ศูนย์การเงินนานาชาติดูไบ หรือ ดีไอเอฟซี (Dubai International Financial Centre: DIFC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินชั้นนำระดับโลกของภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้ ทำผลงานประจำปียอดเยี่ยมที่สุดนับตั้งแต่การก่อตั้ง
ดีไอเอฟซีได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกด้วยปีแห่งการเติบโตอันแข็งแกร่งแม้เผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก ด้วยการบรรลุเป้าหมายภายใต้ยุทธศาสตร์การเติบโตปี 2567 หรือ 2024 Strategy ก่อนกำหนดถึง 3 ปี ตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 โดยดีไอเอฟซีดึงดูดบริษัท 996 แห่งเข้าจดทะเบียนในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในระยะเวลาหนึ่งปี เพิ่มขึ้น 36% จากปี 2563 และตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขเฉลี่ยในรอบทศวรรษมากกว่า 3 เท่า ขณะเดียวกัน จำนวนบริษัททั้งหมดที่ดำเนินงานในดีไอเอฟซีเพิ่มขึ้น 25% สู่ระดับ 3,644 แห่ง จาก 2,919 แห่งในปี 2563 โดยมีบริษัทด้านการเงินและนวัตกรรมรวมทั้งสิ้น 1,124 แห่งที่ดำเนินงานในดีไอเอฟซี เพิ่มขึ้น 23% จาก 915 แห่งในปี 2563
ในจำนวนบริษัททั้งหมด 3,644 แห่งนั้น ประกอบด้วยธนาคาร 17 แห่งจากธนาคารชั้นนำ 20 อันดับแรกของโลก, สถาบันการเงิน 25 แห่งจากสถาบันการเงินที่มีความสำคัญต่อระบบการเงินโลก 30 อันดับแรกของโลก, บริษัทประกันชั้นนำ 5 จาก 10 แห่ง, บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ชั้นนำ 5 จาก 10 แห่ง รวมถึงบริษัทกฎหมายและบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลกอีกจำนวนมาก
การเติบโตอันเด่นชัดนี้ครอบคลุมธุรกิจทุกภาคส่วน ทั้งธนาคาร ตลาดทุน การบริหารความมั่งคั่งและสินทรัพย์ ตลอดจนบริการเฉพาะกิจ โดยตัวเลขลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณมาจากภาคฟินเทคและนวัตกรรม โดยในปี 2564 ลูกค้าในภาคส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นแตะ 503 ราย จาก 303 รายในปี 2563
บริษัทน่าจับตาที่จดทะเบียนในดีไอเอฟซีเมื่อปี 2564 ได้แก่ แอร์ ลิควิด มิดเดิล อีสต์ แอนด์ อินเดีย โฮลดิ้ง (Air Liquide Middle East & India Holding Limited), เบนทอลกรีนโอ๊ก แอดไวเซอร์ส สหราชอาณาจักร (BentallGreenOak Advisors (UK) LLP), ดีพี เวิลด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส (DP World Financial Services), ดูอัล คอร์ปอเรท ริสก์ (Dual Corporate Risks Limited), เจเนอรัล รีอินชัวรันส์ (General Reinsurance AG), ฮาวเดน อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ส (Howden Insurance Brokers Limited), ไฮน์ส (Hines), มาโมเพย์ (Mamopay), ริชมอนต์ (Richemont) และ ธันเดอร์เบิร์ด โกลบอล อินโนเวชัน เซ็นเตอร์ (Thunderbird Global Innovation Center)
ด้านการจ้างงานในดีไอเอฟซีเติบโต 11% สู่ระดับ 29,700 ตำแหน่ง โดยเพิ่มขึ้นสุทธิราว 3,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นการเติบโตสุทธิสูงสุดในรอบทศวรรษ โดยเป็นการว่าจ้างพนักงานทักษะสูง 150 สัญชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ช่วยสร้างจีดีพีต่อหัวสูงที่สุดในทุกภาคส่วนเศรษฐกิจของดูไบ
นอกจากนี้ ในปี 2564 ดีไอเอฟซียังกวาดรายได้และกำไรจากการดำเนินงานต่อปีสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยรายได้เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 897 ล้านเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จาก 774 ล้านเดอร์แฮมในปี 2563 และเพิ่มขึ้น 7% จาก 838 ล้านเดอร์แฮมในปี 2562 ส่วนกำไรจากการดำเนินงานในปี 2564 อยู่ที่ระดับ 573 ล้านเดอร์แฮม เพิ่มขึ้น 26% จาก 457 ล้านเดอร์แฮมในปี 2563 และเพิ่มขึ้น 13% จาก 510 ล้านเดอร์แฮมในปี 2562
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1749022/Dubai_International_Financial_Centre.jpg