ข้อมูลจากการศึกษายืนยันว่ายา ALIMTA (R) (ยา premetrexed สำหรับฉีด) มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก

ข่าวต่างประเทศ Tuesday September 4, 2007 09:03 —Asianet Press Release

โซล--4 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์
การศึกษา 2 ชิ้นในเอเชียระบุว่า ยา ALIMTA (R) (ยาสำหรับทำเคมีบำบัดด้วยการให้ผ่านทางเส้นเลือดหรือ Pemetrexed) มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่มีความหลากหลาย โดยข้อมูลจากการศึกษาดังกล่าวซึ่งได้รับการเปิดเผยในวันนี้ที่การประชุมโรคมะเร็งปอดโลกครั้งที่ 12 (WCLC) เน้นย้ำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของยา ALIMTA ของบริษัท อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี (Eli Lilly and Company) ในการรักษาโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (NSCLC) ซึ่งเป็นมะเร็งประเภทที่พบมากที่สุดในโลก (1) โดยปัจจุบันมีการนำยา ALIMTA ไปรักษามะเร็งที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กในระยะที่สองในกว่า 85 ประเทศ
จากการทดสอบแบบสุ่มระยะที่ 2 (WCLC Abstract # P2-274) ของสถาบันวิจัยร่วมหลายแห่งในญี่ปุ่นแสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาการแพร่กระจายของมะเร็งปอดแบบ NSCLC ด้วยยา ALIMTA มีโอกาสรอดชีวิตจากการเจ็บป่วยระยะกลางได้มากกว่า 12 เดือน
"ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ายา ALIMTA ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยยืดชีวิตผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กได้ด้วย" ดร.คาโอรุ คุโบตะ จากโรงพยาบาลศูนย์มะเร็งแห่งชาติในเมืองคาชิวะ ประเทศญี่ปุ่น และผู้ตรวจสอบการศึกษาในครั้งนี้ กล่าว "การศึกษาของประเทศตะวันตกก็ให้ผลเช่นเดียวกัน และนับเป็นเรื่องที่ดีที่ได้ติดตามศึกษาผลของยาในคนไข้ในญี่ปุ่นและได้เห็นข้อพิสูจน์ด้วยตาของตนเอง"
ผลการศึกษาดังกล่าวได้จากการประเมินผู้ป่วย 216 ราย ด้วยการเปรียบเทียบการใช้ยา ALIMTA 500 มิลลิกรัมต่อตารางเมตร กับการใช้ยา ALIMTA 1000 มิลลิกรัมต่อตารางเมตร ผู้ป่วยที่ได้รับยา ALIMTA 500 มิลลิกรัมต่อตารางเมตรมีระยะเวลาในการรอดชีวิตจากการเจ็บป่วยระยะกลางได้กว่า 16 เดือน เทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับ ALIMTA 1000 มิลลิกรัมต่อตารางเมตร ที่มีโอกาสรอดชีวิต 12.6 เดือน โดยมีผู้ป่วยที่รอดชีวิตนานหนึ่งปีอยู่ที่ 59.2% และ 53.7% และมีอัตราการตอบสนองที่ 18.5% และ 14.8% ตามลำดับ นอกจากนั้นการศึกษาดังกล่าวยังยืนยันว่าปัจจุบันมีการใช้ยา ALIMTA ในปริมาณที่เหมาะสมแล้วสำหรับการรักษาโรค NSCLC ในระยะที่สอง
นอกจากนั้นการศึกษาแบบสุ่มระยะที่ 2 ในประเทศไต้หวัน (WCLC Abstract # P2-245) ยังแสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยโรค NSCLC ซึ่งได้รับการรักษาในระยะที่สองหรือสามจะมีโอกาสรอดชีวิตจากการเจ็บป่วยระยะกลางที่ 9.1 เดือน โดยผลดังกล่าวได้จากการศึกษาผู้ป่วย 44 ราย ที่ล้มเหลวในการรักษามะเร็งระยะแรกด้วยการทำเคมีบำบัดร่วมหรือไม่ร่วมกับการักษาด้วยโปรตีนไทโรซินไคเนส ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษามีอัตราการตอบสนองโดยรวมที่ 18.2% โดยมีอัตราการตอบสนอง 40% เฉพาะในผู้ป่วยระยะที่สอง และ 11.8% ในผู้ป่วยระยะที่สามหรือมากกว่านั้น นอกจากนั้นยังพบว่าภาวะเป็นพิษจากการรักษายังลดความรุนแรงลงด้วย โดยมีผู้ป่วยเกิดภาวะเป็นพิษในเลือดระดับ 3 และ 4 ซึ่งทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาวลดลง 18.2%, ภาวะเกล็ดเลือดน้อย 6.8% และภาวะโลหิตจาง 4.5% ส่วนภาวะเป็นพิษนอกกระแสเลือดก็มีความรุนแรงต่ำกว่าระดับ 3 ด้วย
การศึกษาเพิ่มเติมอีก 3 การศึกษา (WCLC Abstract # P2-226, WCLC Abstract # P2-237, WCLC Abstract # P2-243) ที่ได้รับการเปิดเผยในการประชุม WCLC ยังยืนยันอีกด้วยว่ายา ALIMTA มีประสิทธิภาพในการรักษาโรค NSCLC ระยะที่สองได้จริง
"เราประทับใจกับประสิทธิภาพและประโยชน์ของยา ALIMTA เป็นอย่างมาก" ดร.ริชาร์ด เกเนอร์ รองประธานฝ่ายวิจัยมะเร็งและเนื้องอกวิทยาของบริษัทลิลลี่ กล่าว "การศึกษานี้เน้นย้ำประสิทธิภาพของยา ALIMTA ในการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กในระยะที่สอง และเนื่องจากบริษัทต้องการวางจำหน่ายา ALIMTAไปทั่วเอเชีย ยา ALIMTA จึงต้องมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพียงพอสำหรับผู้ป่วยที่มีความแตกต่างหลากหลาย"
ยา ALIMTA ได้รับการอนุมัติจากสำนักเวชศาสตร์ยุโรป (EMEA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ในปี 2547 สำหรับนำไปใช้รักษาโรค NSCLC ระยะที่สอง
เกี่ยวกับ โรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (NSCLC)
NSCLC เป็นโรคมะเร็งปอดประเภทที่พบมากที่สุดโดยมีอัตราส่วน 75-80% ของโรคมะเร็งปอดทั้งหมด โรค NSCLC มี 5 ระยะ โดยเริ่มจาก 0 ไปจนถึง 4 ซึ่งมีความรุนแรงมากที่สุด โรค NSCLC สามารถแพร่กระจายเข้าไปในระบบต่อมน้ำเหลือง เยื่อหุ้มปอด ซี่โครง ระบบประสาท และหลอดเลือดที่เชื่อมไปยังแขน นอกจากนั้น ตับ กระดูก และสมอง จะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเมื่อเซลล์มะเร็งผ่านเข้าสู่กระแสเลือด
(1) Parkin DM, Bray F, Ferley J, Pisani P, Global Cancer Statistics, 2002. CA Cancer J Clin 2005;55;74-108
http://intl-caonline.amcancersoc.org/cgi/content/abstract/55/2/74, (April 10, 2007)
ข้อมูลเบื้องต้นในการใช้ยา ALIMTA
การใช้ยา
ควรใช้ยา ALIMTA ร่วมกับยา Cisplatin ในการรักษาผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในช่องอกและต้องรักษาด้วยการทำเคมีบำบัดเนื่องจากไม่สามารถผ่าตัดได้ นอกจากนั้น ALIMTA ยังสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของโรคมะเร็งที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กในผู้ป่วยที่ผ่านการทำเคมีบำบัดมาแล้ว
ปริมาณการใช้ยา
สามารถนำยาเข้าสู่ร่างกายได้ด้วยการให้ผ่านทางเส้นเลือดดำ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามะเร็งที่เป็นพิษต่อเซลล์
สำหรับเนื้องอกในช่องอกที่ไม่สามารถผ่าตัดได้: ควรใช้ยา Pemetrexed ร่วมกับยา Cisplatin เป็นวงจร 3 สัปดาห์ (21 วัน) โดยต้องใช้ยา Pemetrexed ในปริมาณ 500 มิลลิกกรัมต่อตารางเมตรของพื้นที่ผิวของร่างกาย ผ่านทางเส้นเลือดเป็นเวลา 10 นาที ในทุกวันที่ 1 ของวงจรการรักษา 21 วัน ส่วนยา Cisplatin ต้องใช้ในปริมาณ 75 มิลลิกรัมต่อตารางเมตรของพื้นที่ผิวของร่างกาย ผ่านทางเส้นเลือดเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ราว 30 นาทีหลังจากให้ยา Pemetrexed เสร็จแล้ว โดยต้องมีการให้ยาแก้อาเจียนและให้น้ำกับผู้ป่วยในปริมาณที่เพียงพอด้วย
สำหรับโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก: แนะนำให้ใช้ยา Pemetrexed ในปริมาณ 500 มิลลิกรัมต่อตารางเมตรของพื้นที่ผิวของร่างกายเป็นเวลา 10 นาที ในวันแรกของวงจรการรักษา 21 วัน
สำหรับการเตรียมตัวก่อนการรักษา: ผู้ป่วยต้องได้รับวิตามินบี 12 ปริมาณ 1,000 ไมโครกรัมผ่านทางกล้ามเนื้อ และกรดโฟลิกราว 350-1,000 ไมโครกรัมผ่านทางช่องปากเพื่อลดภาวะเป็นพิษ (สามารถดูรายละเอียดทั้งหมดได้จากผลสรุปลักษณะผลิตภัณฑ์หรือ SPC ) นอกจากนั้นผู้ป่วยควรได้รับยา Corticosteroid ก่อน ระหว่าง และหลังการใช้ยา Pemetrexed เพื่อลดอาการแพ้ที่ผิวหนัง ในปริมาณ 4 มิลลิกรัม เท่ากับการให้ยา Dexamethasone ผ่านทางช่องปากวันละ 2 ครั้ง
การตรวจนับเม็ดเลือด: ก่อนการให้ยาต้องมีการตรวจความสมบูรณ์ของเซลล์เม็ดเลือด (CBC) ซึ่งรวมถึงการนับส่วนต่างของปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด โดยเม็ดเลือดขาวต้องมีเท่ากับหรือมากกว่า 1,500 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ส่วนเกล็ดเลือดต้องมีเท่ากับหรือมากกว่า 100,000 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร ก่อนให้ยาแต่ละครั้งต้องมีการตรวจสารเคมีในเลือดเพื่อประเมินการทำงานของตับและไต การกำหนดปริมาณการใช้ยา Pemetrexed และ/หรือ ยา Cisplatin ในช่วงเริ่มต้นวงจรการรักษา ควรพิจารณาจากจุดต่ำสุดของปริมาณเม็ดเลือด หรือจุดสูงสุดของภาวะเป็นพิษนอกกระแสโลหิต และควรเลื่อนหรือยกเลิกการรักษาถ้าตรวจพบภาวะเป็นพิษในกระแสเลือด ภาวะเป็นพิษในเซลล์ประสาท และ/หรือ ความบกพร่องของระบบตับหรือไต (สามารถดูรายละเอียดทั้งหมดได้จากผลสรุปลักษณะผลิตภัณฑ์หรือ SPC )
สำหรับเด็กและวัยรุ่น: ไม่แนะนำให้ใช้กับผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 18 ปี
ความบกพร่องของระบบไต: ผู้ป่วยที่มีอัตราการกรองของเสียในไตเท่ากับหรือมากกว่า 45 มิลลิลิตรต่อนาที ไม่ต้องมีการปรับปริมาณยานอกจากว่าจะมีการแนะนำให้ปรับปริมาณยาสำหรับผู้ป่วยทั้งหมด ส่วนผู้ป่วยที่มีอัตราการขจัดสารครีอะตินินในไตน้อยกว่า 45 มิลลิลิตรต่อนาทีไม่แนะนำให้ใช้ยาดังกล่าว กรุณาดูคำเตือนและข้อควรระวังเพิ่มเติมก่อนการใช้ยา
ความบกพร่องของระบบตับ: ยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีความบกพร่องของระบบตับ เช่น มีสารบิลิรูบินมากกว่า 1.5 เท่าของจุดสูงสุดของระดับปกติ และ/หรือมีเอนไซม์ทรานส์อะมิเนสมากกว่า 3.0 เท่าของจุดสูงสุดของระดับปกติ (ไม่พบมะเร็งตับ) หรือมีมากกว่า 5.0 เท่าของจุดสูงสุดของระดับปกติ (พบมะเร็งตับ)
ข้อห้าม
ห้ามใช้โดยผู้ที่แพ้ยา Pemetrexed หรือยากระสายทุกประเภท ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันไข้เหลือง และผู้ที่กำลังให้นมบุตร
คำเตือนและข้อควรระวัง
การใช้ยาดังกล่าวจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของไขกระดูกลดลง ผู้ป่วยจึงต้องได้รับกรดโฟลิกและวิตามินบี12 เพื่อป้องกันไว้ก่อนการใช้ยา การได้รับยา Dexamethasone (หรือยาที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน) ยังสามารถช่วยลดอาการแพ้ที่ผิวหนังได้ การใช้ยา Pemetrexed เพียงอย่างเดียวหรือใช้ร่วมกับการทำเคมีบำบัดอาจทำให้ไตทำงานผิดปกติหรือเกิดอาการไตวายได้ ผู้ป่วยส่วนมากที่เกิดอาการดังกล่าวมีประวัติการเกิดภาวะขาดน้ำ ความดันโลหิตสูง หรือเบาหวานมาก่อน สำหรับผู้ป่วยที่มีของเหลวในช่องท้องจากการรักษาควรถ่ายของเหลวเหล่านั้นออกให้หมดก่อนใช้ยา การได้รับยา Pemetrexed ร่วมกับยาอื่นๆ ที่เป็นพิษต่อเซลล์อาจทำให้เกิดความผิดปกติต่อหัวใจอย่างรุนแรงอย่างภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ผู้ป่วยส่วนมากที่เกิดอาการดังกล่าวมีประวัติเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือหลอดเลือดหัวใจมาก่อน ไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกับวัคซีนชนิดเชื้อเป็น (live attenuated vaccines)
ปฏิกิริยาตอบสนองต่อยา
การใช้ร่วมกับยาที่เป็นพิษต่อไตและท่อไตอาจส่งผลให้ยา Pemetrexed แสดงประสิทธิภาพช้ากว่าเดิม ถ้ามีความจำเป็นก็ควรจับตามองอัตราการกรองของเสียในไตอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานยาแก้อักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งมีค่าครึ่งชีวิตของยา (eliminate half life) ยาวนาน อย่างน้อย 5 วันก่อนใช้ยา ระหว่างวันที่ใช้ยา และ 2 วันหลังการใช้ยา ผู้ป่วยที่มีระบบการทำงานของไตปกติ (อัตราการกรองของเสียในไตเท่ากับหรือมากกว่า 80 มิลลิลิตรต่อนาที) หากได้รับยา NSAIDs ในปริมาณมาก (เช่น ใช้ยา Ibuprofen มากกว่า 1,600 มิลลิกรัมต่อวัน) และได้รับยาแอสไพรินในปริมาณมาก (เท่ากับหรือมากกว่า 1.3 กรัมต่อวัน) อาจส่งผลให้ยา Pemetrexed เสื่อมประสิทธิภาพและมีโอกาสเกิดอาการแพ้ยาได้มากกว่าเดิม ผู้ป่วยที่มีระบบการทำงานของไตผิดปกติเล็กน้อยถึงปานกลาง (อัตราการกรองของเสียในไตตั้งแต่ 49-79 มิลลิลิตรต่อนาที) ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยา NSAIDs (เช่น ยา Ibuprofen) หรือยาแอสไพรินในปริมาณมาก 2 วันก่อนและหลัง รวมถึงวันที่ใช้ยา Pemetrexed ด้วย
ทั้งนี้ อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาต้านการจับตัวของเลือดกับยา Pemetrexed ส่งผลให้ต้องมีการตรวจวัดค่า INR (International Normalised Ratio) บ่อยกว่าเดิม ในกรณีที่ทำการรักษาผู้ป่วยด้วยการให้ยาต้านการจับตัวของเลือดทางปาก
การตั้งครรภ์และระยะการคัดหลั่งน้ำนม
หลีกเลี่ยงการใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์และช่วงให้นมบุตร
มีคำแนะนำผู้ชายวัยเจริญพันธุ์ไม่ควรมีบุตรระหว่างการรักษาและจนกระทั่งถึง 6 เดือนหลังการรักษา เนื่องจากความเป็นไปได้ที่จะเกิดอาการเป็นหมันซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น ขอแนะนำให้ผู้ชายควรเก็บเชื้อสเปิร์มไว้ก่อนเริ่มการรักษา ขณะที่ผู้หญิงวัยที่สามารถมีบุตรได้ต้องคุมกำเนิดระหว่างการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ
การขับรถ และอื่นๆ
มีรายงานว่าการรักษาอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการง่วงนอน ผู้ป่วยต้องระมัดระวังก่อนขับรถและการใช้งานเครื่องจักร
ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
อาการทางโลหิตวิทยา: อาการส่วนใหญ่ที่พบ ได้แก่ ภาวะโลหิตจาง, leucopenia (ภาวะเม็ดเลือดขาวลดลง), neutropenia อาการทั่วไป ได้แก่ Febrile neutropenia และอาการติดเชื้อโดยไม่ได้เป็นโรค neutropenia อาการที่พบได้ยาก ได้แก่ Pancytopenia (ภาวะเม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือดลดลง)
อาการเกี่ยวกับช่องท้องและลำไส้: อาการส่วนใหญ่ที่พบ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน อาการอักเสบของเยื่อบุเมือกในปาก/คอหอยอักเสบ อาการรับประทานอาหารแล้วคลื่นไส้ ท้องร่วง ท้องผูก อาการทั่วไป ได้แก่ Dyspepsia อาการปวดกล้ามเนื้อหน้าท้อง อาการที่พบได้ยาก ได้แก่ ลำไส้ใหญ่อักเสบ
อาการทั่วไป: อาการส่วนใหญ่ที่พบ ได้แก่ อาการอ่อนเพลีย อาการทั่วไป ได้แก่ มีไข้ ตาแดง
การเผาผลาญและโภชนาการ: อาการทั่วไป ได้แก่ ภาวะร่างกายสูญเสียน้ำอย่างมาก
อาการเกี่ยวกับระบบประสาท: อาการส่วนใหญ่ที่พบได้แก่ โรคของระบบประสาทด้านการรับรู้ อาการทั่วไป ได้แก่ โรคของระบบประสาทด้านกล้ามเนื้อที่มีส่วนต่อการเคลื่อนไหว และความรู้สึกต่อรสเสื่อมลง
อาการเกี่ยวกับไตและการถ่ายปัสสาวะ อาการส่วนใหญ่ที่พบได้แก่ การเพิ่มขึ้นของ Creatinine การขจัด creatinine ลดลง อาการทั่วไป ได้แก่ ไตวาย
อาการเกี่ยวกับต้บ น้ำดีและท่อน้ำดี อาการส่วนใหญ่ที่พบได้แก่ การเพิ่มขึ้นของ SGPT (ALT) และ การเพิ่มขึ้นของ SGOT (AST) การเพิ่มขึ้นของ GGT อาการที่พบได้ยาก: มีการรายงานโรคไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งมีอันตรายร้ายแรงระหว่างการทดลอง
อาการเกี่ยวกับผิวหนัง และเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง อาการส่วนใหญ่ที่พบ ได้แก่ ผื่นแดง/การตกสะเก็ด ขนร่วง อาการทั่วไป ได้แก่ ลมพิษ ปฏิกิริยาอาการแพ้/ภูมิแพ้ ผื่นผิวหนังรูปแบบ erythema multiforme และอาการคัน
อาการเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดในสมอง อาการที่พบได้ยาก ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจตาย อาการเจ็บหน้าอกจากเส้นเลือดหัวใจตีบ อุบัติเหตุลอดเลือดในสมอง ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ ภาวะหัวใจขาดเลือดชั่วคราว (มักเกิดขึ้นเมื่อให้ยาร่วมกับสาร cytotoxic อื่นๆ และมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอยู่ก่อนแล้ว) อาการทั่วไป ได้แก่ เจ็บหน้าอก
สำหรับรายละเอียดทั้งหมดที่กล่าวมาและผลข้างเคียงอื่นๆ กรุณาศึกษาในบทสรุปลักษณะของผลิตภัณฑ์ ทางเว็บไซต์ http://emc.medicines.org.uk
เกี่ยวกับลิลลี่ ออนโคโลจี ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของบริษัท อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี
กว่า 4 ทศวรรษที่ ลิลลี่ ออนโคโลจี (Lilly Oncology) ร่วมมือกับนักวิจัยโรคมะเร็ง เพื่อนำเสนอทางเลือกการรักษาที่เป็นนวัตกรรมก้าวหน้า และโปรแกรมที่มีคุณค่าแก่ผู้ป่วยและแพทย์ผู้ให้การรักษา ลิลลี่ ออนโคโลจี นำเสนอการรักษาที่มีมาตรฐานระดับโลก และการพัฒนาประวัติของการรักษาที่เป็นเป้าหมายใหม่ๆอย่างกว้างขวาง เพื่อเร่งขั้นตอนการรักษาโรคมะเร็ง
เกี่ยวกับ อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี
ลิลลี่ เป็นบรรษัทชั้นนำที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และกำลังพัฒนาประวัติผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์เป็นครั้งแรกในประเภทนั้นๆ และดีที่สุดในประเภทนั้นๆ ด้วยการปรับใช้ผลการวิจัยล่าสุดจากห้องทดลองทั่วโลกของบริษัทและจากองค์กรทางการแพทย์ที่มีความร่วมมือระหว่างกัน ลิลลี่ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองอินเดียนาโปลิส มลรัฐอินเดียน่า ลิลลี่หาคำตอบให้กับความต้องการทางการแพทย์ที่เร่งด่วนที่สุดในโลก ผ่านทางเวชภัณฑ์และข้อมูล
ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยถ้อยความคาดการณ์เกี่ยวกับศักยภาพของยา ALIMTA สำหรับการรักษาโรคมะเร็งปอดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก และสะท้อนความเชื่อมั่นของลิลลี่ ณ ปัจจุบัน อย่างไรก็ดี เนื่องจากเวชภัณฑ์ยังอยู่ขั้นตอนการพัฒนา ย่อมมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอย่างยิ่งในระหว่างกระบวนการการพัฒนา การพัฒนาเชิงพาณิชย์ และการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการกำกับดูแล ดังนั้น ไม่สามารรับประกันได้ว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติเพิ่มเติมจากคณะกรรมาธิการกำกับดูแล นอกจากนี้ ไม่มีการรับประกันว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ต่อไป สำหรับการพิจารณาต่อไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่นๆ กรุณาตรวจสอบที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา ลิลลี่ไม่มีหน้าที่ปรับปรุงแถลงการณ์คาดการณ์
แหล่งข่าว: อีไล ลิลลี่ แอนด์ คอมพานี
ติดต่อ: เกรกอรี่ แอล. คลาร์ก
บริษัทลิลลี่
+1-317-554-7119 (มือถือ)
gregory.clare@lilly.com
หรือ
แชนเทล ซามอนเต้
บริษัท ซีพีอาร์ เวิลด์ไวด์
+1-202-550-4129 (มือถือ)
c.samonte@cprworldwideusa.com
รูปภาพนิวส์คอม
http://www.newscom.com/cgi-bin/prnh/20031219/LLYLOGO
รูปภาพพีอาร์เอ็น โฟโต้
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net )--
photodesk@prnewswire.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ