ชาร์จาห์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์--26 พ.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
- โรงงานแห่งแรกของบริษัท Emirates Waste to Energy Company จะบำบัดขยะมูลฝอยชุมชนจำนวน 300,000 ตัน
Bee'ah บริษัทจัดการสิ่งแวดล้อมชั้นนำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จับมือกับ Masdar บริษัทพลังงานหมุนเวียนของอาบูดาบี จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ Emirates Waste to Energy Company (EWEC) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาโรงงานแปลงของเสียเป็นพลังงานทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง
(รูปภาพ: http://mma.prnewswire.com/media/516341/Bee_ah_and_Masdar_Joint_venture.jpg )
(รูปภาพ: http://mma.prnewswire.com/media/516340/Landmark_waste_to_energy_plant.jpg )
จากวิสัยทัศน์ของท่านชีค ดร. สุลต่าน บิน มูฮัมหมัด อัล คาซิมี สมาชิกสภาสูงสุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และประมุขรัฐชาร์จาห์ เกี่ยวกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการรักษาสภาพแวดล้อมที่ปราศจากมลพิษ โรงงานแปลงของเสียเป็นพลังงานจึงถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาค โดยในช่วงแรกจะเปลี่ยนขยะมูลฝอยชุมชนราว 300,000 ตันในแต่ละปีให้เป็นพลังงานไฟฟ้าราว 30 เมกะวัตต์
เมื่อครั้งก่อตั้งกิจการในปี 2550 Bee'ah ตั้งเป้าว่าจะทำให้เมืองชาร์จาห์มีปริมาณของเสียเป็นศูนย์ ปัจจุบันสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หลีกเลี่ยงการฝังกลบขยะมูลฝอยได้ถึง 70% และเมื่อโรงงานดังกล่าวสร้างเสร็จ เมืองชาร์จาห์จะกลายเป็นเมืองแรกในตะวันออกกลางที่หลีกเลี่ยงการฝังกลบขยะมูลฝอยได้ 100% ในอนาคตอันใกล้
Bee'ah และ Masdar กล่าวว่า การสร้างโรงงานแห่งแรกของ EWEC จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับทั้งสองบริษัท เพื่อปูทางไปสู่การสร้างโรงงานแห่งอื่นๆในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และในภูมิภาคต่อไป ทั้งยังเป็นการนำเสนอโซลูชั่นเชิงพาณิชย์เพื่อตอบสนองความท้าทายในการกำจัดขยะมูลฝอย และความต้องการใช้พลังงานสะอาดที่เพิ่มมากขึ้น
ซาลิม อัล โอเวส ประธาน Bee'ah กล่าวว่า "การประกาศตั้งโรงงานสุดล้ำสมัยแห่งนี้ถือเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ ไม่ใช่แค่สำหรับ Bee'ah และ Masdar เท่านั้น แต่รวมไปถึงทุกคนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย Bee'ah และ Masdar กำหนดเป้าหมายอย่างจริงจังที่จะทำให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศที่มีแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ เราจะเป็นตัวอย่างให้โลกได้เห็นว่า ประเทศที่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างมากมาตลอดก็สามารถเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดได้ โดยอาศัยวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่น และความอุตสาหะ"
โมฮัมเหม็ด จามีล อัล รามาฮี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Masdar ก็เห็นพ้องกับความคิดของ ซาลิม อัล โอเวส โดยกล่าวว่า "Masdar เชื่อมั่นว่าความร่วมมือเชิงอุตสาหกรรมเป็นแนวทางที่ได้ผลที่สุดในการยกระดับการใช้งานเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนเป้าหมายของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่นยืน เราประกาศสร้างความร่วมมือกับ Bee'ah เป็นครั้งแรกในงาน Abu Dhabi Sustainability Week 2016 และผมก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นเจตนารมณ์อันแน่วแน่แปรเปลี่ยนเป็นบริษัทร่วมทุน Emirates Waste to Energy Company ในวันนี้"
เมื่อเปิดดำเนินงาน โรงงานแห่งแรกของ Emirates Waste to Energy Company ในเมืองชาร์จาห์ จะสามารถแปลงขยะมูลฝอยได้มากถึง 300,000 ตันต่อปี แทนที่จะถูกฝังกลบในบ่อขยะ นับเป็นการปลดล็อคศักยภาพแหล่งพลังงานที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน ขณะเดียวกัน โรงงานแห่งนี้สามารถนำขยะบางส่วนมารีไซเคิล และยังสามารถเผาทำลายขยะมูลฝอยได้ถึง 37.5 ตันต่อชั่วโมง เพื่อแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า 30 เมกะวัตต์
โรงงานแปลงของเสียเป็นพลังงานแห่งนี้ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอันเข้มงวด และสอดคล้องกับ Best Available Techniques ของสหภาพยุโรป ซึ่งได้รับการยอมรับในฐานะมาตรฐานสากล การก่อสร้างโรงงานและการบรรลุข้อตกลงครั้งนี้จะยกสถานะของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านความยั่งยืนและเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งนำหลักปฏิบัติอันเหมาะสมที่สุดมาประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชนในประเทศและทั่วโลก
ที่มา: Bee'ah