มาตรการสนับสนุนเอสเอ็มอีในอาเซียนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดให้กลับมาฟื้นตัวและเติบโตของยูโอบีส่งผลให้ธนาคารได้รับรางวัล World's Best Bank for SMEs จาก Euromoney

ธนาคารยูโอบีคว้ารางวัล World's Best Bank for SMEs จากงาน Global Awards for Excellence 2021 ซึ่งจัดโดย Euromoney โดยพิจารณาจากความแข็งแกร่งในการเชื่อมโยงธุรกิจในภูมิภาค ความเชี่ยวชาญ และการให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SME) เพื่อให้กลับมาฟื้นตัวและเติบโตหลังสถานการณ์โรคระบาด ธนาคารยังได้รับรางวัลด้าน SME อื่นๆ เช่น รางวัล Best SME Bank ในประเทศสิงคโปร์และในระดับเอเชียแปซิฟิคจาก The Asian Banker's Excellence in Retail Financial Services International Awards ในเดือนมิถุนายนปีนี้

การสร้างรูปแบบธุรกิจที่ยืดหยุ่นเพื่อก้าวผ่านสถานการณ์โรคระบาดไปได้

เพราะยูโอบีเข้าใจดีว่า SME คือกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจในภูมิภาค เราจึงออกมาตรการรับมือและสนับสนุนตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ยูโอบีประกาศโครงการให้ความช่วยเหลือ SME ในสิงคโปร์ที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์[1] ก่อนที่รัฐบาลจะออกนโยบายรับมือออกมา

ยูโอบียังเป็นธนาคารแรกที่จัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อการปรับโครงสร้างขึ้น ซึ่งมีหน้าที่ประสานงานกับลูกค้าเพื่อรับทราบข้อมูลปัญหาและความท้าทายที่ลูกค้าเผชิญอยู่ เพื่อให้ความช่วยเหลือในการปรับเปลี่ยนความต้องการทางการเงิน จนถึงวันนี้ ยูโอบีได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SME ทั่วภูมิภาคมากกว่า 20,000 รายเพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้

นาย วี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า "เราเข้าใจความท้าทายที่แตกต่างกันที่ผู้ประกอบการ SME แต่ละรายต้องเผชิญเมื่อต้องดำเนินธุรกิจท่ามกลางภาวะหยุดชะงักที่เกิดจากสถานการณ์โรคระบาดและเราพร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าทุกท่านเพื่อผ่านวิกฤตนี้ไปได้ นอกจากโครงการให้ความช่วยเหลือบริษัทที่ได้รับผลกระทบแล้ว เรายังช่วยลูกค้าปรับเปลี่ยนธุรกิจเชิงดิจิทัล คว้าโอกาสข้ามพรมแดน และเติบโตขึ้นอย่างมีความรับผิดชอบในระยะยาว

รางวัล World's Best Bank for SMEs จาก Euromoney คือเครื่องพิสูจน์ถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของยูโอบีในการเข้าใจความต้องการของลูกค้ากลุ่ม SME และตระหนักอยู่เสมอว่าความต้องการของลูกค้าเป็นหัวใจหลักของการนำเสนอโซลูชันและบริการ เรามุ่งมั่นสนับสนุนลูกค้ากลุ่ม SME ให้ผ่านทุกช่วงเวลาของเศรษฐกิจ และพร้อมร่วมมือกับลูกค้าในการสร้างธุรกิจที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนต่อไปในอนาคต"

การสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ในการปรับองค์กรสู่ดิจิทัล

ยูโอบีตระหนักถึงความสำคัญที่เพิ่มมากขึ้นของ Digitalisation หรือการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับปรุงรูปแบบธุรกิจหรือกระบวนการทำงานเพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นความจำเป็นที่ถูกเร่งให้เร็วขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 เราจึงช่วยสนับสนุน SME ให้เข้าถึงการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลได้มากขึ้น เช่น ยูโอบีได้เปิดตัวบริการชำระเงินแบบไร้สัมผัส PayNow Corporate แก่ผู้ประกอบการ SME[2] ในสิงคโปร์ ซึ่งเพิ่มสะดวกให้แก่ทั้งผู้บริโภคและผู้ขาย ปริมาณธุรกรรมผ่านบริการ PayNow Corporate ของลูกค้ากลุ่ม SME ของยูโอบีเพิ่มขึ้นมากกว่า 50 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2562

นอกจากนี้ ยูโอบียังนำเสนอชุดโซลูชันธุรกิจที่ครอบคลุมเพื่อให้ SME เข้าสู่โลกดิจิทัลและยังเป็นที่รู้จักในเศรษฐกิจยุคดิจิทัล UOB BizSmart เป็นโซลูชันจัดการธุรกิจแบบครบวงจรบนคลาวด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รายได้ของ SME ที่ใช้บริการ UOB BizSmart เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ถึง 30 เมื่อเทียบกับ SME ที่ไม่ได้ใช้บริการนี้ในระหว่างเดือนเมษายน 2563 ถึงเดือนมีนาคม 2564 โดยมีตัวเลข ณ เดือนมีนาคม 2564 ระบุว่าผู้ประกอบการ SME มากกว่า 10,000 รายในสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย ต่างได้รับประโยชน์จากบริการ UOB BizSmart นับตั้งแต่มีการเปิดตัวบริการนี้ในปี 2559

ยูโอบียังนำความสามารถด้านดิจิทัลที่แข็งแกร่งของธนาคารมาต่อยอด เช่น เครื่องมือในการพิจารณาสินเชื่อโดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อประเมินและตอบสนองความต้องการทางการเงินของผู้ประกอบการ SME ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์โรคระบาด[3]

หลุยส์ บาวแมน บรรณาธิการนิตยสาร Euromoney กล่าวว่า "ธนาคารยูโอบีได้พลิกโฉมเครื่องมือในการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารครั้งใหญ่โดยใช้เมตริกข้อมูลทางเลือกแบบใหม่ในการวิเคราะห์บริหารจัดการความเสี่ยง ยูโอบีไม่เพียงให้บริการนวัตกรรมด้านดิจิทัลเพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่บริษัทขนาดเล็กเท่านั้น แต่ยังได้นำเสนอโซลูชันเพื่อ SME ในการจัดการระบบบัญชี เงินเดือน และฟังก์ชันด้านทรัพยากรมนุษย์อื่นๆ ไว้ด้วยกัน เพื่อให้SME บริหารจัดการงานด้านโลจิสติกส์ของบริษัทได้"

การเข้าถึงเงินทุนที่ยั่งยืนได้ง่ายยิ่งขึ้น

ยูโอบียังเล็งเห็นว่าการสร้างรูปแบบธุรกิจที่ยั่งยืนเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับ SME ที่ต้องการร่วมมือกับบริษัทขนาดใหญ่ที่ต่างหันมาดำเนินการตามมาตรฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืนจำนวนมากขึ้น

ในปี 2563 ยูโอบีได้เปิดตัวกรอบแนวคิดการเข้าถึงเงินทุนที่ยั่งยืนเพื่อให้การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับธุรกิจ กรอบแนวคิดเหล่านี้กำหนดหลักเกณฑ์ที่บริษัทต้องปฏิบัติตามเพื่อเข้าถึงผลิตภัณฑ์ธนาคารด้านความยั่งยืนและลดความจำเป็นในการพัฒนากรอบแนวคิดของ SME เองลง นอกจากนี้ กรอบแนวคิดของธนาคารยังให้คำแนะนำในด้านการวัดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคมเพื่อช่วยให้ SME ติดตามผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ กรอบแนวคิดเหล่านี้ยังช่วยให้ SME เข้าถึงเงินทุนที่ยั่งยืนได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย

บริษัท Kim Heng Limited ผู้ให้บริการห่วงโซ่มูลค่าชั้นนำในอุตสาหกรรมนอกชายฝั่งและการขนส่งทางเรือ เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อสีเขียวภายใต้กรอบแนวคิดการเข้าถึงเงินทุนที่ยั่งยืนเพื่อเมืองอัจฉริยะของยูโอบี[4]. ก่อนหน้านี้ บริษัทได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาด สินเชื่อสีเขียวนี้ได้เข้าไปช่วยให้บริษัทกระจายธุรกิจสู่อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน โดยเริ่มดำเนินโครงการ เช่น โครงการพลังงานลมในไต้หวันและเวียดนาม

การอำนวยความสะดวกเพื่อการเติบโตข้ามพรมแดนสำหรับ SME

จากการมีสำนักงานครอบคลุมทั่วภูมิภาคและระบบนิเวศที่มีพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ทั่วอาเซียนและเกรธเธอร์ ไชน่า ยูโอบีจึงให้ความช่วยเหลือทางการเงินและคำปรึกษาที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ SME จำนวนมากขยายธุรกิจได้ เช่น ธนาคารร่วมมือกับลูกค้าเรื่องโซลูชันการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานทางการเงินเพื่อให้ SME ในอาเซียนได้รับสินเชื่ออย่างมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น จากการที่ SME มักต้องเผชิญปัญหาด้านสภาพคล่องจากเงื่อนไขการชำระเงินของลูกค้าขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างนาน ดังนั้น การเข้าถึงเงินทุนที่จำเป็นอย่างยิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการรับมือกับความต้องการด้านการผลิตของตนได้ในเวลาที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ยูโอบียังช่วยให้บริษัทมากกว่า 3,500 แห่งขยายธุรกิจทั่วเอเชียและส่งเสริมการไหลของธุรกิจในภูมิภาคมูลค่ามากกว่า 270 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ผ่านความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับหน่วยงานราชการ องค์กรการค้าและอุตสาหกรรมทั่วภูมิภาค