ปักกิ่ง--21 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
การประชุมสุดยอดปักกิ่งเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Beijing Summit) ครั้งที่ 3 จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 17-18 กันยายน 2563 ภายใต้ธีม "Creativity empowers cities, technology creates the future" (ความคิดสร้างสรรค์สร้างพลังให้กับเมือง เทคโนโลยีสร้างอนาคต) งานนี้ร่วมกันจัดโดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก), กระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน, เทศบาลกรุงปักกิ่ง และคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยยูเนสโกของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่ของยูเนสโก กล่าวในพิธีเปิดงานว่า "ปักกิ่ง ในฐานะเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ (City of Design) ภายใต้เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UCCN) เป็นตัวอย่างที่ดีในการผสานประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปีกับเทคโนโลยีสุดล้ำ"
"ปักกิ่งมีความพิเศษในฐานะเมืองแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความร่วมมือ และนวัตกรรม โดยการพัฒนาเมืองจะเป็นตัวกำหนดภาพของสังคมในอนาคต"
ระหว่างการจัดงานได้มีการเปิดตัวเอกสารออนไลน์ "UNESCO Creative Cities' Response to the COVID-19" (การตอบสนองต่อโควิด-19 ของเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก) ซึ่งรวบรวมแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของเมืองทั่วโลกที่เป็นสมาชิก UCCN ในการใช้พลังของวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองต่อโควิด-19 โดยเอกสารดังกล่าวเผยแพร่ในภาษาจีน อังกฤษ ฝรั่งเศส และอีกไม่นานนี้จะมีภาษาสเปนด้วย
งานนี้ประกอบด้วยการประชุมหลัก 1 รายการ และการอภิปรายแบบคณะ 3 รายการ โดยการประชุมหลักในหัวข้อ "Creativity and Innovation: A path to the cities of tomorrow" (ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม: หนทางสู่การสร้างสรรค์เมืองแห่งอนาคต) ได้ตอกย้ำเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงความสำคัญของความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม ในฐานะแรงขับในการสร้างเมืองที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นมากขึ้นในอนาคต ส่วนการอภิปรายแบบคณะมีการตอกย้ำ 3 หัวข้อสำคัญ หนึ่งคือเมืองสร้างสรรค์ สองคือวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ สามคือความร่วมมือระหว่างเมือง
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.shejiyun.net/
เกี่ยวกับเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UCCN)
UCCN จัดตั้งขึ้นในปี 2547 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเมืองต่าง ๆ ที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ในฐานะกลยุทธ์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ปัจจุบันเครือข่ายนี้มีเมืองสมาชิก 246 เมือง ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ การชูอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์เป็นหัวใจของแผนพัฒนาในระดับท้องถิ่น รวมถึงการสร้างความร่วมมืออย่างจริงจังในระดับนานาชาติ