กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย--1 ก.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ สภาพภูมิอากาศเลวร้ายอย่างต่อเนื่องได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจการปลูกป่ากฤษณาของบริษัท เอเชีย แพลนเตชั่น แคปปิตอล (Asia Plantation Capital) โดยปรากฏการณ์เอลนีโญและภัยแล้งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยและศรีลังกาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและกลายเป็นเขตภัยพิบัติ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อความเป็นไปได้ในการเก็บเกี่ยวผลผลิตและการสร้างรายได้ ส่งผลให้การทำกำไรชะลอตัวลง และสร้างความเสียหายทางธุรกิจมากถึง 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบการเงิน 2562/63 ด้วยเหตุนี้ เอเชีย แพลนเตชั่น แคปปิตอล จึงรุกแตกไลน์ธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การสร้างธุรกิจให้มีความสามารถในการฟื้นตัวมากขึ้นในอนาคต
กว่าทศวรรษของการดำเนินธุรกิจ เอเชีย แพลนเตชั่น แคปปิตอล ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการยืนหยัดอย่างยาวนานในอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยอุปสรรคนานัปการ และในตอนนี้ บริษัทได้ประกาศมาตรการและแนวทางปฏิบัติใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมแกร่งการดำเนินธุรกิจ และที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อปรับตัวให้สามารถยืนหยัดต้านทานความท้าทายทางธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ เพื่อสร้างธุรกิจที่มีความสามารถในการฟื้นตัว บริษัทภาคภูมิใจในแนวทางการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและสอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับ ซึ่งฝังอยู่ในดีเอ็นเอของบริษัทตลอดหลายปีที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่ได้รับความเคารพในอุตสาหกรรม เช่น หน่วยงานสหประชาชาติในมาเลเซีย รวมถึง International Timber Board และ CITES (อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์)
เอเชีย แพลนเตชั่น แคปปิตอล สร้างเศรษฐกิจจุลภาคตามพื้นที่ชนบทที่ต้องพึ่งพาเกษตรกรรม โดยร่วมมือกับทีมงานมากประสบการณ์ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นกัน ปัจจุบัน บริษัทให้บริการลูกค้ากว่า 8,000 รายทั่วโลก และมีการปลูกป่ากฤษณาในมาเลเซีย ศรีลังกา และไทย เพื่อนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงมากมาย เช่น น้ำหอม เครื่องสำอาง เครื่องหอม และน้ำมันหอมระเหย
นอกจากนี้ เอเชีย แพลนเตชั่น แคปปิตอล ยังทำการวิจัยอย่างครอบคลุมเพื่อหาทางรับมือกับสภาพการณ์หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อรับประกันความต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทพยายามสร้างโอกาสการเติบโตด้วยการแตกไลน์ธุรกิจให้มีความหลากหลายกว่าเดิม เช่น การปลูกต้นมะพร้าว ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนแนวคิดขยะเหลือศูนย์ (zero waste) เพราะทุกส่วนของมะพร้าวสามารถนำไปผลิตสินค้ามากมาย เช่น กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมะพร้าว และเชื้อเพลิงชีวมวล
สตีฟ วัตส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอเชีย แพลนเตชั่น แคปปิตอล กล่าวว่า “เราลุกขึ้นมารับมือกับความท้าทายที่ไม่เคยประสบมาก่อน และกำลังใช้มาตรการใหม่เพื่อทำให้ธุรกิจมีความสามารถในการฟื้นตัวมากขึ้นในอนาคต เป้าหมายหลักของบริษัทคือการฟื้นฟูและสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจ เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการก้าวไปข้างหน้าและปกป้องผลประโยชน์ของลูกค้า พร้อมกับมุ่งสู่เป้าหมายและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของลูกค้า”
เกี่ยวกับเอเชีย แพลนเตชั่น แคปปิตอล
เอเชีย แพลนเตชั่น แคปปิตอล ลงทุนมหาศาลในการทำธุรกิจปลูกป่ากฤษณาในประเทศไทยและมาเลเซีย โดยมีการพัฒนาพื้นที่ปลูกและโรงงานหลายแห่งเพื่อผลิตไม้กฤษณาและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะส่งออกไปยังต่างประเทศ บริษัทเดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจในมาเลเซียด้วยการย้ายสำนักงานใหญ่ไปเปิดใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ หนึ่งปีหลังจากเปิดโรงงานแปรรูปไม้กฤษณาและโรงกลั่นน้ำมันกฤษณาขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เมืองยะโฮร์บาห์รู
เอเชีย แพลนเตชั่น แคปปิตอล คือกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจและบริหารจัดการพื้นที่ปลูกป่ากฤษณาอย่างยั่งยืนและได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย บริษัทดำเนินโครงการใน 4 ทวีป และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม คณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ของบริษัทประกอบด้วยนักวิชาการระดับแนวหน้าจากนานาประเทศ ซึ่งร่วมกันพัฒนาระบบและเทคโนโลยีชั้นนำของอุตสาหกรรม
เอเชีย แพลนเตชั่น แคปปิตอล ให้ความสำคัญกับโครงการเพาะปลูกเชิงพาณิชย์และธุรกิจแบบบูรณาการแนวดิ่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชุมชน สิ่งแวดล้อม และการค้า จึงก้าวขึ้นเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จและไม่หยุดนิ่งตามหลักการสร้างความสมดุล 3 ด้าน (Triple Bottom Line)