ลอสแองเจลิส--10 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
ยารักษาโรคเอชไอวีแบบรับประทานเพียงวันละเม็ดจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยอย่างยิ่งยวด อย่างไรก็ตามบริษัท จีลีด ไซแอนส์ และ เมอร์ค แอนด์ โค ไม่สามารถดำเนินการจดทะเบียนยาในหลายประเทศที่มีความต้องการยาดังกล่าวสูงสุดได้
ในวันนี้ มูลนิธิดูแลสุขภาพผู้ป่วยเอดส์ (AHF) ได้เรียกร้องให้บริษัท จีลีด ไซแอนเซส (Gilead Sciences) และ เมอร์ค (Merck) เร่งจดทะเบียนและจำหน่ายยาอาตริพลา (Atripla) ซึ่งเป็นยารักษาโรคเอชไอวีแบบ 3 in 1 และรับประทานเพียงวันละเม็ด ในประเทศกำลังพัฒนา หลังจากที่ยาอาตริพลาได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2549 ผู้ที่สนับสนุนการรักษาโรคเอชไอวีอย่างมูลนิธิ AHF ก็ออกมากล่าวยกย่องการผลิตยาดังกล่าวในฐานะที่เป็นก้าวสำคัญของการรักษาโรคเอชไอวี แต่ภายหลังการอนุมัติกลับไม่ค่อยมีความคืบหน้าในการกระจายยาดังกล่าวในประเทศกำลังพัฒนา โดยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2549 มีผู้ที่สามารถเข้าถึงยาดังกล่าวเพียง 28% เท่านั้น ความพยายามของมูลนิธิ AHF ที่ตั้งคำถามว่าประเทศใดบ้างที่สามารถซื้อยาอาตริพลาได้ในราคา 613 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อปี ก็ไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด
“การรักษาด้วยยาดังกล่าวเป็นการรักษาขั้นพื้นฐานในอเมริกาและมีชื่ออยู่ในรายชื่อยาสามัญขององค์การอนามัยโลก นอกจากนั้นยังเป็นยาต้านไวรัสเอชไอวีที่มีประโยชน์มหาศาลต่อผู้ป่วยทั่วโลกและยังช่วยลดค่ารักษาในระยะยาวด้วย” ไมเคิล ไวน์สไตน์ ประธานมูลนิธิ AHF กล่าว “การที่จีลีดและเมอร์คไม่สามารถหรือไม่เต็มใจที่จะทำให้ผู้ป่วยในประเทศยากจนเข้าถึงยาดังกล่าวเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลใจ นอกจากนั้นยังสร้างความเจ็บปวดโดยไม่จำเป็นด้วย จีลีดและเมอร์คควรดำเนินการให้ผู้คนในส่วนอื่นๆของโลกเข้าถึงยาดังกล่าวได้ หรือไม่ก็ออกใบอนุญาตให้กับบริษัทผู้ผลิตยาทั่วไป อย่างบริษัท Cipla ซึ่งดำเนินการผลิตยาดังกล่าวในอินเดียแล้ว ส่วนในกรณีที่มีการจดทะเบียนยาแล้วอย่างในสหภาพยุโรป รัฐบาลของประเทศเหล่านั้นต้องตระหนักถึงบทบาทของตนเองและต้องอนุมัติให้มีการจำหน่ายยาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน”
ยารักษาโรคเอชไอวีแบบทานเพียงวันละเม็ดจะช่วยลดปริมาณยาที่ผู้ป่วยต้องทานลงอย่างมาก จากเดิมที่ต้องทานยาอย่างน้อย 2 เม็ด 2 ครั้งต่อวัน และส่วนมากต้องทานร่วมกับอาหารในระหว่างวัน แต่ด้วยยาอาตริพลา ผู้ป่วยเพียงทานยาวันละเม็ดก่อนนอน โดยไม่ต้องกังวลว่าก่อนหรือหลังอาหาร
“อย่างที่เราเคยเห็นในคลินิกหลายแห่ง ภาระและผลข้างเคียงของยาอาจทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำตัวให้คุ้นเคยกับการทานยาได้ ซึ่งเหตุผลดังกล่าวเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง” ดร.โฮมายูน คานลู ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ของมูลนิธิ AHF กล่าว “การทานยาเพียงวันละเม็ดมีประสิทธิภาพในการรักษาสูงกว่าการทานยาวันละหลายเม็ดและก่อให้เกิดผลข้างเคียงน้อยกว่า นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ป่วยทานยาได้อย่างเคร่งครัดตามที่แพทย์สั่ง ส่งผลให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยให้ผู้ป่วยลดการต่อต้านการใช้ยาและลดค่าใช้จ่ายในการใช้ยาขนานที่สอง (second-line drugs) ที่มีราคาแพงด้วย”
มูลนิธิดูแลสุขภาพผู้ป่วยเอดส์ (AHF) เป็นองค์กรไม่หวังผลประโยชน์ด้านการวิจัย ป้องกัน ให้การศึกษา และรักษาโรคเอชไอวี/เอดส์ ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันทางมูลนิธิให้การรักษา และ/หรือ ให้บริการกับผู้ป่วยกว่า 61,000 ราย ใน 15 ประเทศทั่วโลก ทั้งในอเมริกา แอฟริกา ลาตินอเมริกา แคริบเบียน และเอเชีย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.aidshealth.org
แหล่งข่าว: มูลนิธิดูแลสุขภาพผู้ป่วยเอดส์
ติดต่อ: เก็ด เคนส์เลีย, ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารมวลชนของมูลนิธิ AHF
โทร: +1-323-860-5225
มือถือ: +1-323-791-5526
อีเมล์: gedk@aidshealth.org
เว็บไซต์: http://www.aidshealth.org
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )--