SuperTurbo(TM) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์สันดาปภายใน ลดต้นทุน และลดการปล่อยมลภาวะอันตราย
ซูเปอร์เทอร์โบ เทคโนโลยีจีส์ (SuperTurbo Technologies Inc.) หรือซูเปอร์เทอร์โบ และลินามาร์ คอร์ปอเรชัน (Linamar Corporation) หรือลินามาร์ ประกาศในวันนี้ว่า ทั้งสองบริษัทได้บรรลุข้อตกลงให้สิทธิจำกัดแต่เพียงผู้เดียว เพื่อนำเทคโนโลยีพลิกวงการอย่าง SuperTurbo(TM) มาสู่ตลาด เทคโนโลยี SuperTurbo(TM) ที่ว่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สันดาปภายในเชื้อเพลิงดีเซล ไฮโดรเจน และก๊าซธรรมชาติ พร้อมลดการปล่อยมลภาวะอันตรายลงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทแม็คลาเรน เอนจิเนียริง (McLaren Engineering) ในเครือลินามาร์ จะทำหน้าที่ผลิตหน่วยต้นแบบเพื่อใช้ทดสอบความคงทน และเมื่อทดสอบเป็นอันแล้วเสร็จ ข้อตกลงให้สิทธิจำกัดแต่เพียงผู้เดียวนี้จะมอบหมายให้ลินามาร์เป็นผู้ผลิตและทดสอบเทคโนโลยี SuperTurbos(TM) สู่ตลาดสากล
SuperTurbo(TM) เป็นเทอร์โบชาร์จเจอร์ขับเคลื่อนเชิงกล ที่ให้แรงดันแบบ "ตามสั่ง" ไปยังเครื่องยนต์สันดาปภายใน เปิดโอกาสให้ควบคุมและปรับสมดุลแรงดันเสริมและอัตราส่วนระหว่างอากาศกับเชื้อเพลิงได้อย่างแม่นยำ รองรับเครื่องยนต์สันดาปภายในตั้งแต่ขนาด 7.5 ลิตร ไปจนถึง 16 ลิตร สำหรับการใช้งานทั้งตามท้องถนนและงานก่อสร้าง การใช้งานเหล่านี้จำเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบอันเข้มงวดในเรื่องของการปล่อยมลภาวะและคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งต้องอาศัยระบบบริหารจัดการอากาศที่มีความล้ำหน้า ทุกวันนี้ผู้รับจ้างผลิตเครื่องยนต์ชั้นนำระดับโลกหลายรายยังคงให้ความสนใจใน SuperTurbo(TM) เพื่อใช้เป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบเครื่องยนต์รุ่นใหม่ เพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดด้านการปล่อยมลภาวะ ทั้ง China 7, Euro 7 และ California Air Resource Board/EPA 2024/2027
"ความร่วมมือระหว่างซูเปอร์เทอร์โบกับลินามาร์ ทำให้เราเข้าใกล้ไปอีกขั้นในการพัฒนาเทคโนโลยีในเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพลดการปล่อยมลภาวะ เพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ และลดต้นทุนเชื้อเพลิงลงได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีบูสต์เครื่องยนต์อื่น ๆ" คุณมาร์ค เฮิร์บสต์ (Mark Herbst) ซีอีโอบริษัทซูเปอร์เทอร์โบ กล่าว "ลินามาร์เป็นองค์กรผู้ผลิตระดับเวิลด์คลาสและเป็นพันธมิตรในอุดมคติสำหรับเรา เมื่อกำลังก้าวเข้าสู่ระยะที่สำคัญยิ่งในการส่งมอบผลิตภัณฑ์พร้อมวางจำหน่ายในตลาด เราหวังที่จะงัดใช้ทรัพยากรที่ลินามาร์มีอยู่มากมายทั่วโลกในการผลิตและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั่วโลก"
คุณลินดา ฮาเซนแฟรตซ์ (Linda Hasenfratz) ซีอีโอบริษัทลินามาร์ กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นในการเป็นพันธมิตรกับซูเปอร์เทอร์โบ เพื่อสร้างต้นแบบใช้ทดสอบความคงทนของผลิตภัณฑ์ล้ำยุคที่ช่วยให้เครื่องยนต์สันดาปภายในเชื้อเพลิงดีเซล ไฮโดรเจน และก๊าซธรรมชาติ ปล่อยมลภาวะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมยกระดับสมรรถนะและลดต้นทุนการเป็นเจ้าของโดยรวม สำหรับตลาดรถยนต์เชิงพาณิชย์ทั้งที่ใช้บนท้องถนนและงานอื่น ๆ เรายกให้ซูเปอร์เทอร์โบเป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยีนี้สู่ตลาด ซึ่งจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมของเรา"
นอกเหนือจากความร่วมมือกับลินามาร์แล้ว เมื่อไม่นานมานี้ซูเปอร์เทอร์โบยังได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัทเอวีแอล ลิสต์ (AVL List GmbH) หรือเอวีแอล เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลดการปล่อยคาร์บอนและของเสียจากเครื่องยนต์สันดาปภายในเชื้อเพลิงไฮโดรเจน (H2ICE) โดยเทคโนโลยี SuperTurbo(TM) ซึ่งให้ความสนใจเป็นพิเศษในการใช้งานยานยนต์เชิงพาณิชย์นั้น ได้แสดงให้เห็นศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพแลมบ์ดา เพื่อลดการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์ออกจากเครื่องยนต์ให้เหลือไม่ถึง 1-2 กรัม/กิโลวัตต์ชั่วโมงเหนือช่วงการทำงานของเครื่องยนต์ส่วนใหญ่ ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 4% ในขณะที่ยังคงรักษาภาวะชั่วครู่ที่เร็วแบบดีเซลไว้ได้
เกี่ยวกับซูเปอร์เทอร์โบ เทคโนโลยีจีส์ อิงค์ซูเปอร์เทอร์โบ เทคโนโลยีจีส์ อิงค์ เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบ การพัฒนา และการจำหน่าย SuperTurbos(TM) สำหรับยานพาหนะเชิงพาณิชย์ที่ใช้ตามท้องถนนและงานก่อสร้าง โดย SuperTurbo(TM) เป็นเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องกลที่มีคุณสมบัติ ในการทำให้เหล่าผู้รับจ้างผลิตเครื่องยนต์ควบคุมการไหลเวียนอากาศและระบบลดมลพิษ EGR สำหรับเครื่องยนต์ เพื่อเพิ่มคุณประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านสมรรถนะและการปล่อยมลพิษในการปฏิบัติงานทุกระดับ ส่วนประโยชน์อื่น ๆ นั้นได้แก่การเสริมประสิทธิภาพการทำงานชั่วขณะ การประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิง การนำพลังงานไอเสียกลับมาใช้ใหม่ ผ่านการประกอบ การลดอนุภาค การพัฒนาระบบ Cold Start/Low NOx การลดขนาดเครื่องยนต์ การลดความเร็ว และการพัฒนาระบบเบรกของเครื่องยนต์ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.superturbo.net
เกี่ยวกับลินามาร์ลินามาร์ คอร์ปอเรชัน (TSX: LNR) เป็นบริษัทด้านการผลิตล้ำสมัย โดยการบรรจบกันของเทคโนโลยีล้ำสมัยและความเชี่ยวชาญด้านการผลิตอันล้ำลึก ได้สร้างโซลูชันที่มอบขุมพลังให้กับยานพาหนะ การเคลื่อนย้าย การทำงาน และการดำรงชีวิตเพื่ออนาคต บริษัทลินามาร์ประกอบด้วยการดำเนินงานใน 2 ภาคส่วน ได้แก่ อุตสาหกรรมและยานยนต์ ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้ต่างก็เป็นผู้นำโลกในด้านโซลูชันการผลิตและเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์วิศวกรรมคุณภาพสูงระดับเวิลด์คลาส ในส่วนของอุตสาหกรรมนั้นประกอบด้วยบริษัทสกายแจ็ค (Skyjack) และบริษัทแม็คดอน (MacDon) โดยสกายแจ็คเป็นผู้ผลิตรถกระเช้าขากรรไกร รถบูมลิฟท์ และรถแขนยืดสไลด์ สำหรับอุตสาหกรรมรถกระเช้า ขณะที่แม็คดอนเป็นผู้ผลิตเครื่องตัดฟางและพืชผลการเกษตรชนิดขับเคลื่อนด้วยตัวเองสำหรับอุตสาหกรรมเก็บเกี่ยวทางเกษตรกรรม ขณะที่ในส่วนของยานยนต์แบ่งออกเป็น 3 ภูมิภาค ได้แก่ อเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก โดยในส่วนของยานยนต์นั้น กลุ่มระดับภูมิภาคมีการดำเนินงานแบบบูรณาการในแนวดิ่ง โดยผสานความเชี่ยวชาญในการหล่อ การหลอม การขึ้นรูป และประกอบโลหะเบาสำหรับตลาดยานพาหนะทั้งพลังงานไฟฟ้าและพลังงานดั้งเดิม ผลิตภัณฑ์ในส่วนของยานยนต์นั้นมุ่งเน้นทั้งส่วนประกอบและระบบส่งกำลังยานยนต์พลังงานใหม่ ลำตัวและโครงรถยนต์ ระบบขับเคลื่อน เครื่องยนต์ และระบบเกียร์ของยานยนต์ โดยบริษัทแม็คลาเรน เอนจิเนียริง เป็นผู้รับผิดชอบด้านการออกแบบ พัฒนา และทดสอบการบริการสำหรับภาคส่วนยานยนต์ ลินามาร์มีพนักงาน 26,000 คนในฐานการผลิต 60 แห่ง ศูนย์วิจัยและพัฒนา 12 แห่ง รวมถึง สำนักงานขาย 25 แห่งใน 17 ประเทศในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป และเอเชีย โดยทำรายได้มากถึง 7.4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562 ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับลินามาร์ คอร์ปอเรชัน และผลิตภัณฑ์และบริการชั้นนำของแวดวงอุตสาหกรรมได้ที่เว็บไซต์ www.linamar.com หรือติดตามเราผ่านทางทวิตเตอร์ @LinamarCorp
สื่อมวลชนติดต่อ :
ฟอร์เรสต์ กิตลิน (Forrest Gitlin)
บริษัทโปรเซ็ค พาร์ทเนอร์ส (Prosek Partners)
อีเมล: fgitlin@prosek.com
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1527734/STT_LRG_031417_Logo.jpg