โลซานน์, สวิตเซอร์แลนด์--17 เม.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะรณรงค์ให้ผู้คนตระหนักถึงโรคโรซาเซียและภาระที่แฝงมากับโรคนี้ Galderma จึงจับมือกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังบนโลกโซเชียลในเดือนแห่งการรณรงค์เรื่องโรคโรซาเซีย เพื่อสนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคโรซาเซียกล้าพูดและแบ่งปันประสบการณ์การใช้ชีวิตร่วมกับโรคผิวหนังรุนแรงชนิดนี้ รวมถึงผลกระทบนอกเหนือจากที่มองเห็นภายนอก
Galderma ต่อยอดความสำเร็จของแคมเปญ Rosacea: Beyond the visible ด้วยการผนึกกำลังกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในการจัดกิจกรรมรณรงค์บนโลกโซเชียลในเดือนแห่งการรณรงค์เรื่องโรคโรซาเซีย (เมษายน) ภายใต้แคมเปญ #RosaceaNoFilter
แคมเปญ #RosaceaNoFilter นำโดยอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังบนโลกโซเชียล โดยมีเป้าหมายเพื่อพูดคุยกันถึงภาระที่แท้จริงอันเกิดจากโรคโรซาเซีย พร้อมกับสนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคโรซาเซียมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การใช้ชีวิตร่วมกับโรคด้วยการโพสต์ภาพเซลฟี่บนโซเชียลมีเดีย และกล้าที่จะเปิดเผยผลกระทบนอกเหนือจากที่มองเห็นภายนอก
Lex Gillies (@TalontedLex) อินฟลูเอนเซอร์และแอมบาสเดอร์ของแคมเปญนี้ กล่าวว่า "สำหรับใครหลายคน รวมถึงตัวฉันเอง โรคโรซาเซียไม่ใช่แค่โรคผิวหนัง แต่เป็นความลำบากในชีวิตประจำวันที่ไม่จบสิ้น โรคนี้เห็นได้ชัดเจนจนทำให้เรารู้สึกประหม่าและกังวลกับสายตาของผู้อื่น ซึ่งทำให้รู้สึกแปลกแยกอย่างมาก เราจึงจำเป็นต้องรวมตัวกัน และเดือนแห่งการรณรงค์เรื่องโรคโรซาเซียก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการเชื่อมโยงผู้ป่วยและช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ ทำลายอคติ และให้ความรู้เกี่ยวกับความเป็นจริงที่แฝงอยู่เบื้องหลังโรคนี้"
โรคโรซาเซียเป็นโรคผิวหนังที่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยราว 415 ล้านคนทั่วโลก [1] และผลกระทบด้านจิตสังคมที่แท้จริงของโรคนี้ได้รับการเปิดเผยในรายงาน Rosacea: Beyond the visible ซึ่งเผยแพร่ไปเมื่อปี 2561 โดยพบว่า ผู้ป่วยโรคโรซาเซียราว 82% ที่ตอบแบบสำรวจ รู้สึกว่าควบคุมโรคได้ไม่เต็มที่ และ 55% ของผู้ป่วยที่ยังทำงานระบุว่าโรคนี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ขณะเดียวกัน ราว 86% ยอมรับว่าต้องเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้ผื่นเห่อขึ้นมา ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างแรงกดดันในชีวิตประจำวันอย่างมาก [2]
Lex Gillies กล่าวว่า "เราควรภูมิใจที่ได้แบ่งปันประสบการณ์การอยู่ร่วมกับโรคโรซาเซียโดยไม่ปิดบัง การโพสต์ภาพเซลฟี่พร้อมติดแฮชแท็ก #RosaceaNoFilter จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ กล้าเปิดใจถึงความท้าทายที่แท้จริงที่ต้องเผชิญ รวมถึงมาร่วมแบ่งปันเคล็ดลับในการสนับสนุนซึ่งกันและกัน"
ด้วยความมุ่งมั่นในการทำความเข้าใจโรคโรซาเซียและผลกระทบนอกเหนือจากที่มองเห็นภายนอก Galderma ได้เดินหน้าศึกษาภาระของโรคด้วยการวิจัยบนโลกออนไลน์ โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยโรคโรซาเซียมากกว่า 130 คนรวมถึงคู่ชีวิต ใน 4 ประเทศ ข้อมูลเชิงลึกที่ได้เผยให้เห็นว่า ผู้ป่วยโรคโรซาเซียจำนวนมากไม่ได้พบแพทย์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับประสบการณ์ไม่ดีจากยารักษาหรือแม้แต่จากแพทย์ผิวหนัง หลายคนจึงเลือกวิธีรักษาในระยะสั้นด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์สกินแคร์มาใช้เองเมื่อผื่นเห่อขึ้นมา แทนที่จะขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านโรคโรซาเซียต่างแนะนำให้ผู้ป่วยเปิดอกคุยกับแพทย์เรื่องภาระส่วนตัวที่แท้จริง โดย ดร. Melinda Gooderham ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของ SKIN Centre for Dermatology และผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยควีนส์ รัฐออนทาริโอ ประเทศแคนาดา กล่าวว่า "ครั้งต่อไปที่คุณเข้ารับคำปรึกษา อย่ากลัวที่จะพูดถึงภาระที่คุณต้องแบกรับ บอกให้เรารู้ถึงผลกระทบทางอารมณ์ที่มีต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณ ไม่ใช่แค่ผลกระทบที่มองเห็นภายนอก เราพร้อมรับฟังปัญหาของคุณ สนับสนุนคุณ และวางแผนการรักษาที่ดีที่สุดเพื่อคุณ เพราะเราตระหนักดีว่าโรคโรซาเซียส่งผลกระทบนอกเหนือจากที่มองเห็นภายนอก"
ดร.นพ. Kamel Chaouche หัวหน้าฝ่าย Global Medical Affairs Rx SIG ของบริษัท Galderma ในเครือ Nestle Skin Health กล่าวว่า "Galderma ตั้งใจรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเพื่อกำหนดแนวทางในการสนับสนุนความต้องการของผู้ป่วยโรคโรซาเซีย และช่วยยกระดับผลการรักษาโรคนี้ที่มักถูกมองข้ามความสำคัญ เดือนแห่งการรณรงค์เรื่องโรคโรซาเซียเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการต่อยอดจากแคมเปญ Rosacea: Beyond the visible พร้อมสนับสนุนให้ผู้ป่วยกล้าพูดและแบ่งปันประสบการณ์ของตนเอง"
อ้างอิง
1. Gether L, Overgaard LK, Egeberg A, Thyssen JP. Incidence and Prevalence of Rosacea: A Systematic Review and Meta-Analysis. Br J Dermatol 2018 Feb 25. https://doi.org/10.1111/bjd.16481.
2. Rosacea: Beyond the visible online report. Available at: http://hosted.bmj.com/rosaceabeyondthevisible. Last accessed: April 2019.
เกี่ยวกับโรคโรซาเซีย
โรคโรซาเซียเป็นโรคผิวหนังอักเสบที่พบได้ทั่วไปและมีลักษณะทางคลินิกหลากหลาย โดยมากจะมีอาการหน้าแดง เป็นผื่นแดง และอักเสบ ส่วนใหญ่จะเกิดที่ตรงกลางของใบหน้า เช่น แก้มและจมูก โรคนี้สามารถเป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ส่วนใหญ่เกิดหลังอายุ 30 ปี นอกจากนั้นคนเป็นโรคนี้ยังมีอาการปวดแสบร้อน หรือผิวหนังแพ้ง่าย รวมถึงมีอาการที่ดวงตา เช่น ตาแดง ตาแห้ง หรือคันที่ตา
ถึงแม้สาเหตุของโรคนี้ยังเป็นที่ถกเถียง แต่มีปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรคมากมาย ได้แก่ อาหารเผ็ด แอลกอฮอล์ ความเครียด การสัมผัสกับแสงอาทิตย์/รังสียูวี การอาบน้ำร้อนและดื่มเครื่องดื่มร้อน นอกจากนี้ คนที่เป็นโรคโรซาเซียอาจมีเห็บที่ไม่มีอันตราย (Demodex) บนผิวหนังมากกว่าคนทั่วไป
โรคโรซาเซียอาจรุนแรงขึ้นหากไม่รักษา คนที่สงสัยว่าเป็นโรคนี้ควรพบแพทย์ผิวหนังหรือเจ้าหน้าที่สุขอนามัยเพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและปรึกษาวิธีการรักษาที่ถูกต้อง โรซาเซียเป็นโรคที่มีอาการเด่นชัด คนเป็นโรคนี้บางคนจึงรู้สึกประหม่า วิตกกังวล อึดอัดใจ ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อการใช้ชีวิตในสังคม
เกี่ยวกับ Rosacea: Beyond the visible
Rosacea: Beyond the visible คือแคมเปญรณรงค์ระดับโลกที่ Galderma เปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2561 โดยมีการเผยแพร่รายงานการวิจัยระดับโลกว่าด้วยภาระที่แท้จริงของโรคโรซาเซียในชื่อ Rosacea: Beyond the visible ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยโรคโรซาเซียกว่า 700 คน และแพทย์กว่า 550 คน ทั้งนี้ ณ เดือนเมษายน 2562 แคมเปญนี้มีทั้งทวิตเตอร์ @Beyond_visible รวมถึงยูทูบแชนแนล และอินสตาแกรม @Rosacea_beyondthevisible สำหรับเผยแพร่ข้อมูล รวมถึงมีการสนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคโรซาเซียและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพมาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นจริงของการใช้ชีวิตร่วมกับโรคผิวหนังชนิดนี้
เกี่ยวกับ Galderma
Galderma เป็นธุรกิจโซลูชั่นทางการแพทย์ของ Nestle Skin Health ซึ่งก่อตั้งในปี 2524 และปัจจุบันมีการดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศ บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์มากมายที่ใช้รักษาโรคผิวหนังต่างๆ โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพทั่วโลกเพื่อตอบโจทย์ด้านสุขภาพผิวตลอดชีวิตของผู้คน บริษัทเป็นผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาโซลูชั่นทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์เพื่อดูแลรักษาผิว สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.galderma.com
ติดต่อฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ของ Galderma
Sebastien Cros
Global Communications
โทร. +41-21-642-76-94
อีเมล: media@galderma.com
โลโก้ - http://mma.prnewswire.com/media/554005/Galderma_Logo.jpg