ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์--19 ต.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ราคาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยระดับหรูในดูไบมีความน่าดึงดูดใจสูง โดยได้รับแรงหนุนจากศักยภาพการเติบโตของมหานครดูไบ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าและผลตอบแทนจากการลงทุนให้สูงขึ้น ขณะที่ดูไบยังคงเติบโตอย่างมั่นคงเนื่องจากรากฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
(รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/771379/Dubai_Hills_Estate.jpg )
(รูปภาพ: https://mma.prnewswire.com/media/771378/Downtown_Dubai.jpg )
ที่อยู่อาศัยในโครงการ Downtown Dubai ของบริษัท Emaar มีราคาน่าดึงดูดใจอย่างมาก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์บนทำเลทองทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยแม้จะตั้งอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวและโครงสร้างพื้นฐานชั้นเยี่ยม แต่ก็มีราคาเฉลี่ยเพียง 550 ดอลลาร์สหรัฐ (2,020 เดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ต่อตารางฟุตเท่านั้น
หากเปรียบเทียบกันแล้ว อสังหาริมทรัพย์ในเมืองใหญ่อื่นๆ มีราคาเฉลี่ยสูงกว่ามาก* โดยฮ่องกงมีราคาสูงเป็นอันดับหนึ่งที่ 11,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตารางฟุต ตามมาด้วยโตเกียว (7,600 ดอลลาร์สหรัฐ) ลอนดอน (5,300 ดอลลาร์สหรัฐ) ปารีส (4,400 ดอลลาร์สหรัฐ) มอสโก (4,250 ดอลลาร์สหรัฐ) นิวยอร์ก (4,100 ดอลลาร์สหรัฐ) และเซี่ยงไฮ้ (2,125 ดอลลาร์สหรัฐ)
เนื่องจากดูไบเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีผู้มาเยือนมากเป็นอันดับ 4 ของโลก ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบจึงมีผู้โดยสารขาเข้ามากกว่า 88.2 ล้านคนในปี 2560 และมากกว่า 43 ล้านคนในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 นอกจากนั้นยังมีนักท่องเที่ยวพักค้างคืนมากกว่า 15.8 ล้านคนในปีที่แล้ว และ 10.44 ล้านคนนับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม
ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูบนทำเลทองกลางเมืองดูไบอย่าง Downtown Dubai, Dubai Marina, Dubai Creek Harbour, Dubai Hills Estate และ Emaar Beachfront พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะในหมู่นักลงทุนระหว่างประเทศรายใหญ่
แม้ว่าจะมีความต้องการสูงขึ้น แต่อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในดูไบยังคงมีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเมืองระดับโลกอื่นๆ ทั้งยังให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงมาก โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในดูไบให้ผลตอบแทนสูงถึง 7.5% ส่วนในนิวยอร์กให้ผลตอบแทน 3.6%* ดูไบจึงเป็นเมืองที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มั่นคงที่สุดเมืองหนึ่ง สำหรับผลตอบแทนสูงสุดในเมืองระดับโลกอื่นๆ ได้แก่ ปักกิ่ง (6.2%) บอสตัน (4.1%) บรัสเซลส์ (4.5%) ชิคาโก (5.3%) แฟรงก์เฟิร์ต (3.3%) ฮ่องกง (2.7%) ลอนดอน (3.5%) ลอสแองเจลิส (4.3%) และมาดริด (3.8%)
ราคาที่ดึงดูดใจและผลตอบแทนที่สูง ประกอบกับดีไซน์ระดับโลก สิ่งอำนวยความสะดวกอันครบครัน และทำเลทองใจกลางเมือง เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนให้มาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ดูไบ อย่างเช่นในโครงการ Downtown Dubai จุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ที่มีผู้คนหลั่งไหลมามากที่สุด และมีห้าง The Dubai Mall ที่มีผู้มาเยือนทะลุ 80 ล้านคนต่อปีเป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน
*ข้อมูลจาก JLL Global Real Estate Health Monitor เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Kelly Home
ASDA'A BCW
โทร. +9714-4507-600
อีเมล: kelly.home@bm.com
ที่มา: Emaar