจ ซึ่งสร้างความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนได้ไปงานปาร์ตี้ยามค่ำคืนในเมืองใหญ่ติดอันดับโลกแห่งนี้
"เอกลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์น้ำหอมเฉกเช่น London Oud ขึ้นมาได้" คุณนิโคลา กล่าวเสริม "เรามีพื้นที่ปลูกไม้กฤษณาเป็นของตัวเอง ซึ่งบริหารจัดการโดย Asia Plantation Capital บริษัทเจ้าของพื้นที่เพาะปลูกตามหลักความยั่งยืนที่มีรางวัลการันตี เรานำเสนอน้ำมันกฤษณาคุณภาพดีที่สุดในตลาด อีกทั้งยังผลิตอย่างมีจรรยาบรรณและมีความยั่งยืน 100% เราทราบแน่ชัดถึงแหล่งที่มาของน้ำมันกฤษณา เพราะเราเป็นเจ้าของต้นไม้ที่ผลิตน้ำมันกฤษณา เราจึงมีความได้เปรียบอย่างมหาศาลในอุตสาหกรรมนี้ และสามารถสร้างเอกลักษณ์ให้กับน้ำหอมทุกขวดของเรา ที่สำคัญที่สุดคือ เราทราบดีว่าน้ำมันกฤษณาของเรานั้นเป็นของแท้ ดังนั้น Fragrance Du Bois จะไม่มีวันใช้น้ำมันกฤษณาสังเคราะห์เหมือนกับบางแบรนด์ เพราะคุณภาพมันไม่เหมือนกันเลย"
เดิมทีน้ำหอมรุ่นนี้ผลิตตามความต้องการของเดวิด เฮย์ แต่เจ้าตัวคิดว่าน่าเสียดายหากวงการน้ำหอมไม่ได้สัมผัสกับน้ำหอมรุ่นนี้ Fragrance Du Bois รู้สึกยินดีและซาบซึ้งต่อความใจกว้างของเขา และได้วางจำหน่ายน้ำหอม London Oud ในแฟลกชิปบูติกของแบรนด์ที่ Starhill Gallery ในกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย รวมถึงที่โรงแรม Fullerton Hotel ในสิงคโปร์ และเตรียมวางจำหน่ายในบูติกที่กำลังจะเปิดในห้าง City Walk ของดูไบ ควบคู่กับน้ำหอมของแบรนด์พันธมิตรรายอื่นๆ รวมถึงแบรนด์อันเป็นที่รู้จักทั่วโลกอย่าง Jovoy, Paris
นอกจากนี้ Fragrance Du Bois กำลังเดินเรื่องเพื่อวางจำหน่าย London Oud ในกรุงลอนดอนซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของน้ำหอมด้วย โดยนิโคลา พาร์คเกอร์ กล่าวว่า "เรามุ่งมั่นพัฒนาแบรนด์และเปิดบูติกในเอเชียและตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของเรา เพราะเราผลิตน้ำมันกฤษณาแท้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผลงานของเราทั้งหมดได้รับอิทธิพลอย่างมากจากแนวคิดเกี่ยวกับความสำคัญของน้ำมันกฤษณาในวัฒนธรรมอารบิก อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมน้ำหอมมีความเป็นสากล และน้ำหอมที่ผลิตจากน้ำมันกฤษณาก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างพุ่งพรวดในตลาดตะวันตก ดังนั้น เราควรเปิดร้านในลอนดอน และเรากำลังมองหาทำเลที่ตั้งร้านแฟลกชิปของเราในลอนดอน ทั้ง Burlington Arcade บนถนนพิคคาดิลลี รวมถึง Bond Street และ Knightsbridge น่าเสียดายที่เรายังไม่เจอทำเลที่เราต้องการ แต่อีกไม่นานเราต้องเจอแน่นอน"
"ดิฉันยังพูดอะไรไม่ได้มากในตอนนี้" คุณนิโคลากล่าวสรุป "แต่บอกได้ว่าเราจะประกาศข่าวให้ทราบในอนาคตอันใกล้นี้ และจะเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกัน เรากำลังง่วนอยู่กับการเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ในดูไบที่ห้าง City Walk อันเป็นสถานที่ที่ได้รับขนานนามว่าเป็น "ศูนย์กลางแห่งยุค" ซึ่งก็เหมาะสมแล้ว เรายินดีที่ Fragrance Du Bois ได้เติบโตอย่างยิ่งใหญ่ในโลกแห่งน้ำหอม และนี่เป็นยุคทองของเรา"
หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
ซูเรนา ไมดิน
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์, มาเลเซีย
อีเมล: zureina@fragrancedubois.com
มือถือ: +6013-774-1009
ซาอาฮิรา มูฮัมหมัด
ผู้บริหารอาวุโสฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์, มาเลเซีย
อีเมล: zaahira@fragrancedubois.com
มือถือ: +6012-203-5344
เกี่ยวกับ Fragrance Du Bois
Fragrance Du Bois เป็นแบรนด์น้ำหอมสุดหรูที่มีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม โดยถือกำเนิดขึ้นจากแก่นแท้ของธรรมชาติและรังสรรค์โดยเหล่านักผสมน้ำหอมรุ่นที่ห้า ผู้สานต่อการผลิตน้ำหอมแบบฉบับเมืองกราสส์ของฝรั่งเศสที่สืบทอดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 น้ำหอมทั้งหมดของ Du Bois ผลิตขึ้นจากน้ำมันกฤษณาบริสุทธิ์จากธรรมชาติ 100% รวมถึงส่วนผสมอื่นๆที่มีความยั่งยืนจากพื้นที่เพาะปลูกภายใต้การควบคุมดูแลของบริษัทเจ้าของรางวัลการันตีคุณภาพอย่าง Asia Plantation Capital
Fragrance Du Bois มีแฟลกชิปบูติกในสิงคโปร์และมาเลเซีย ตลอดจนเลาจน์จำหน่ายน้ำหอมสุดเอ็กซ์คลูซีฟทั่วโลก ทั้งในดูไบ ฮ่องกง และไทย ซึ่งพร้อมนำเสนอประสบการณ์การเลือกซื้อน้ำหอมที่ดีที่สุดตามความต้องการของลูกค้า และยังคงยึดมั่นต่อหลักการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็น "แบรนด์น้ำหอมสุดหรูที่มีจิตสำนึกที่ดี"
เกี่ยวกับ Asia Plantation Capital
Asia Plantation Capital จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2551 (แม้ว่าได้มีการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2545) โดยเป็นเจ้าของและผู้ดำเนินธุรกิจเพาะปลูกและฟาร์มเชิงพาณิชย์อันหลากหลายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก ซึ่งอยู่ในเครือของ Asia Plantation Capital Group จุดมุ่งหมายหลักของบริษัทคือ โครงการเพาะปลูกหลากประเภทในหลายวัฒนธรรม เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและความต้องการเชิงพาณิชย์ของประเทศที่บริษัทดำเนินงานอยู่
ปัจจุบัน Asia Plantation Capital เป็นผู้ผลิตน้ำมันกฤษณาและเพาะปลูกต้นกฤษณาแบบบูรณาการแนวดิ่งที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยโครงการเพาะปลูกและการเกษตรใน 4 ทวีป ทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ลาว อินเดีย กัมพูชา ศรีลังกา เมียนมาร์ เวียดนาม อเมริกาเหนือ และยุโรป รวมถึงธุรกิจใหม่ของบริษัทที่เปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ อันได้แก่โรงงานแปรรูปไม้กฤษณาและกลั่นน้ำหอมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งตั้งอยู่ในมาเลเซีย
รูปภาพ - http://photos.prnasia.com/prnh/20151015/8521506888-a
รูปภาพ - http://photos.prnasia.com/prnh/20151015/8521506888-b