ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมสภาพอากาศก้าวขึ้นเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรมที่เป้าหมายของบริษัทได้รับการรับรองจาก Science-Based Targets Initiative (SBTi) และเป็นหนึ่งในบริษัทเพียง 47 แห่งที่ผ่านการรับรองสองครั้ง
Trane Technologies (NYSE: TT) ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมสภาพอากาศ ประกาศเมื่อวันที่ 15 มีนาคมว่า บริษัทวางแผนลดการปล่อยคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ลงเกือบ 50% ภายในปี 2573 และเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ดังกล่าวผ่านการรับรองจาก Science Based Targets Initiative (SBTi)
เป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ลงครึ่งหนึ่งภายในศตวรรษหน้า ถือเป็นการสนับสนุนพันธกิจเพื่อความยั่งยืนปี 2573 ของ Trane Technologies อันประกอบด้วย Gigaton Challenge ซึ่งเป็นความพยายามลดการปล่อยคาร์บอนของลูกค้าลง 1 พันล้านเมตริกตัน นอกจากนั้นยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายของความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบรรลุเป้าหมายปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ทั่วโลกภายในปี 2593
"ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมสภาพอากาศ เราสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" Mike Lamach ประธานและซีอีโอของ Trane Technologies กล่าว "15% ของการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกมาจากการทำความร้อนและความเย็นภายในอาคาร และอีก 10% มาจากการสูญเสียอาหาร (food loss) เรากำลังเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของเราเอง ตลอดจนปฏิวัติวิธีการทำความร้อนและความเย็นภายในอาคาร รวมถึงการขนส่งสินค้าแช่แข็งทั่วโลก"
"การรับรองจาก SBTi เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับการดำเนินงานของเรา พันธกิจของเราจริงจัง อ้างอิงข้อมูลและข้อเท็จจริง ผ่านการรับรองจากองค์กรภายนอก และสอดคล้องกับภูมิอากาศศาสตร์ ทั้งนี้ การแก้ปัญหาเร่งด่วนด้านสภาพภูมิอากาศต้องอาศัยความร่วมมือของทั่วโลก เราจึงขอเชิญชวนให้บริษัทอื่น ๆ มาร่วมลงมือทำอย่างจริงจังเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการกำหนดเป้าหมายที่มีวิทยาศาสตร์รองรับ ทีมงานของเราทั่วโลกกำลังทำงานอย่างหนักทุกวันเพื่อบรรลุเป้าหมายของเรา รวมทั้งสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและมีความเท่าเทียมกันมากขึ้น"
Trane Technologies เดินหน้าสร้างความยั่งยืนผ่าน Center for Energy Efficiency and Sustainability (CEES) และผ่านการร่วมมือกับภาครัฐ ผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม หน่วยงานเอ็นจีโอ และสภาที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนของบริษัท โดย Andrew Winston ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ผู้เขียนหนังสือ Green to Gold และสมาชิกสภาที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน กล่าวเสริมว่า "เป้าหมายของ Trane Technologies ที่มีวิทยาศาสตร์รองรับ ถือเป็นก้าวสำคัญในทิศทางที่ถูกต้อง และบริษัทต่าง ๆ สามารถมีบทบาทเชิงรุกในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหากตั้งเป้าหมายอย่างจริงจังและทำตามเป้าหมายอย่างเต็มที่ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในอัตราที่รวดเร็วตามความจำเป็นทางวิทยาศาสตร์"
Trane Technologies มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในการบรรลุเป้าหมายภายใต้พันธกิจเพื่อความยั่งยืนปี 2573 ผ่านการดำเนินการดังต่อไปนี้
- เปิดตัว Sintesis Balance โซลูชันทำความร้อนและความเย็นเชิงพาณิชย์ที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์เมื่อใช้ควบคู่กับพลังงานหมุนเวียน
- เปลี่ยนฐานการผลิต 15 แห่งให้ใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
- เปลี่ยนโซลูชันการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิของ Thermo King ให้ใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งรวมถึง E-200 Refrigeration Unit ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบและปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
นอกจากนี้ บริษัทยังรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งใน 615 บริษัททั่วโลกที่กำหนดเป้าหมายโดยมีวิทยาศาสตร์รองรับ และเป็นหนึ่งในบริษัทเพียง 47 แห่งที่ผ่านการรับรองจาก SBTi สองครั้ง โดยบริษัทที่ผ่านการรับรองล้วนเป็นบริษัทที่มุ่งมั่นสนับสนุนเป้าหมายในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
ในปี 2557 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งผ่านการรับรองจาก SBTi เช่นกัน โดยบริษัทบรรลุเป้าหมายทั้งหมดภายใต้พันธกิจเพื่อความยั่งยืนปี 2563 ก่อนกำหนดถึงสองปี ซึ่งรวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากผลิตภัณฑ์แช่แข็งลง 53% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานลง 45% ทั้งยังลงทุนกว่า 500 ล้านดอลลาร์ในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะยาว ทั้งนี้ พันธกิจเพื่อความยั่งยืนปี 2573 สะท้อนเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมเพื่อความยั่งยืนทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
เกี่ยวกับ Trane Technologies
Trane Technologies เป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมสภาพอากาศ บริษัทส่งมอบโซลูชันด้านสภาพอากาศที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนให้แก่อาคาร บ้านเรือน และระบบขนส่ง ภายใต้แบรนด์หลัก ได้แก่ Trane และ Thermo King โดยครอบคลุมผลิตภัณฑ์และบริการมากมายที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TraneTechnologies.com
ข้อความคาดการณ์อนาคต
ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มี "ข้อความคาดการณ์อนาคต" ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต โดยครอบคลุมถึงข้อความที่เกี่ยวข้องกับผลการดำเนินงานในอนาคตและพันธกิจเพื่อความยั่งยืนของเรา ข้อความคาดการณ์อนาคตอ้างอิงจากการคาดการณ์ในปัจจุบันของเรา ซึ่งมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนหลายประการที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงออกมาแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ เช่น การเปลี่ยนแปลงกฎหมายและข้อบังคับ สภาพเศรษฐกิจโลก ผลของการฟ้องร้องดำเนินคดี รวมถึงความสามารถของเราในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ และการยอมรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในตลาดที่เราให้บริการ สำหรับปัจจัยเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่รายงานประจำปี Form 10-K สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 และรายงานประจำไตรมาส Form 10-Q รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่ยื่นให้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ทั้งนี้ เราไม่มีภาระหน้าที่หรือข้อผูกมัดใด ๆ ในการปรับปรุงแก้ไขข้อความคาดการณ์อนาคต