สิงคโปร์--30 ต.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
เทคโนโลยีบล็อกเชนมีวิวัฒนาการรุดหน้าไปมากอย่างเหนือความคาดหมาย คุณสมบัติพิเศษของเทคโนโลยีดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น การกระจายศูนย์ การแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนย่อยๆ ความโดดเด่นเฉพาะตัว ข้อจำกัดในด้านปริมาณ การรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และการใช้สัญญาอัจฉริยะ ล้วนแล้วแต่ทำให้บิตคอยน์และอีเธอเรียมสามารถก้าวข้ามอุปสรรคทางอ้อม ตลอดจนระบบในสำนักงานที่มีขนาดมหึมาได้เป็นผลสำเร็จ
หลังประสบความสำเร็จกับ Blockchain 1.0 (BTC) และ Blockchain 2.0 (ETH) มาแล้ว CSE SG PTE LTD บริษัทบล็อกเชนชั้นนำจากสิงคโปร์ ได้เปิดตัว Blockchain Platform 3.0 (CSE30) และ Smart contract 2.0 ภายหลังดำเนินการวิจัยและพัฒนามานานกว่า 4 ปี
ความแตกต่างระหว่าง CSE กับ BTC และ ETH
Blockchain 1.0 สำหรับบิตคอยน์ และ Blockchain 2.0 สำหรับอีเธอเรียม มีจุดอ่อนอยู่ที่ข้อจำกัดด้านความสามารถในการปรับขนาด อันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ การประมวลผลช้า ต้นทุนด้านพลังงานและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่อยู่ในระดับสูง ซึ่ง Blockchain 3.0 (CSE) ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่นี้ จะเข้ามาเอาชนะจุดอ่อนดังกล่าว และมอบผลประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ดังต่อไปนี้
1 – สุดยอดความเร็วที่เหนือกว่า
CSE สามารถทำธุรกรรมได้เสร็จสมบูรณ์ภายเวลาเพียง 6 วินาที เมื่อเทียบกับ BTC ที่ต้องใช้เวลาประมาณ 10 นาที และ ETH ที่ใช้เวลา 7 นาที
2 - ค่าธรรมเนียมต่ำ
ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมภายในสำหรับ CSE ในปัจจุบันอยู่ที่ 0.001 ดอลลาร์ ขณะที่ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของ BTC อยู่ที่ 0.00004674 บิตคอยน์ หรือประมาณ 0.3 ดอลลาร์ และค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของ ETH อยู่ที่ 0.000483 อีเธอเรียม หรือประมาณ 0.10 ดอลลาร์ (ค่าธรรมเนียมทั้งหมดอ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบัน และอาจเพิ่มขึ้น หากบิตคอยน์และอีเธอเรียมมีมูลค่ามากขึ้น)
3 - ทำธุรกรรมแบบ Off chain โดยไม่ต้องใช่อินเทอร์เน็ต
การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันจะขึ้นอยู่กับความพร้อมในการใช้งานอินเทอร์เน็ต แต่ CSE ได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่รองรับการทำธุรกรรมแบบ Off Chain ที่สามารถดำเนินการแลกเปลี่ยนแบบเข้ารหัสโดยไม่ต้องพึ่งพาสภาพแวดล้อมทางอินเทอร์เน็ตได้ด้วยความเร็วสูงถึง 0.003s (3 ล้านวินาที) โดยมีข้อจำกัดอยู่ที่การจำกัดปริมาณและไม่สามารถระบุชื่อผู้รับได้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฉ้อโกง
4 - สมาร์ทคอนแทรคท์ 2.0
อีเธอเรียมได้คิดค้นสมาร์ทคอนแทรคท์ 1.0 ขึ้นมา และใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งที่มีอยู่ในการทำข้อตกลงร่วมกับสัญญาการเงินหลากหลายประเภท
ขณะที่สมาร์ทคอนแทรคท์ 2.0 ของ CSE มีความฉลาดมากกว่าทั้งในการทำงานกับสัญญาที่มีหลายเงื่อนไข และการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มใหม่อย่าง CSE30 ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในสร้างสมาร์ทคอนแทรคท์บนแพลตฟอร์มโดยเวลาเพียง 15-30 นาที ด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับ CSE30 โดยตรงผ่านทาง API ทั้งนี้ คุณสามารถสร้างเงินดิจิทัล เข้าถึงแหล่งที่มา ห้องสมุดบล็อกเชน ยืนยันตัวตนบนบล็อกเชนเพื่อการศึกษา ตลอดจนยืนยันตัวตนเพื่อเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์บนบล็อกเชน และอื่นๆ
นักลงทุนในภาคเทคโนโลยีต่างแสดงความสนใจในแพลตฟอร์มใหม่นี้กันมากเป็นพิเศษ โดยจะมีการประกาศข้อมูลเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20181029/2280769-1