นิวยอร์ค--20 มี.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท
องค์การ Gallup Organization ระบุว่าลูกจ้างที่ "actively disengaged" หรือลูกจ้างที่ไม่มีความผูกพันขั้นพื้นฐานกับงานทำให้เศรษฐกิจสหรัฐต้องสูญเสียเงินราว 2.92 แสนล้าน-3.55 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี โดยรายงานดังกล่าวอยู่ในวารสาร Gallup Management Journal (GMJ) ฉบับปฐมฤกษ์ ซึ่งเป็นวารสารรายไตรมาสฉบับใหม่ของทางองค์การ
การประเมินดังกล่าวได้มาจากผลการสำรวจ Q12 ซึ่งเป็นการสำรวจความผูกพันของลูกจ้างครั้งล่าสุดของ Gallup ที่จัดทำกับแรงงานสหรัฐ โดยผลสำรวจพบว่าลูกจ้าง 24.7 ล้านคน หรือ 19 % อยู่ในกลุ่ม actively disengaged
ผลการสำรวจลูกค้าผู้มารับคำปรึกษาด้านการบริหารจาก Gallup พบว่าลูกจ้างที่ actively disengaged มีแนวโน้มผลิตงานได้น้อยกว่า, มีความซื่อสัตย์ต่อบริษัทน้อยกว่า, มีความพึงพอใจต่อชีวิตส่วนตัวน้อยกว่า, มีความเครียดมากกว่า และมีความรู้สึกมั่นคงในหน้าที่การงานต่ำกว่าเพื่อนร่วมงาน โดยผลสำรวจ Q12 ระดับชาติพบว่า ลูกจ้างที่ actively disengaged ขาดงานเฉลี่ยสูงกว่าลูกจ้างรายอื่นๆ 3.5 วันต่อปี หรือเท่ากับ 86.5 ล้านวันหากนับรวมทั้งหมด
Gallup พัฒนาสูตรในการวัดระดับความผูกพันของลูกจ้างจากข้อมูลในฐานข้อมูลขององค์การ ซึ่งรวมถึงผลสำรวจและข้อมูลด้านผลการดำเนินงานที่ได้จากการให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าทั่วโลก โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้ทำการสำรวจลูกจ้างกว่า 1.5 ล้านคนในหน่วยงานกว่า 87,000 หน่วยงาน
ในอนาคต Gallup จะทำการสำรวจ Q12 ระดับชาติทุกไตรมาสโดยสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชากรผู้ใหญ่ที่ทำงานในสหรัฐและจะตีพิมพ์ผลการสำรวจใน GMJ โดยวารสาร GMJ ฉบับปฐมฤกษ์และฉบับต่อๆไปจะลงบทความเกี่ยวกับวิธีที่การสำรวจ Q12 นี้สามารถนำมาใช้กับบริษัทจริงได้ ทั้งนี้ ได้มีการจัดส่งวารสารฉบับปฐมฤกษ์ราว 100,000 ฉบับไปให้กับผู้บริหารธุรกิจระดับโลก, ผู้นำรัฐบาลทั้งในสหรัฐและต่างประเทศ, นักวิเคราะห์และนักลงทุนที่สามารถสร้างความเคลื่อนไหวในตลาด และสถานศึกษาธุรกิจชั้นนำ
การสำรวจ Q12 นี้ตั้งชื่อตามคำถามหลัก 12 คำถามที่ Gallup ใช้ถามลูกจ้างในหน่วยทำงานของลูกค้า โดย Gallup ทำให้ลูกค้าสามารถเห็นและเข้าใจความเชื่อมโยงกันระหว่างระดับความผูกพันของลูกจ้างกับอัตราการผลิต, อัตราการเติบโต และอัตราการทำกำไร
GMJ มีการจัดส่งอีเมล์คอลัมน์ด้านการบริหารไปให้ผู้สนใจในทุกสัปดาห์ด้วย โดยการเผยแพร่ GMJ นี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงาน Time Inc. Custom Publishing ของบริษัท AOL Time Warner ค่าบอกรับเป็นสมาชิกรายปีอยู่ที่ระดับ 95 ดอลลาร์ ซึ่งสมาชิกจะได้รับอีเมล์คอลัมน์ด้านการบริหารทุกสัปดาห์ และสามารถเข้าอ่านเนื้อหาทั้งหมดในเว็บไซท์ใหม่ที่ www.gallupjournal.com ซึ่งได้เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 19 มี.ค.
GMJ จะตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับการวิจัยด้านการบริหารซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยรองรับธุรกิจการให้คำปรึกษาของ Gallup โดยธุรกิจดังกล่าวนี้มีสัดส่วนสูงกว่า 99 % ของรายได้ทั้งหมดของ Gallup ซึ่งมีอายุยืนนานถึง 66 ปี (ธุรกิจอีกอย่างหนึ่งของ Gallup ที่เป็นที่รู้จักกันดีคือธุรกิจจัดทำโพลล์ด้านการเมือง ซึ่งทำรายได้ให้บริษัทราว 1 %) ทั้งนี้ GMJ ยังนำเสนอมุมมองจากด้านนอกและเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาของผู้บริหารยุคปัจจุบันโดยใช้สไตล์การเขียนที่สดใสมีชีวิตชีวาและมีฟอร์แมทที่ทันสมัยโดดเด่นสะดุดตา
Jessica Korn หัวหน้าบรรณาธิการผู้ก่อตั้ง GMJ กล่าวว่านับตั้งแต่ผลการวิจัยศึกษาการบริหารของ Gallup แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างนิสัยของลูกจ้างและลูกค้ากับผลประกอบการทางธุรกิจ วารสารฉบับใหม่นี้ "จะเป็นเหมือนเวทีอภิปรายสำหรับสาธารณชนเวทีแรกเพื่อนำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเชิงวิเคราะห์และเชิงปฏิบัติการมาใช้ในประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจในปัจจุบันในเรื่องวิธีการใช้ปัจจัยมนุษย์ในการกระตุ้นผลประกอบการขององค์การ"
Korn กล่าวเสริมว่าการที่ GMJ เปิดให้มีการอภิปรายในประเด็นดังกล่าวจะ "ช่วยให้ผู้อ่านมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้นต่อปัญหาทางเศรษฐกิจที่สำคัญในยุคปัจจุบัน นั่นคือการทำความเข้าใจต่อบทบาทของมนุษย์ในพลวัตรแห่งการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย"
Lawrence M. Emond ซึ่งเป็นผู้ตีพิมพ์วารสารกล่าวว่า "เรายินดีมากต่อเสียงตอบรับต่อผลงานหนังสือรุ่นแรกของเรา ซึ่งได้แก่ "First, Break all the Rules" และ "Now, Discover Your Strengths" ซึ่งเป็นหนังสือด้านการบริหารที่ติดอันดับเบสท์เซลเลอร์ ลูกค้าของเราและผู้อ่านได้บอกกับเราว่าพวกเขาต้องการข้อมูลมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการวิจัยของ Gallup และต้องการข้อมูลที่รวดเร็วฉับพลันมากยิ่งขึ้นด้วย ทางออกที่เหมาะสมสำหรับเรื่องนี้คือการออกวารสาร GMJ ซึ่งจะเล่าเรื่องจริงเกี่ยวกับบริษัทที่มีอยู่จริงและผู้คนจริงๆ"
นอกจากบทความเรื่องวิธีการที่บริษัทต่างๆสามารถนำ Q12 ไปใช้ในการเพิ่มผลประกอบการทางธุรกิจแล้ว GMJ ฉบับปฐมฤกษ์ประจำไตรมาสแรกปี 2001 ยังมีเนื้อหาอื่นๆอีก ซึ่งรวมถึงบทความที่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางสถิติที่พิสูจน์ว่าพนักงานที่ติดต่อกับลูกค้าคือกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการสร้างความซื่อสัตย์ของลูกค้า, การสำรวจอย่างใกล้ชิดถึงวิธีการที่ Baxter Healthcare Corporation นำเทคนิค customer-visualization มาใช้ในการทำความเข้าใจและให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และทัศนคติของผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจศึกษาของสถาบัน Brookings Institution ที่มีต่อปัญหาด้านข้อมูล (data paradox) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างความสมดุลระหว่างความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวกับกระแสความต้องการข้อมูลส่วนบุคคลในเศรษฐกิจใหม่
การคำนวณความสูญเสียที่เกิดจากลูกจ้างกลุ่ม actively disengaged
Gallup ประเมินว่าลูกจ้างที่ไม่มีความผูกพันขั้นพื้นฐานกับงานทำให้เศรษฐกิจสหรัฐต้องสูญเสียเงินราว 2.92 แสนล้าน-3.55 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี โดยตัวเลข 2.92 แสนล้านดอลลาร์นี้ได้มาจากการคำนวณ 3 ขั้นตอน โดยขั้นแรกทาง Gallup ได้นำสูตรเฉพาะของ Gallup มาใช้กับผลสำรวจ Q12 เพื่อคำนวณหาจำนวนลูกจ้างที่ actively disengaged ในอเมริกา ขั้นต่อไปทาง Gallup ได้นำหลักเกณฑ์ด้านสถิติที่แพร่หลาย (standard utility analysis methods) มาใช้กับตัวเลขค่าจ้างเฉลี่ยในสหรัฐที่ระดับ 30,000 ดอลลาร์ต่อปี ซึ่งจะได้ผลลัพธ์เป็นตัวเลข 2,246 ดอลลาร์ และนำตัวเลขดังกล่าวมาคูณกับจำนวนลูกจ้างสหรัฐที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 130 ล้านคน ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นตัวเลข 2.92 แสนล้านดอลลาร์
ส่วนตัวเลขประเมิน 3.55 แสนล้านดอลลาร์นั้นได้มาจากการคำนวณโดยใช้ตัวเลขเศรษฐกิจอีกตัวเลขหนึ่ง นั่นคือการใช้ตัวเลขมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) มูลค่า 10 ล้านล้านดอลลาร์ของอเมริกาในปี 2000 โดยนำตัวเลขจีดีพีดังกล่าวมาหารด้วยจำนวนลูกจ้างชาวสหรัฐทั้งหมด และจะได้ผลลัพธ์เป็นมูลค่าสินค้าหรือบริการ 73,870 ดอลลาร์ต่อลูกจ้าง 1 คนในปีที่แล้ว ทั้งนี้ นักสถิติของ Gallup ได้นำ standard utility analysis methods มาใช้ และพบว่าการเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อหนึ่งหน่วยลูกจ้างขึ้น 3.7 % จะสามารถลบ active disengagement ออกไปจากแรงงานทั้งหมดของประเทศ และเมื่อนำตัวเลข 3.7 % นี้มาคำนวณกับมูลค่าเฉลี่ย 73,870 ดอลลาร์ต่อลูกจ้าง ก็จะได้ผลลัพธ์เท่ากับ 2,733 ดอลลาร์ต่อลูกจ้าง หรือเท่ากับ 3.55 แสนล้านดอลลาร์หากรวมลูกจ้างทุกคนเข้าด้วยกัน
Gallup Organization ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองพรินซ์ตัน รัฐนิวเจอร์ซี ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1935 และเติบโตขึ้นจนเป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความชำนาญหลักของ Gallup คือการวิเคราะห์และทำความเข้าใจในทัศคติและพฤติกรรมของมนุษย์ Gallup นำความเชี่ยวชาญดังกล่าวมาใช้ในการช่วยให้บริษัทต่างๆสามารถปรับปรุงผลการดำเนินงานทางธุรกิจได้ด้วยการเพิ่มประสิทธิผลของลูกจ้างและลูกค้าที่มีอยู่ Gallup เป็นผู้จัดทำ Gallup Poll ซี่งเป็นแหล่งข้อมูลชั้นนำของโลกในด้านความเห็นของประชาชน
สำหรับบรรณาธิการ:
คำถาม 12 คำถามในการสำรวจ Q12 มีระบุไว้ข้างล่างนี้
Gallup, Q12 Advantage, StrengthsFinder, StrengthsPreview, StrengthsMarketplace, QSA, Dr. Gallup's Portrait, The Gallup Poll และ The Gallup Poll Monthly เป็นเครื่องหมายการค้าของ The Gallup Organization
การสำรวจ Q12
1.ฉันทราบหรือไม่ว่าที่ทำงานคาดหวังอะไรจากฉัน
2.ฉันมีวัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงานหรือไม่
3.ที่ทำงานเปิดโอกาสให้ฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันทำได้ดีที่สุดทุกวันหรือไม่
4.ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ฉันได้รับคำชมสำหรับการทำงานดีหรือไม่
5.เจ้านายของฉันหรือใครบางคนในที่ทำงานมีท่าทีใส่ใจต่อฉันในฐานะคนคนหนึ่งหรือไม่
6.มีใครบางคนในที่ทำงานสนับสนุนการพัฒนาของฉันหรือไม่
7.ที่ทำงานเห็นความสำคัญของความเห็นของฉันหรือไม่
8.ภารกิจและจุดประสงค์ของบริษัททำให้ฉันรู้สึกว่างานของฉันมีความสำคัญหรือไม่
9.เพื่อนร่วมงานของฉันมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างมีคุณภาพหรือไม่
10.ฉันมีเพื่อนสนิทในที่ทำงานหรือไม่
11.ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีใครบางคนในที่ทำงานพูดกับฉันเรื่องความก้าวหน้าของฉันหรือไม่
12.ในช่วงปีที่ผ่านมา ฉันมีโอกาสได้เรียนรู้และเติบโตในการทำงานหรือไม่
แหล่งข่าว: Gallup Management Journal
ติดต่อ: Geoffrey Brewer จาก Gallup Management Journal, 212-899-4714 หรือ geoff_brewer@gallup.com หรือ Susan Hullin, susan@hmcllc.com หรือ Tim Metz, tim@hmcllc.com จาก Hullin Metz & Co. LLC, 212-752-1044 สำหรับ Gallup Management Journal
เว็บไซท์: http://www.gallupjournal.com-- จบ--
--แปลและเรียบเรียงโดย-จพ/กช--