ลอนดอน--7 ม.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ในขณะที่เรากำลังเข้าสู่ทศวรรษใหม่ ประเทศในเอเชียต่างยังครองตำแหน่งหัวตารางไว้อย่างเหนียวแน่นในดัชนี Henley Passport Index ซึ่งเป็นการจัดอันดับพาสปอร์ตทั่วโลกจากจำนวนประเทศจุดหมายปลายทางที่ผู้ถือพาสปอร์ตนั้น ๆ สามารถเดินทางเข้าไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า นับเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่ญี่ปุ่นสามารถครองแชมป์ดัชนีดังกล่าวได้ด้วยคะแนนด้าน visa-free/visa-on-arrival ที่อิงจากข้อมูลเอ็กซ์คลูซีฟของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) สูงถึง 191 คะแนน ตามด้วยสิงคโปร์ที่รั้งอันดับ 2 ด้วยคะแนน 190 คะแนน ขณะที่เกาหลีใต้หล่นลงหนึ่งอันดับมาอยู่ที่อันดับ 3 เท่ากับเยอรมนี ซึ่งผู้ถือพาสปอร์ตของทั้งสองประเทศสามารถเดินทางเข้า 189 ประเทศทั่วโลกได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรมีอันดับลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ทั้งสองจะยังคงอยู่ในทำเนียบ Top 10 แต่สำหรับพวกเขาแล้ว การแชร์อันดับ 8 ร่วมกันถือเป็นการถดถอยครั้งใหญ่จากที่เคยครองแชมป์ร่วมกันเมื่อปี 2015 ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ติด Top 10 ประกอบด้วย ฟินแลนด์และอิตาลีที่ครองอันดับ 4 ร่วมกัน ด้วยคะแนน 188 ตามมาด้วยเดนมาร์ก, ลักเซมเบิร์ก และสเปนที่ครองอันดับ 5 ร่วมกัน ด้วยคะแนน 187 ขณะที่ประเทศที่สามารถไต่อันดับได้มากสุด ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งทะยานขึ้น 47 อันดับในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 18 ด้วยคะแนน visa-free/visa-on-arrival จำนวน 171 คะแนน ด้านอัฟกานิสถานยังคงรั้งอันดับบ๊วย โดยสามารถเดินทางเข้าได้เพียง 26 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า
Dr. Christian H. Kaelin ประธาน Henley & Partners กล่าวว่า แม้ผู้คนจะเคลื่อนที่ได้เสรีมากกว่าในอดีต แต่ผลการศึกษาล่าสุดยังบ่งชี้ให้เห็นถึงช่องว่างความแตกต่างในด้านเสรีภาพการเดินทาง "ผู้ถือพาสปอร์ตญี่ปุ่นสามารถเดินทางเข้าประเทศต่างๆ ได้มากกว่าคนอัฟกานิสถานถึงกว่า 165 ประเทศ ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลทางประวัติศาสตร์พบว่าความแตกต่างนี้เป็นช่องว่างที่กว้างสุดนับตั้งแต่มีการจัดทำดัชนีนี้ขึ้นมาเมื่อปี 2006"
Ugur Altundal และ Omer Zarpli นักวิจัยสาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์และมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และพบความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างเสรีภาพในการเดินทางกับอิสรภาพด้านอื่นๆ ตั้งแต่เศรษฐกิจไปจนถึงการเมือง หรือแม้แต่เสรีภาพส่วนบุคคลและของมนุษย์ โดยพวกเขาสังเกตเห็นว่า "มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างเสรีภาพด้านวีซ่ากับเสรีภาพในการลงทุน ยกตัวอย่างเช่นเสรีภาพทางการค้า ชาติยุโรปอย่าง ออสเตรีย, มอลตา และสวิตเซอร์แลนด์มีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับธุรกิจ ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่ประเทศเหล่านี้จะทำอันดับได้สูงในด้านพาสปอร์ตทรงอิทธิพล นอกจากนี้ การใช้ดัชนี Human Freedom Index เรายังทำให้เราเห็นความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างเสรีภาพส่วนบุคคล เช่น การระบุตัวตน, การคบค้าสมาคม, การแสดงออก และการเดินทางด้วย"
ผลกระทบของสิ่งเหล่านี้และข้อมูลเพิ่มเติมได้ถูกนำไปวิเคราะห์เชิงลึกในรายงาน Henley Passport Index and Global Mobility Report ฉบับปี 2020 ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์ที่นำเสนอข้อมูลวิเคราะห์และข้อคิดเห็นที่โดดเด่นจากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเกี่ยวกับเทรนด์ล่าสุดที่กำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนที่ของผู้คนในระดับโลกและภูมิภาคในปัจจุบัน
Madeleine Sumption ผู้อำนวยการ Migration Observatory แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด แสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานฉบับนี้ว่า การเคลื่อนที่ระหว่างอังกฤษกับ EU ในอนาคตยังมีความไม่แน่นอน "รัฐบาลจากพรรคอนุรักษ์นิยมที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งได้ประกาศเจตจำนงที่จะใช้ระบบคิดแต้มแบบออสเตรเลียซึ่งมีความเสรีมากกว่านโยบายที่มีต่อพลเมืองที่ไม่ใช่ EU ในปัจจุบัน แม้จะมีความเข้มงวดกว่าระบบการเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรีก็ตาม" เธอกล่าวเสริมด้วยว่า ความเสี่ยงจาก Brexit จะทำให้อังกฤษเป็นประเทศที่มีความน่าดึงดูดน้อยลงสำหรับพลเมือง EU โดยที่ตัวเลขชาว EU ที่ย้ายถิ่นฐานเข้าไปในสหราชอาณาจักรมีจำนวนลดฮวบลง 59% ในช่วงปี 2015-2018
Dr. Juerg Steffen ซีอีโอ Henley & Partners กล่าวว่า เมื่อเข้าสู่ปีใหม่ หลายประเทศที่มีโครงการให้สัญชาติกับผู้ที่ลงทุนในประเทศมีแนวโน้มทำคะแนนได้มากขึ้นในดัชนีนี้ "ดีมานด์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เหมือนกับซัพพลายที่เติบโตไปทั่วโลก เนื่องจากประเทศและผู้คนที่มีฐานะร่ำรวยต่างมองว่าโครงการนี้เป็นโอกาสที่ดีในโลกที่มีความผันผวนและการแข่งขันสูง ปัจจุบันมอลตาอยู่ในอันดับ 9 สามารถเดินทางเข้า 183 ประเทศได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า ขณะที่มอนเตเนโกรอยู่ในอันดับ 46 ด้วยคะแนน visa-free/visa-on-arrival ที่ 124 คะแนน ส่วนในแถบแคริบเบียน เซนต์คิตส์และเนวิส และ แอนติกาและบาร์บูดา อยู่ในอันดับ 27 และ 30 ตามลำดับ"
อ่านข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับเต็ม และ ดาวน์โหลดรายงาน Henley Passport Index and Global Mobility Report ฉบับปี 2020
สื่อติดต่อ:
Sarah Nicklin
Senior Group PR Manager
อีเมล: sarah.nicklin@henleyglobal.com
โทร: +27-72-464-8965