ปักกิ่ง--5 มิ.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
LLVISION ผู้นำและผู้บุกเบิกด้านการบริการ AR ระดับองค์กร เปิดตัวแว่นตาเทอร์โมมิเตอร์ AR แบบสเปกตรัมคู่ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
แว่นตาอัจฉริยะ GLXSS SE-IR รุ่นใหม่นี้ มอบประสบการณ์การโต้ตอบด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งแบบเหนือชั้น พร้อมการตรวจวัดอุณหภูมิที่รวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับการกลับมาทำงานได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ LLVISION ยังเปิดตัวแพลตฟอร์ม ARISE Industrial Remote Collaboration Platform รุ่นล่าสุด เพื่อแก้ปัญหาการปฏิบัติงานและการจัดการนอกสถานที่ อันเนื่องมาจากข้อจำกัดด้านการเดินทาง แพลตฟอร์มดังกล่าวส่งมอบโซลูชันแบบครบวงจรที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาและแบบทดสอบต่าง ๆ ตลอดจนติดตามศักยภาพของธุรกิจ พร้อมฟีเจอร์การทำงานร่วมกันจากระยะไกลขั้นสูง อาทิ การจดจำวิดีโอระยะไกลด้วยเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ข้อมูล
Roy Lou ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ LLVISION กล่าวว่า "การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมาก ดังนั้น เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ เราจึงยกระดับแพลตฟอร์ม Industrial Remote Collaboration Platform ของเรา เพื่อให้สามารถใช้งานโดยไม่ล่วงล้ำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและพนักงาน"
การอัพเกรดผลิตภัณฑ์: GLXSS SE_IR
จากการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น อัลกอริทึม AI และการจับภาพสเปกตรัมคู่ แว่นตาอัจฉริยะ GLXSS SE_IR จึงไม่เพียงแต่ช่วยกำหนดเป้าหมายการตรวจวัดอุณหภูมิบริเวณหน้าผากแบบอัตโนมัติเท่านั้น แต่ยังยกระดับระยะเวลาประมวลผล ความแม่นยำ และมิติด้านข้อมูลด้วย
ปัจจุบัน มีการนำโซลูชันดังกล่าวไปใช้งานแล้วกว่า 30 แห่ง รวมถึงสนามบิน ด่านศุลกากร โรงเรียน และนิคมอุตสาหกรรมรวมกัน 50 แห่งทั่วประเทศจีน บริการของ LLVISION ยังถูกนำไปใช้ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินเดีย เยอรมนี อิตาลี มาเลเซีย ไทย ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ ปากีสถาน ชิลี อินโดนีเซีย และซาอุดีอาระเบีย
1. รับประกันความแม่นยำบวกลบ 0.3 องศาเซลเซียส ผ่านอัลกอริทึมแบบสเปกตรัมคู่ที่มุ่งตรวจวัดหน้าผาก พร้อมการแก้ไขข้อผิดพลาดและเทคโนโลยีการปรับเทียบวัตถุดำ
2. แว่นตา AR ยังมีระยะการดำเนินงานที่ปลอดภัย เนื่องจากแว่นตาสามารถตรวจวัดอุณหภูมิของเป้าหมายหลายจุดขณะกำลังเคลื่อนที่ได้ไกลถึง 3 เมตร และตรวจจับใบหน้าได้ไกลถึง 8 เมตร
3. ตัวแว่นตาติดตั้งพลังการประมวลผล 1T Flops/W และชิปการประมวลผลแบบเอดจ์ จึงสามารถรองรับการตรวจจับหลายคนแบบเรียลไทม์ที่ต่อเนื่องสูงถึง 200 คนต่อนาที
4. ผลวัดอุณหภูมิแต่ละคนสามารถเชื่อมโยงกับผลการจดจำใบหน้า เวลา สถานที่ ภาพในสถานที่ และข้อมูลอื่น ๆ โดยจะได้รับการบันทึกและรายงานไปยังแพลตฟอร์มด้านการจัดการ
แพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันจากระยะไกล
LLVISION ยังได้ยกระดับแพลตฟอร์ม Industrial Remote Collaboration Platform เพื่อส่งมอบโซลูชันด้านบริการ AR+AI ภาคสนามที่ครอบคลุม เพื่อลดต้นทุนด้านการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการสำหรับบริษัทและนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ
1. แว่นตาอัจฉริยะ GLXSS SE AR ได้รับมาตรฐาน IP67 โดยมีน้ำหนักเบาเพียง 33.4 กรัม และผ่านการทดสอบด้วย MIL-STD และสามารถใช้งานได้กับหมวกนิรภัย แว่นตา และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลอื่น ๆ
2. คุณสมบัติแบบมุมมองบุคคลที่หนึ่งส่งมอบประสบการณ์อันสมจริง พร้อมฟีเจอร์แชร์คลิปวิดีโอ รวมถึงการประชุมด้วยภาพและเสียงแบบหลายฝ่าย
3. มีการนำเครื่องหมาย AR แบบเรียลไทม์ไปใช้กับวิดีโอสำหรับการติดตามแบบอัตโนมัติเมื่อเคลื่อนที่ นอกจากนี้ ยังรองรับเครื่องหมายบนการถ่ายภาพหน้าจอด้วย
4. รองรับภาพสองทาง ข้อความ การส่งไฟล์หลัก โดยรูปภาพและข้อความจะปรากฏบนหน้าจอแว่นตาอย่างอัตโนมัติ
5. แพลตฟอร์ม Arise Industrial Platform สามารถนำไปใช้กับสถานการณ์การบริการในสถานที่จริง เช่น การจัดการกระบวนการดำเนินงาน การจัดการสินทรัพย์นิคม และการรับรู้ของ AI
เกี่ยวกับ LLVISION
LLVISION คือผู้เชี่ยวชาญด้านการบริการ AR + AI ระดับองค์กร บริษัทส่งมอบผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์และการสนับสนุนด้านซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจุบัน ถูกนำมาใช้งานกันอย่างแพร่หลายในหลายอุตสาหกรรม เช่น ความปลอดภัย อุตสาหกรรม และการดูแลสุขภาพ LLVISION ได้ให้บริการบริษัทต่าง ๆ มาแล้วกว่า 5,000 แห่งทั่วโลก ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางของลูกค้ากว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในปี 2563 LLVISION และ SAP ยังได้ร่วมเปิดตัว AR FSM เพื่อนำเสนอโซลูชันด้านบริการการจัดการภาคสนามด้วยเทคโนโลยี AR สุดล้ำ ในฐานะหนึ่งในพันธมิตรแว่นตาอัจฉริยะ AR รายแรก ๆ ร่วมกับ SAP
https://www.llvision.com/en/
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20200603/2820490-1-a
รูปภาพ - https://photos.prnasia.com/prnh/20200603/2820490-1-b