เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จีนได้จัดงานรำลึกครบรอบ 70 ปี เหตุการณ์กองทัพอาสาประชาชนจีนเดินทัพเข้าสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เพื่อเข้าร่วมสงครามต่อต้านการรุกรานของสหรัฐและช่วยเหลือเกาหลีเหนือ (พ.ศ. 2493-2496)
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง ได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานดังกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้คนในชาติจดจำประวัติศาสตร์ สืบสานจิตวิญญาณของกองทัพอาสาประชาชนจีน และพัฒนาระบอบสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีน
อ่านบทความต้นฉบับได้ที่ https://news.cgtn.com/news/2020-10-23/China-refreshes-war-memory-calls-for-cherishing-world-peace-UOK4miJjMs/index.html
รำลึกถึงสงคราม
ในงานดังกล่าว ประธานาธิบดีจีนเน้นย้ำว่า ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสงครามต่อต้านการรุกรานของสหรัฐและช่วยเหลือเกาหลีเหนือ จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติตลอดกาล รวมถึงประวัติศาสตร์ด้านสันติภาพ การพัฒนา และความก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติ
นายสี จิ้นผิง ยกย่องความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของสงครามต่อต้านการรุกรานของสหรัฐและช่วยเหลือเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า ?สงครามครั้งยิ่งใหญ่? ช่วยต้านทานการรุกรานและการแผ่อิทธิพลของลัทธิจักรวรรดินิยม ทั้งยังช่วยรักษาความมั่นคงของจีนยุคใหม่ด้วย
เขากล่าวเสริมว่า สงครามดังกล่าวยังช่วยรักษาชีวิตอันสงบสุขของชาวจีน สร้างเสถียรภาพในคาบสมุทรเกาหลี ตลอดจนสร้างสันติภาพในเอเชียและทั่วโลก
8 เดือนหลังการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน สงครามเกาหลีได้ปะทุขึ้นในเดือนมิถุนายน 2593 จากนั้นไม่นาน เปลวไฟแห่งสงครามได้ลุกลามมาถึงแม่น้ำยาลู่ที่กั้นระหว่างจีนกับเกาหลีเหนือ และสร้างความหายนะให้กับเมืองตานตงในมณฑลเหลียวหนิงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยอาคารบ้านเรือนถูกทิ้งระเบิด และพลเรือนต้องเสียชีวิตจากการถูกสหรัฐโจมตีทางอากาศ
ในขณะนั้น จีนยุคใหม่ยังมีกองทัพที่อ่อนแอ ปราศจากกองทัพอากาศและกองทัพเรือที่สามารถสู้รบได้ อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบรับคำขอของเกาหลีเหนือ ด้วยการส่งกองทัพอาสาประชาชนจีนเข้าไปในคาบสมุทรเกาหลีในเดือนตุลาคม 2593 เพื่อช่วยเหลือเกาหลีเหนือจนกระทั่งมีการทำข้อตกลงพักรบในปี 2596
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า ชัยชนะดังกล่าวเป็นการประกาศว่าจีนยืนหยัดอย่างมั่นคงในโลกตะวันออก และชัยชนะดังกล่าวยังเป็นรากฐานในการสร้างจีนยุคใหม่ในสายตาเอเชียและทั่วโลก
สืบสานจิตวิญญาณของกองทัพอาสาประชาชนจีน
ทหารจากกองทัพอาสาประชาชนจีนรวม 2.9 ล้านนายได้เข้าร่วมสมรภูมิรบตลอดระยะเวลา 2 ปี 9 เดือน และมีทหารกว่า 197,000 นายที่สละชีวิตในสงครามครั้งนี้
นายสี จิ้นผิง ยกย่องความรักชาติของกองทัพอาสาประชาชนจีนซึ่งสู้รบกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างกล้าหาญ พร้อมกับเรียกร้องให้ชาวจีนสืบสานจิตวิญญาณดังกล่าวในจีนยุคใหม่ และมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายในการฟื้นฟูชาติจีน
นายสี จิ้นผิง ระบุว่า กองทัพอาสาประชาชนจีนแสดงให้เห็นถึงความรักชาติ ความกล้าหาญ การมองโลกในแง่ดี การอุทิศตนทำหน้าที่ของตนเอง รวมถึงจิตวิญญาณในการสร้างสันติภาพของโลกและความยุติธรรมในสงคราม ซึ่งทั้งหมดนี้ควรถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น
ประธานาธิบดีจีนกล่าวเสริมว่า การยืนหยัดอย่างมั่นคงในสงครามจะสร้างแรงบันดาลใจให้ชาวจีนทั้งชาติร่วมแรงร่วมใจกันต่อต้านอำนาจครอบงำ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการสู้รบ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะก้าวข้ามความท้าทายและอุปสรรคต่าง ๆ ที่ขวางหน้า
รักษาสันติภาพของโลก
การรำลึกถึงสงครามไม่ใช่การสร้างความเกลียดชังอย่างไม่จบสิ้น แต่เป็นการดึงความกล้าหาญในอดีตมาใช้รับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ในปัจจุบัน ตลอดจนส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาโลกของเราให้ดียิ่งขึ้น
ในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ นายสี จิ้นผิง ย้ำว่าชัยชนะในสงครามแสดงให้เห็นว่าความยุติธรรมย่อมมีชัยเหนืออำนาจอย่างแน่นอน และการพัฒนาอย่างสันติก็เป็นทิศทางที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
นายสี จิ้นผิง เรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมกันรักษาสันติภาพและความยุติธรรมของโลก โดยระบุว่าจีนในฐานะประเทศใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ พร้อมที่จะทำงานกับประชาคมโลกเพื่อสร้างอนาคตของมนุษยชาติร่วมกัน
จีนยึดมั่นในนโยบายการป้องกันประเทศเชิงรับ โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ย้ำว่ากองทัพจีนจะเป็นกองกำลังที่เข้มแข็งเพื่อรักษาสันติภาพของโลก
นายสี จิ้นผิง ยังกล่าวด้วยว่าชาวจีนรักความสงบ แต่จะไม่มีวันประนีประนอมหากเผชิญกับภัยคุกคามหรือถูกกดขี่ข่มเหง
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ?จีนไม่เคยแสวงหาความเป็นใหญ่หรือขยายอิทธิพล จีนต่อต้านการใช้อำนาจครอบงำและการเมืองอำนาจนิยม? และย้ำว่าจีนจะไม่มีวันยอมให้อำนาจอธิปไตย ความมั่นคงของชาติ และผลประโยชน์ถูกทำลาย
นายสี จิ้นผิง ย้ำว่า ชาวจีนมีความเข้มแข็งและมั่นใจ ในขณะที่มองไปยังอนาคตอันสดใสของการฟื้นฟูชาติ