เซินเจิ้น, จีน--9 เม.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
- มีกำไรสุทธิ 553 ล้านหยวน (ประมาณ 82.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 18.7% ขณะที่การลงทุนด้าน R&D เพิ่มขึ้น 18%
เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา Skyworth ได้แถลงผลประกอบการรอบ 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ("รอบระยะเวลารายงาน") ซึ่งเป็นงบการเงินฉบับแรกของบริษัทหลังการปรับปฏิทินงบประมาณ
งบการเงินระบุว่า กลุ่มบริษัทมีผลประกอบการรวม 3.0192 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 4.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 18.7% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 553 ล้านหยวน (ประมาณ 82.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 10.8% เมื่อเทียบกับ 499 ล้านหยวน(ประมาณ 74.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
งบการเงินฉบับนี้รวมผลประกอบการทางการเงินที่ยังไม่สอบทานในช่วง 12 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2561 ซึ่งข้อมูลแสดงให้เห็นว่า Skyworth มีผลประกอบการรวม 3.9271 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 5.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในรอบปีดังกล่าว ซึ่งขยับขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 18.5% จาก 16.9% ในปีก่อน โดยกลุ่มบริษัททำยอดขายทีวีในประเทศจีนเพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลัก และได้ทุ่มงบลงทุน 1.688 พันล้านหยวน (ประมาณ 251 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สำหรับการวิจัยและพัฒนา (R&D) ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะคุณภาพสูงหลายรายการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และโดยรวมแล้ว บริษัทสามารถยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
ในรอบปีที่ผ่านมา Skyworth ได้ปรับเปลี่ยนกลุ่มผลิตภัณฑ์ทีวีสี โดยได้เปิดตัวสินค้าที่มีความแตกต่างกันหลายรุ่น อาทิ รุ่น MAXTV และ OLED series ซึ่งเน้นสร้างประสบการณ์การรับชมให้กับผู้ใช้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้มุ่งความสนใจทางธุรกิจไปที่กลุ่มทีวีจอใหญ่ขนาดตั้งแต่ 55 นิ้ว ขณะเดียวกัน บริษัทได้ขยายความร่วมมือกับลูกค้ากลุ่มหลักในตลาดต่างประเทศ พร้อมกันนั้นก็ได้ปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขันด้านสินค้าและบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปี โดยบริษัททำยอดขายทีวีได้ 15.316 ล้านเครื่องทั่วโลก ให้บริการผู้ชมสมาร์ททีวีกว่า 36 ล้านคน ซึ่งเป็นผู้ใช้งานประจำวันเฉลี่ยมากกว่า 13.65 ล้านคน
ธุรกิจกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัลมีส่วนสนับสนุนอย่างมากที่ทำให้กลุ่มบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วยเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ทุ่มลงทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ๆ สำหรับระบบ Android รวมทั้งได้สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Google, Netflix และผู้ให้บริการคอนเทนต์อีกหลายราย
ในช่วงเวลาดังกล่าว รายได้จากสินค้าหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะในประเทศจีน มีมูลค่า 2.788 พันล้านหยวน (ประมาณ 415 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนรายได้ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 60.7% สู่ระดับ 784 ล้านหยวน (ประมาณ 117 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ปัจจุบัน บริษัทมีการดำเนินงานอยู่ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงจีน และหลายประเทศและดินแดนทั่วเอเชีย เช่นเดียวกับในแอฟริกา ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยมีจีนเป็นตลาดธุรกิจหลัก ขณะที่ตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกานั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว
ด้วยอานิสงส์จากนโยบายเกื้อหนุนของรัฐบาลจีนที่สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมวิดีโอความละเอียดสูงระดับ ultra-high definition และเนื่องจากขณะนี้ได้เริ่มมีการเปิดตัวเทคโนโลยี 5G ในระยะแรกแล้ว Skyworth Group จึงมีแผนที่จะเร่งการผนวกรวมฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ซิสเต็มส์ คอนเทนต์ และบริการต่าง ๆ เข้าด้วยกันในเชิงลึก รวมทั้งส่งเสริมการรวมทรัพยากรสนับสนุนที่มีความสำคัญเพื่อระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอัจฉริยะ ขณะเดียวกัน ก็จะนำอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านไปสู่การเติบโตและการพัฒนาในระยะใหม่ที่สำคัญ