ดับลิน--7 พ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
Mainstream Renewable Power ผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ระดับโลก ประสบความสำเร็จในการระดมทุนสำหรับก่อสร้างโครงการ "Andes Renovables" เฟสแรก ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1.3 กิกะวัตต์ในประเทศชิลีที่บริษัทเป็นเจ้าของทั้งหมด
บริษัทประสบความสำเร็จในการระดมทุน 580 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำมาก่อสร้างเฟสแรกของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาตินอเมริกา
ธนาคาร 6 แห่งที่ปล่อยเงินกู้ให้แก่บริษัทประกอบด้วย CaixaBank, DNB, KfW IPEX-Bank, Natixis, SMBC และ Societe Generale นับเป็นการระดมทุนผ่านการกู้ยืมเงินครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในปีนี้สำหรับอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ส่วนธนาคารแห่งที่ 7 นั่นคือ Banco Santander ได้ให้เงินกู้สำหรับนำไปจ่ายภาษี
โครงการ Andes Renovables เฟสแรกซึ่งมีขนาด 571 เมกะวัตต์ มีชื่อเรียกว่า "Condor" ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 แห่ง โดยการก่อสร้างได้เริ่มไปแล้ว และคาดว่าจะเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2564 โดยจะผลิตไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการของ 680,000 ครัวเรือนในชิลี และจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 656,000 เมตริกตันต่อปี
Andes Renovables เป็นโครงการมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นสามเฟส ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานลม 7 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 แห่ง ส่วนอีกสองเฟสที่เหลือมีชื่อว่า "Huemul" และ "Copihue" มีขนาดรวมกัน 730 เมกะวัตต์ และกำลังจะปิดการระดมทุนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
โรงไฟฟ้าพลังงานลมจะสร้างโดยบริษัท Sacyr Industrial และ Elecnor โดยมีบริษัท Vestas, Nordex Acciona และ Siemens Gamesa เป็นผู้จัดหากังหันลม ส่วนบริษัท Sterling & Wilson ได้รับมอบหมายให้สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Rio Escondido ส่วนงานเชื่อมโรงไฟฟ้ากับกริดเป็นหน้าที่ของบริษัท Transelec, CGE, HMV และ Siemens ขณะที่ ABB เป็นผู้จัดหาหม้อแปลงไฟฟ้าหลักทั้ง 4 ตัวให้แก่โครงการ
Andy Kinsella ประธานบริหาร Mainstream กล่าวว่า "การก่อสร้างโครงการ Andes Renovables ขนาด 1.3 กิกะวัตต์ ถือเป็นหลักชัยสำคัญของความพยายามอันยาวนานของเราในการนำศักยภาพการผลิตพลังงานสะอาดต้นทุนต่ำมาสู่ชิลี โครงการมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสามเฟส และเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในลาตินอเมริกา เป็นสิ่งที่ตอกย้ำสถานะของ Mainstream ในฐานะผู้พัฒนาพลังงานหมุนเวียนชั้นนำของโลก ซึ่งมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนารวม 9 กิกะวัตต์ทั่วลาตินอเมริกา แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากนี้จะมีการประกาศปิดระดมทุนและเริ่มก่อสร้างเฟสสองและสามในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า"
Manuel Tagle ผู้จัดการทั่วไปประจำลาตินอเมริกาของ Mainstream กล่าวว่า "เราภูมิใจมากที่ได้เป็นผู้นำในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าของชิลี รวมทั้งลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าในประเทศ การประกาศปิดระดมทุนสำหรับโครงการเฟสแรกมีความสำคัญมาก เนื่องจากจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 656,000 เมตริกตันต่อปี ขณะเดียวกันเรายังมีโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์อีก 2.7 กิกะวัตต์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะทำให้เรายิ่งมีบทบาทมากขึ้นในหลายทศวรรษข้างหน้า"
เมื่อปี 2559 Mainstream ชนะประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าแบบเป็นกลางทางเทคโนโลยีโครงการใหญ่ที่สุดในชิลี โดยคว้าส่วนแบ่งมากที่สุด 27% จากทั้งหมด คณะกรรมาธิการพลังงานแห่งชาติของชิลีได้ทำสัญญาในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐระยะเวลา 20 ปี เพื่อมอบหมายให้ Mainstream ผลิตไฟฟ้า 3,366 กิกะวัตต์ชั่วโมงตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป นอกจากนี้ Mainstream ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 332 เมกะวัตต์ในชิลีที่ร่วมมือกับบริษัท Actis และเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ครั้งแรกเมื่อปี 2557
หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ
รายละเอียดของโครงการ
เฟส ชื่อ โรงไฟฟ้าพลังงานลม (เมกะวัตต์) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (เมกะวัตต์) เริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์
1 Condor 3แห่ง(426เมกะวัตต์) 1แห่ง(145เมกะวัตต์) ปี 2564
2+3 Huemul & 4แห่ง(525เมกะวัตต์) 2แห่ง(205เมกะวัตต์) ปี 2564 และ 2565
Copihue
เฟส 1- Condor
ชื่อ เทคโนโลยี เมกะวัตต์ ที่ตั้ง เริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ ซัพพลายเออร์ ผู้รับเหมาก่อสร้าง
Tchamma พลังงานลมบนชายฝั่ง 157 อันโตฟากัสตา ปี 2564 Siemens Sacyr
Gamesa Industrial
Cerro พลังงานลมบนชายฝั่ง 185 อันโตฟากัสตา ปี 2564 Vestas Elecnor
Tigre
Alena พลังงานลมบนชายฝั่ง 84 บิโอบิโอ ปี 2564 Nordex Sacyr
Acciona Industrial
Rio พลังงานแสงอาทิตย์ 145 อาตากามา ปี 2564 Sterling & Wilson
Escondido
. รวม571 .
เมกะวัตต์
เกี่ยวกับ Mainstream Renewable Power
Mainstream Renewable Power คือผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ระดับสาธารณูปโภคของเอกชนเพียงแห่งเดียวที่ดำเนินธุรกิจในระดับโลก บริษัทมุ่งส่งมอบโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์คุณภาพสูงรวมกว่า 9 กิกะวัตต์ทั่วลาตินอเมริกา แอฟริกา เอเชียแปซิฟิก รวมถึงในอุตสาหกรรมพลังงานลมนอกชายฝั่งทั่วโลก
Mainstream ได้ส่งมอบโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีกำลังผลิตรวมกว่า 800 เมกะวัตต์เข้าสู่การดำเนินงานเชิงพาณิชย์แล้ว และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าอีก 1.5 กิกะวัตต์ทั่วลาตินอเมริกาและแอฟริกา
ในประเทศชิลี โรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1.3 กิกะวัตต์ซึ่งบริษัทเป็นเจ้าของทั้งหมด กำลังจะเข้าสู่การดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในปี 2564 ขณะเดียวกัน บริษัทได้ส่งมอบโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีกำลังผลิตรวม 600 เมกะวัตต์เข้าสู่การดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในแอฟริกาใต้ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก 250 เมกะวัตต์ นอกจากนั้นยังร่วมทุนกับบริษัท Lekela Power ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 410 เมกะวัตต์ในเซเนกัลและอียิปต์
Mainstream เป็นผู้นำโลกในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง โดยประสบความสำเร็จในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3.5 กิกะวัตต์ในสหราชอาณาจักร เริ่มตั้งแต่การวางแนวคิดเบื้องต้น การทำข้อตกลง ไปจนถึงการเตรียมพร้อมก่อสร้าง ซึ่งรวมถึงโครงการ Hornsea 1 และ Hornsea 2 ซึ่งเป็นฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในสหราชอาณาจักร
Mainstream พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Soc Trang ขนาด 800 เมกะวัตต์ในเวียดนาม ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน Mainstream ได้ลงนามข้อตกลงกับ Eni บริษัทพลังงานระดับโลก เพื่อร่วมกันพัฒนาพลังงานหมุนเวียนทั่วแอฟริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากเดิมที่พุ่งเป้าไปที่โครงการ Offshore Round 4 ของสหราชอาณาจักร
จนถึงขณะนี้ Mainstream ระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการได้มากกว่า 2.1 พันล้านยูโร และมีพนักงาน 260 คนใน 5 ทวีป
www.mainstreamrp.com
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/686512/Mainstream_Renewable_Power_Logo.jpg
ติดต่อ
Emmet Curley
Head of Communications & Positioning
โทร: +353 86 2411 690
อีเมล: emmet.curley@mainstreamrp.com