ลอนดอน--22 ก.พ.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
- ผลการศึกษาจาก Calastone พบว่า การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนอาจช่วยให้ตลาดกองทุนรวมทั่วโลกลดต้นทุนได้มากกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.9 พันล้านปอนด์*)
- ผลการศึกษาดังกล่าวได้รับการเปิดเผยหลังจากที่รายงานของ Forrester ระบุว่า Calastone ได้ช่วยลดต้นทุนให้กับเหล่ากองทุนรวมแล้วกว่า 641 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (458 ล้านปอนด์) ด้วยการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในตลาดกองทุนรายใหญ่ๆของโลก
- ข้อมูลจาก Calastone แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชนในการสร้างมูลค่าให้แก่อุตสาหกรรมและนักลงทุน
ผลการศึกษาจาก Calastone เครือข่ายซื้อขายกองทุนระดับโลก ระบุว่า ตลาดกองทุนรวมทั่วโลกอาจลดต้นทุนได้มากกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.9 พันล้านปอนด์*) อันเป็นผลจากการหันไปใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายศูนย์ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน
ตัวเลขต้นทุนที่คาดว่าจะลดลงนี้ คือผลลัพธ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นเมื่อกองทุนต่างๆ หันมายกระดับระบบอัตโนมัติและการเชื่อมโยงระหว่างกัน ผลการศึกษาของ Calastone ช่วยยืนยันอีกหนึ่งผลการศึกษาของ Forrester บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก ซึ่งวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางการเงินที่เครือข่ายธุรกรรมของ Calastone มีต่อตลาดกองทุนทั่วโลก โดยผลการศึกษาของ Forrester พบว่า ระบบธุรกรรมอัตโนมัติที่ Calastone ให้บริการนั้น ช่วยลดต้นทุนได้ถึง 641 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (458 ล้านปอนด์) ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา
ผลการศึกษาของ Forrester ชี้ให้เห็นศักยภาพการลดต้นทุนในตลาดทั่วโลก
Forrester ได้จัดทำ ผลสำรวจตลาดทั่วโลก ครอบคลุมองค์กรผู้ให้บริการกองทุนรวม 234 ราย เพื่อประเมินคุณค่าและผลลัพธ์ทางการเงินที่เครือข่ายธุรกรรมของ Calastone มีต่อตลาดกองทุนทั่วโลก อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนระบบซื้อขายกองทุนแบบแมนนวลไปเป็นโครงสร้างเครือข่ายอัตโนมัติ โดยผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ในส่วนของการจัดการความขัดแย้งและความไร้ประสิทธิภาพในการดำเนินงานตลอดกระบวนการทำธุรกรรมของทุกฝ่ายนั้น Calastone ได้มอบประโยชน์มหาศาลให้แก่ตลาดกองทุน โดยช่วยลดต้นทุนได้กว่า 641 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (458 ล้านปอนด์) ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ การศึกษาดังกล่าวครอบคลุมตลาดหลักๆของ Calastone ได้แก่ สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และออสเตรเลีย
ผลการศึกษาดังกล่าวยังแสดงถึงข้อได้เปรียบสำคัญ 5 ประการของบริษัทกองทุนที่เชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายธุรกรรมอัตโนมัติของ Calastone ได้แก่ เวลาประมวลผลเร็วขึ้น, ข้อผิดพลาดจากการใช้แรงคนลดลง (เช่นเดียวกับเวลาที่ใช้ในการแก้ไขปัญหา), มีศักยภาพในการประมวลคำสั่งซื้อขายปริมาณมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการเพิ่มความยืดหยุ่นในช่วงเวลาเทรด, ตอบสนองได้เร็วขึ้น และมีความโปร่งใสมากขึ้นด้วยช่องทางตรวจสอบที่ดีกว่าเดิม
Calastone มองอนาคตยังลดต้นทุนได้มากขึ้นอีก ด้วยศักยภาพอันมหาศาลของเทคโนโลยีบล็อกเชน
ผลการศึกษาของ Forrester เน้นไปที่ประโยชน์ของเครือข่ายธุรกรรมอัตโนมัติของ Calastone ที่มีต่อการซื้อขายกองทุนรวม ขณะที่ผลการศึกษาของ Calastone เน้นประเมินผลลัพธ์ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น ด้วยการแสดงตัวเลขต้นทุนที่คาดว่าจะลดลงอันเป็นผลมาจากการใช้โครงสร้างพื้นฐานตลาดแบบกระจายศูนย์ (DMI) เทคโนโลยีบล็อกเชน โดยคาดว่าจะช่วยตลาดกองทุนรวมทั่วโลกลดต้นทุนได้กว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.9 พันล้านปอนด์*)
ตัวเลขที่เผยแพร่โดย Calastone แสดงให้เห็นถึงคุณค่าทางการเงินที่จับต้องได้ อันเกิดจากโครงสร้างพื้นฐานตลาดแบบกระจายศูนย์ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งช่วยขจัดความไร้ประสิทธิภาพมากมายที่มีในระบบปัจจุบัน อันเป็นตัวการที่ทำให้ต้นทุน ความเสี่ยง รวมถึงความกดดันเชิงปฏิบัติการและเชิงกฎหมายเพิ่มขึ้น เมื่อเครือข่ายอัตโนมัติของ Calastone เข้าที่เข้าทางเป็นที่เรียบร้อย โครงสร้างพื้นฐานตลาดแบบกระจายศูนย์ก็จะสามารถตอบสนองความต้องการของกองทุนและนักลงทุนทั้งในปัจจุบันและอนาคต
เมื่อเดือนมิถุนายน Calastone ประสบความสำเร็จในการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานตลาดแบบกระจายศูนย์ในขั้นแรก จากนั้นในเดือนธันวาคม บริษัทได้ประกาศว่า เทคโนโลยีเครือข่ายหลักของบริษัทจะเปลี่ยนเป็นเทคโนโลยีบล็อกเชนในปี 2562
จูเลียน แฮมเมอร์สัน ซีอีโอของ Calastone กล่าวว่า
"ภารกิจของเราคือการชี้ให้เห็นต้นทุนของการซื้อขายกองทุนรวม และผลการศึกษาของ Forrester ก็แสดงให้เห็นถึงคุณค่ามหาศาลที่ Calastone ได้ส่งมอบสู่ตลาดมากกว่า 458 ล้านปอนด์ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมในระดับโลก แม้จะอยู่ในขั้นแรกก็ตาม
สิ่งที่เราทำมาจนถึงทุกวันนี้ได้ช่วยลดต้นทุนในอุตสาหกรรมอย่างมหาศาล และผลการวิเคราะห์ของเราชี้ให้เห็นว่ายังสามารถลดต้นทุนได้มากกว่านี้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งจะทำให้วงจรการซื้อขายกองทุนรวมเป็นอัตโนมัติทั้งหมด ตั้งแต่การสั่งซื้อไปจนถึงการทำสัญญาและการชำระเงิน ผ่านโครงสร้างพื้นฐานตลาดแบบกระจายศูนย์ของเรา ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้มากกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี"
เกี่ยวกับ Calastone
Calastone คือเครือข่ายซื้อขายกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเชื่อมองค์กรการเงินชั้นนำของโลกหลายแห่งไว้ด้วยกัน ภารกิจของเราคือการทำให้ทุกคนเข้าถึงกองทุนด้วยต้นทุนซื้อขายที่ลดลง เราอาศัยเทคโนโลยีอัจฉริยะและความร่วมมือในอุตสหากรรมเพื่อลดความเสี่ยงจากการดำเนินงานและเพิ่มกำไรของลูกค้าผ่านระบบดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ
ลูกค้ากว่า 1,400 รายใน 35 ประเทศและดินแดน ต่างได้ประโยชน์จากบริการของ Calastone ที่ประมวลข้อความกว่า 7 ล้านข้อความ และการทำธุรกรรมมูลค่ากว่า 8.5 หมื่นล้านปอนด์ในแต่ละเดือน
Calastone มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอนดอน และมีสำนักงานสาขาอยู่ในลักเซมเบิร์ก ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และซิดนีย์
*ระเบียบวิธีวิจัยของ Calastone
Calastone คำนวณตัวเลขต้นทุนที่คาดว่าจะลดลงอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนไปใช้โครงสร้างพื้นฐานตลาดแบบกระจายศูนย์ โดยใช้ข้อมูลจากการศึกษาของ Deloitte เมื่อปี 2559 ในหัวข้อ "Europe's fund expenses at a crossroads; The benefits of mutualizing the cost of distribution" โดยผลการคำนวณของ Calastone ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการลดต้นทุน (หน่วยเป็น basis point หรือ bps) ในตลาดกองทุนรวมใหญ่ๆทั่วโลก การคำนวณ bps ของ Calastone ถูกนำมาใช้บริหารสินทรัพย์กองทุนรวมในระดับตลาดรายบุคคลทั้งในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน และออสเตรเลีย
อัตราแลกเปลี่ยนเงินปอนด์ต่อดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 1 ปอนด์ ต่อ 1.40 ดอลลาร์สหรัฐ ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2560
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
FTI Consulting LLP
Ollie Bailey-Pratt / Darius Alexander
อีเมล: calastone@fticonsulting.com
โทร. +44-020-3727-1000
ที่มา: Calastone