ลอนดอน--11 ส.ค.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
ผลสำรวจความเห็นซีอีโอทั่วโลกฉบับใหม่ของ PwC มองแนวโน้มการเติบโต และผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อวิธีการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันและในอนาคต
ซีอีโอมองว่า การเปลี่ยนแปลงไปสู่การทำงานจากระบบทางไกล การใช้ระบบอัตโนมัติ และสำนักงานที่มีความหนาแน่นต่ำจะยังคงมีอยู่ต่อไป
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความปลอดภัยของระบบห่วงโซ่อุปทาน และการปรับตัวรับประสบการณ์ของผู้บริโภค เป็นเทรนด์เพิ่มเติมที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว
ผลสำรวจความเห็นซีอีโอทั่วโลกจำนวน 699 คนฉบับใหม่ที่ PwC เผยแพร่ออกมาพบว่า ซีอีโอได้ตอกย้ำความสำคัญของความจำเป็น ที่ผู้นำภาคธุรกิจและผู้กำหนดนโยบายต้องคิดทบทวนอย่างลึกซึ้งถึงวิธีการวางแผน ลงทุน และดำเนินการในอนาคต
ในผลสำรวจดังกล่าว ซีอีโอส่วนใหญ่เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปสู่การทำงานร่วมกันในระบบทางไกล (78%), ระบบอัตโนมัติ (76%) และผู้ที่ทำงานจากสำนักงานที่มีจำนวนลดลง (61%) จะยังคงเกิดขึ้นต่อไป ขณะที่ซีอีโอ 61% ระบุว่า รูปแบบธุรกิจของพวกเขาจะเป็นระบบดิจิทัลมากขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดเร็วขึ้นเนื่องจากโรคระบาดนี้
การตอบแบบสำรวจพบว่า โครงสร้างพื้นฐานในระบบดิจิทัล การทำงานที่ยืดหยุ่น และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน จะเป็นเรื่องสำคัญในนโยบายของกรรมการบริษัท ขณะที่พวกเขาจะปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจใหม่เพื่อทำให้ธุรกิจเติบโตในช่วง 12 เดือนข้างหน้าและต่อจากนั้น ส่วนซีอีโอ 58% ระบุว่า การรับประกันความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทานจะยังคงเป็นเรื่องที่พวกเขาให้ความสำคัญ โดยจะขับเคลื่อนการลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อทำให้สามารถติดตามผลิตภัณฑ์นับตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการส่งมอบได้ และเพื่อรับประกันว่า ซัพพลายเออร์และพันธมิตรของพวกเขาสามารถปรับตัวได้ในช่วงเวลาวิกฤติ
บ็อบ มอริทซ์ ประธานบริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส อินเตอร์เนชันแนล ลิมิเต็ด (PwC) กล่าวว่า “ผู้นำภาคธุรกิจต้องทำให้บริษัทดำเนินงานต่อไปทุกวัน ขณะเดียวกันก็ต้องทบทวนแผนกลยุทธ์อย่างลึกซึ้งเพื่อวันพรุ่งนี้ด้วย เพื่อให้ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งนี้ด้วยความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนธุรกิจใหม่ให้ประสบผลสำเร็จท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขาจำเป็นต้องทำ โดยนอกจากจะต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงในสังคมที่เกิดเร็วขึ้นเนื่องจากโรคโควิด-19 และความคาดหวังมากขึ้นของผู้ถือผลประโยชน์โดยรวมแล้ว ยังต้องคิดถึงประเด็นอื่น ๆ ที่กำลังจะเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจในอนาคตของพวกเขาในเชิงปัจจัยพื้นฐานด้วย นับตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศไปจนถึงเรื่องประชานิยม”
ซีอีโอเกือบ 2 ใน 5 หรือ 39% เชื่อว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การดึงฐานการผลิตกลับประเทศ (onshoring) และการมอบงานให้ฝ่ายอื่นภายในองค์กร (insourcing) อย่างถาวร และซีอีโอจำนวนเดียวกันคาดว่า ระบบชาตินิยมจะเพิ่มขึ้นในระยะยาว ซึ่งเป็นการสวนกระแสโลกาภิวัตน์ที่มีมานานหลายทศวรรษ
คริสติน ริเวอร่า หัวหน้าสายงาน Forensics & Crisis ของ PwC US ให้ความเห็นว่า:
“การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เตือนซีอีโอให้นึกถึงความสำคัญของการสร้างการปรับตัวให้อยู่ในรูปแบบการดำเนินธุรกิจของพวกเขา บริษัทที่สามารถนำวิธีการทำงานในระบบดิจิทัลมาใช้ หรือเปลี่ยนระบบห่วงโซ่อุปทานได้ในทันทีจะสามารถรับมือกับผลกระทบได้ดีกว่า ขณะนี้ ซีอีโอจึงต้องจัดการกับสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น พร้อม ๆ กับคิดทบทวนว่าพวกเขาจะดำเนินธุรกิจอย่างไรในอนาคต นวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นในช่วงวิกฤติไม่ได้เหมาะสมกับระยะยาวทุกตัว แต่ยังคงมีสิ่งต่าง ๆ อีกมากมายที่ต้องเรียนรู้”
ซีอีโอมีความเห็นระมัดระวังต่อแนวโน้มการเติบโตของรายได้ของพวกเขาในปีหน้า (45% ค่อนข้างมั่นใจ ขณะที่ 15% มั่นใจมาก) โดยซีอีโอ 65% คาดว่า รายได้จะลดลงทั่วโลก ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกมีมากที่สุดในแอฟริกา ยุโรปกลางและตะวันออก เอเชีย และลาตินอเมริกา
ผู้นำภาคธุรกิจเชื่อด้วยว่า โรคระบาดครั้งนี้ได้เพิ่มความสำคัญของการจัดการกับประเด็นต่าง ๆ ของผู้มีส่วนได้เสีย โดยเฉพาะพนักงาน ซึ่งมาตรการช่วยเหลือพนักงานได้แก่สุขภาพและความปลอดภัย (92%), ความเป็นอยู่ที่ดี (61%) และการสนับสนุนทางการเงิน (24%) โดยซีอีโอ 42% สมทบทุนให้แก่องค์กรชุมชนต่าง ๆ และผู้นำภาคธุรกิจเกือบ 1 ใน 3 หรือ 32% ได้ลดเงินเดือนของตนเองลง ขณะที่ซีอีโอที่รักษาการจ้างงานไว้ให้มากที่สุด (36%) และปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน (92%) เชื่อว่า สิ่งนี้จะมีผลบวกต่อชื่อเสียงในระยะยาวขององค์กรของพวกเขา
ภูชาน เซธี หัวหน้าร่วมฝ่าย People and Organisation ของ PwC US ให้ความเห็นว่า:
“การเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นไปสู่การทำงานแบบยืดหยุ่นกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับบริษัทหลายแห่ง ไม่ว่าจะมีรูปแบบใหม่ใด ๆ เกิดขึ้นก็ตาม ก็เห็นได้ชัดว่า นโยบายที่มุ่งเน้นไปที่พนักงานที่ลงทุนในความปลอดภัย การป้องกัน และความเป็นอยู่ที่ดีนั้น อาจจะกลายเป็นปัจจัยใหม่ที่สร้างความแตกต่างให้แก่การรับสมัครงาน การรักษาการจ้างงาน และชื่อเสียงของบริษัท”
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากโรคโควิด-19 ครั้งนี้ทำให้ซีอีโอมีงานเพิ่มขึ้นมาซึ่งเดิมทีก็มีมากอยู่แล้ว โดยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศยังคงเป็นเทรนด์ที่ทรงอิทธิพลสำหรับผู้บริโภคและธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งผู้นำภาคธุรกิจส่วนใหญ่ (47%) ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงไปสู่การบรรเทาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศจะเกิดขึ้นต่อไป ขณะเดียวกันผู้นำภาคธุรกิจเชื่อว่า ของที่ใช้แล้วทิ้ง (อาทิ อุปกรณ์ทำความสะอาด, หน้ากาก) ที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้น และการลดการใช้เศรษฐกิจแบบแบ่งปันนั้น จะเกิดขึ้นในระยะสั้น ๆ เท่านั้น
การลดการเข้าเมือง
ซีอีโอส่วนใหญ่ (61%) เชื่อว่า สถานที่ทำงานจะหนาแน่นน้อยลงกว่าในช่วงก่อนหน้า แต่พวกเขายังคงมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับบทบาทของเมืองในอนาคต โดย 34% เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงไปสู่การย้ายจากเมืองไปยังชนบทนั้นจะเกิดขึ้นต่อไป ขณะที่ 34% เชื่อว่า จะเกิดขึ้นชั่วคราว
เห็นต่างกันเกี่ยวกับบทบาทของรัฐบาล
ผู้นำภาคธุรกิจไม่คาดหวังว่าจะมีมาตรการสนับสนุนต่อเนื่องจากรัฐบาล โดยส่วนใหญ่ (57%) เชื่อว่า รัฐจะเข้าแทรกแซงในช่วงระยะสั้น แม้มีโอกาสที่รัฐบาลจะใช้การสนับสนุนดังกล่าวเพื่อสร้างอิทธิพลต่อการฟื้นฟูจากโควิด-19 และนโยบายที่มีผลต่อธุรกิจก็ตาม ขณะที่ซีอีโอไม่ถึง 1 ใน 3 หรือ 30% เชื่อว่า รัฐบาลจะออกมาตรการสนับสนุนต่อไป แม้การเติบโตของทั่วโลกและขององค์กรมีแนวโน้มมืดมนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าก็ตาม ขณะที่ซีอีโอ 1 ใน 5 รายระบุว่า พวกเขาปฏิเสธมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือธุรกิจของพวกเขาในช่วงโรคระบาด
บ็อบ มอริทซ์ ให้ความเห็นว่า:
“ซีอีโอบางท่านอาจจะรู้สึกว่า พวกเขาได้ผ่านบททดสอบที่สำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญในขณะนี้ก็คือการใช้ความรู้สำคัญที่ได้รับมาเกี่ยวกับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อธุรกิจและสังคม การเปลี่ยนแปลงในระยะยาวมากที่สุดในการแพร่ระบาดครั้งนี้ก็คือความจริงที่ว่า จะไม่มีทางเลือกระหว่างระยะยาวและระยะสั้นอีกต่อไป พวกเราต้องจัดการทั้งสองอย่าง”
เกี่ยวกับผลสำรวจ:
ผลสำรวจความเห็นซีอีโอของ PwC จัดทำขึ้นในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2563 โดยเป็นการต่อยอดผลสำรวจ PwC's Global CEO Survey ซึ่งสะท้อนมุมมองของซีอีโอ 699 คนเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่ และเทรนด์สำคัญที่เป็นผลมาจากโรคโควิด-19 ทั้งนี้ ซีอีโอกลุ่มนี้เป็นผู้นำของธุรกิจส่วนตัวและบริษัทมหาชน รวมทั้งบริษัทขนาดเล็ก และองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ที่มีมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรม ประเทศ และดินแดนที่มีความหลากหลาย ผู้ตอบแบบสำรวจมาจาก 67 ประเทศ/ดินแดน ซึ่งรวมถึงยุโรปตะวันตก (ผู้ตอบแบบสำรวจ 42%) อเมริกาเหนือ (7%) ตะวันออกกลาง (3%)
เกี่ยวกับ PwC
PwC มุ่งมั่นสร้างความไว้วางใจในสังคมและแก้ปัญหาที่สำคัญ เราคือเครือข่ายบริษัทที่ดำเนินธุรกิจใน 157 ประเทศ และมีบุคลากรกว่า 276,000 คนที่ทุ่มเทให้บริการด้านการประกันภัย การให้คำปรึกษา และภาษี สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและแสดงความคิดเห็นได้ที่ www.pwc.com
PwC หมายถึงเครือข่ายบริษัท PwC และ/หรือ บริษัทสมาชิกหนึ่งบริษัทหรือหลายบริษัท โดยแต่ละบริษัทเป็นนิติบุคคลที่แยกกันชัดเจน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.pwc.com/structure
(C) 2020 PwC ขอสงวนสิทธิ
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1121790/PWC_Logo.jpg