ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์--3 มี.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ท่านชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตูม รองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของยูเออี และผู้ครองนครดูไบ ให้คำมั่นว่ายูเออีกำลังมุ่งสู่ความเจริญก้าวหน้าด้วยแผนการเชิงกลยุทธ์ อันมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความหลากหลายให้กับเศรษฐกิจของประเทศและลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมันลง ท่านเน้นย้ำว่ายูเออีมีวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเอื้อต่อการสร้างสรรค์ภาคส่วนเศรษฐกิจใหม่ๆซึ่งสนับสนุนการเติบโตของประเทศ พร้อมกับขยายขอบเขตของภาคส่วนดั้งเดิมต่างๆเพื่อให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล
(รูปภาพ: http://photos.prnewswire.com/prnh/20160302/339556 )
ในระหว่างพิธีเปิด ท่านชีคได้เน้นย้ำถึงบทบาทของการค้า ในฐานะองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยธำรงความสำเร็จทางเศรษฐกิจของยูเออี และในฐานะภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาในอนาคต โดยกล่าวว่า "ยูเออีมีทำเลที่ตั้งอันเป็นจุดยุทธศาสตร์ มีโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก และมีสถาบันต่างๆที่แข็งแกร่ง จึงมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในการเป็นผู้นำคลื่นลูกใหม่แห่งการเติบโตของธุรกิจค้าส่งระดับนานาชาติ"
ท่านชีคมีถ้อยแถลงดังกล่าวระหว่างการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ "Dubai Wholesale City" ศูนย์กลางธุรกิจค้าส่งขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโดยจะใช้เวลา 10 ปี ครอบคลุมพื้นที่ 550 ล้านตารางฟุต และใช้งบประมาณในการก่อสร้างราว 3 หมื่นล้านดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (AED) โครงการใหม่นี้จะช่วยให้ยูเออีมีบทบาทมากขึ้นในภาคการค้าส่งของโลก ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 4.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะขยายตัวแตะ 4.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 5 ปีข้างหน้า
Dubai Wholesale City ซึ่งเป็นศูนย์กลางค้าส่งแห่งใหม่ของโลก จะประกอบด้วยนิคมการค้าแบบครบวงจร สถานที่จัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ รวมถึง "Country Pavilions" อันเป็นศูนย์กลางการค้าและห้างร้านที่จัดจำหน่ายสินค้าจากประเทศต่างๆ ได้แก่ อินเดีย มาเลเซีย ไทย ตุรกี ออสเตรเลีย จีน เกาหลีใต้ เยอรมนี ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอเมริกา และอเมริกาใต้
นอกจากนี้ Dubai Wholesale City ยังมีบริการครบวงจรสำหรับบรรดาผู้ค้าส่ง ประกอบด้วยระบบโครงสร้างพื้นฐานล้ำสมัย ถนน โกดัง สถานที่เก็บสินค้า และบริการสนับสนุนต่างๆ ซึ่งจะช่วยการันตีประสิทธิภาพการดำเนินงานและความสะดวกสบายในการทำธุรกิจ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่จัดแสดงสินค้าระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ ที่จะรวบรวมเหล่าผู้ซื้อและซัพพลายเออร์จากทั่วโลกไว้ในที่เดียว โดยจะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางการค้าโลกและนำเสนอบริการใหม่ๆแก่บรรดาผู้ผลิตและผู้ค้า ซึ่งจะช่วยลดความยุ่งยากและประหยัดเวลาไปพร้อมๆกัน
Dubai Wholesale City จะมีสินค้าจากหลากหลายภาคส่วน ได้แก่ อาหาร วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง เครื่องจักร เครื่องมือ ไม้ ยานพาหนะและอะไหล่ สิ่งทอและเสื้อผ้า
นอกจากนี้ Dubai Wholesale City ยังตั้งเป้าเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับการค้าส่งขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เพื่อยกระดับขีดความสามารถของยูเออีในแวดวงอีคอมเมิร์ซโลก ที่คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1.672 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สู่ 2.941 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีที่ 21%
ตลาดอีคอมเมิร์ซของยูเออีมีแนวโน้มว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น โดยคาดว่าจะขยายตัวมากกว่าตลาดอีคอมเมิร์ซโลกถึงสองเท่า ขณะที่การคาดการณ์ต่างๆระบุว่า ขนาดของตลาดอีคอมเมิร์ซยูเออีจะพุ่งขึ้นสี่เท่าจากขนาดปัจจุบันในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ โดยจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 สู่ระดับ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 และมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีที่ 59%
Dubai Wholesale City ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดหลักๆ ที่เชื่อมโยงประชากร 3 ใน 4 ของโลกด้วยเวลาโดยสารเครื่องบินเพียง 7 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้ที่นี่เป็นจุดนัดพบที่สมบูรณ์แบบระหว่างโลกตะวันออกและตะวันตก อีกทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ที่นี่แตกต่างจากศูนย์กลางการค้าส่งแห่งอื่นๆทั่วโลก นอกจากนี้ Dubai Wholesale City จะได้รับอานิสงค์จากระบบโลจิสติกส์ขั้นสูงของดูไบ รวมถึงตำแหน่งที่ตั้งอันโดดเด่นใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติอัล มัคตูม และท่าเรือจีเบล อาลี ซึ่งเป็นทางเข้าออกสำคัญสำหรับการขนส่งสินค้าจากทั่วโลก
ติดต่อ
Ali Yaseen
APCO Worldwide
โทร. +971-55-358-7422
อีเมล: ayaseen@apcoworldwide.com
แหล่งข่าว: Dubai Wholesale City