- ตั้งเป้ายอดขายสุทธิ 9.3 แสนล้านเยน และรายได้จากการดำเนินงาน 1.2 แสนล้านเยนในระยะที่ 1 (ปีการเงิน 2567)
ออมรอน คอร์ปอเรชั่น (OMRON Corporation) (สำนักงานใหญ่: ชิโมเกียวคุ เกียวโต ประธานและซีอีโอ: โยชิฮิโตะ ยามาดะ) ได้ประกาศวิสัยทัศน์ระยะยาวใหม่สำหรับปีงบประมาณ 2573 และแผนการจัดการระยะกลาง 3 ปีในงานแถลงข่าวออนไลน์ที่จัดขึ้นในวันนี้ ด้วยวัตถุประสงค์ในการเร่งและขยับขยายการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนทั่วโลก วิสัยทัศน์ใหม่นี้มุ่งแก้ปัญหาทางสังคมอย่างหลากหลายมากขึ้นผ่านเทคโนโลยี "Sensing & Control + Think" ของออมรอน ตามที่คุณโยชิฮิโตะ ยามาดะ (Yoshihito Yamada) ประธานและซีอีโอของออมรอนได้อธิบายเอาไว้
วิสัยทัศน์ใหม่นี้มีชื่อว่า "Shaping the Future 2030 (SF2030)" โดยต่อยอดมาจากปรัชญาการจัดการตามหลักการของออมรอนที่มีชื่อเสียง ซึ่งเน้นย้ำถึงความปรารถนาอย่างจริงใจของออมรอน ในการกำหนดรูปแบบสังคมที่ยั่งยืนผ่านการสร้างสังคมและคุณค่าขององค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยรวมการเติบโตทางธุรกิจและความยั่งยืนไว้ด้วยกัน
ออมรอนเดินหน้าตามความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยหยุดนิ่งของภาวะทางเศรษฐกิจและสังคมตลอด 89 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ก่อตั้ง (ตั้งแต่ปี 2476) จนทำให้ออมรอนเจริญรุ่งเรืองและรักษาการเติบโตโดยดำเนินตามวิสัยทัศน์ในการมีส่วนทำให้เกิดสังคมที่ดีขึ้น ด้วยการแก้ปัญหาทางสังคมผ่านระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม การดูแลสุขภาพ และระบบสังคม
ออมรอนมองว่าทศวรรษที่จะมาถึงนี้จะบ่งบอกถึงการถือกำเนิดของ 'สังคมอิสระ' [1] และเปิดเผยประเด็นทางสังคมที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น วิสัยทัศน์ระยะยาว SF2030 ของออมรอน จึงกำหนดวิธีการเพิ่มขีดความสามารถของมนุษย์ให้สูงสุดผ่านเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติที่มุ่งเน้นผู้คน สิ่งนี้ครอบคลุมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่กลมกลืนและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร บริษัทเชื่อว่าความสามัคคีนี้เป็นกุญแจสำคัญในการดึงเอาสิ่งที่ดีที่สุดออกมาช่วยพวกเขาในการแก้ปัญหา และนำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้นและเติมเต็มมากขึ้น สิ่งนี้จะผลักดันให้บริษัทสร้างค่านิยมองค์กรและสังคมใหม่ ๆ ทำให้สามารถรักษาและเสริมสร้างจุดประสงค์ในการดำรงอยู่ได้
"แม้เราจะสนับสนุนความสามารถในการทำกำไร การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง การดำเนินการจัดการความยั่งยืน และค่านิยมองค์กรของเราผ่านการเสริมสร้างการกำกับดูแลกิจการและการจัดการความเสี่ยงได้ แต่ระบบเศรษฐกิจและสังคมยังคงมีพลวัตและยังคงเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เราตั้งเป้าที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับโมเดลการเติบโต และพัฒนาการจัดการองค์กรของเราต่อไปเพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจจะเติบโตอย่างยั่งยืน" นายโยชิฮิโตะ ยามาดะ ประธานและซีอีโอของออมรอน คอร์ปอเรชั่น กล่าว
ออมรอนตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่ใกล้จะเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ จากการบริโภคและการผลิตจำนวนมากไปแสวงหาความยั่งยืนในระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสังคมอิสระ โดยคุณยามาดะอธิบายเพิ่มเติมว่า "การเปลี่ยนแปลงจะมาพร้อมกับการหยุดชะงักในระบบสังคมที่นำโดยหลาย ๆ ปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประชากรสูงอายุ และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นระหว่างบุคคล เป็นต้น สถานการณ์นี้จะก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมใหม่และซับซ้อน ซึ่งจะต้องมีโซลูชันที่ใช้เทคโนโลยีที่ใหม่และยั่งยืน และนี่คือที่ที่เราตั้งเป้าส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเรา หากเราทำเช่นนั้น เราจะไม่เพียงสร้างคุณค่าทางสังคมมากขึ้น แต่ยังจะเพิ่มค่านิยมองค์กรของเราให้สูงสุดโดยอัตโนมัติอีกด้วย"
ประเด็นทางสังคมสามประการที่ออมรอนยกให้เป็นโอกาสที่เกี่ยวข้อง และมีเป้าหมายที่จะแก้ไขผ่านธุรกิจของบริษัทตามวิสัยทัศน์ SF2030 คือความสำเร็จในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน การทำให้สังคมดิจิทัลเป็นจริง และการขยายอายุขัยที่มีสุขภาพดี
บริษัทตั้งเป้าในการทำยอดขายสุทธิให้ได้ 9.3 แสนล้านเยน และรายได้จากการดำเนินงาน 1.2 แสนล้านเยน (ปีงบประมาณ 2565 ถึงปีงบประมาณ 2567) ซึ่งเป็นระยะที่ 1 ของแผนการจัดการระยะกลาง 3 ปีตามวิสัยทัศน์ SF2030 โดยจะมุ่งแก้ไขปัญหาทางสังคมตามทิศทางธุรกิจต่อไปนี้
- ระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม: ธุรกิจนี้จะกระตุ้นความก้าวหน้าของการผลิตที่พร้อมสนับสนุนสังคมที่ยั่งยืน ออมรอนจะยังคงมุ่งเน้นที่การบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และเพิ่มผลิตภาพในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจะพัฒนาระบบอัตโนมัติที่มีความล้ำหน้า เพื่อมุ่งสร้างพื้นที่การผลิตที่สร้างอนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งสิ่งแวดล้อมโลกและความพึงพอใจของพนักงานมีความกลมกลืนกัน
- การดูแลสุขภาพ: ออมรอนขับเคลื่อนด้วยความก้าวหน้าอย่างมากตามทิศทาง "Zero Events" ที่กำลังดำเนินอยู่ (ความพยายามในการลดโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดให้เหลือศูนย์) โดยจะเน้นย้ำจุดเน้นในด้านการป้องกันและติดตามการรักษาพยาบาลทางไกลในขณะที่ยังคงสนับสนุนการใช้งานอุปกรณ์การแพทย์แบบใช้ที่บ้าน และการจัดการความดันโลหิตสูงโดยอาศัยข้อมูล เพื่อให้มั่นใจว่าผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพและชีวิตที่มีสุขภาพดีขึ้น
- โซลูชันเพื่อสังคม: ออมรอนส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนเพื่อสนับสนุนการยังชีพแบบดิจิทัลของสังคมอิสระที่กำลังจะเกิดขึ้น ออมรอนจะใช้เทคโนโลยีการควบคุมพลังงานขั้นสูง เพื่อเก็บ รักษา และปรับพลังงานให้เหมาะสม
- โดเมนโซลูชันอุปกรณ์และโมดูล: ออมรอนจะให้การสนับสนุนมากขึ้นในการส่งเสริมพลังงานใหม่และการสื่อสารความเร็วสูง โดยเปิดโอกาสในการสร้างอุปกรณ์ที่ทนทาน ขั้นสูง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้ชีวิตของผู้คนง่ายขึ้นและดีขึ้น
นอกเหนือจากเป้าหมายทางการเงินแล้ว บริษัทยังได้กำหนดเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางการเงิน 10+1 ข้อรวมไว้ในเป้าหมายการจัดการด้วย เป้าหมายที่ไม่ใช่ทางการเงินเหล่านี้มีส่วนคล้ายกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) และความต้องการของชุมชนท้องถิ่นจำนวนมาก ซึ่งเน้นย้ำถึงความสอดคล้องในความมุ่งมั่นของบริษัทที่มีต่อสังคม
เพื่อสนับสนุนเป้าหมายอันทะเยอทะยานเหล่านี้ ออมรอนมุ่งมั่นในการพลิกโฉมรูปแบบการจัดการองค์กรและความสามารถขององค์กร โดยได้ริเริ่มดำเนินการสำคัญเหล่านี้
- เปลี่ยนมุมมอง จากมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์เป็นมุ่งสร้างคุณประโยชน์จำเป็น: ออมรอนกำลังเปลี่ยนมุมมองจากเพียงแค่การสร้างคุณประโยชน์โดยอิงกับประสิทธิภาพและคุณภาพ ไปเป็นการสร้างคุณค่าที่จำเป็นซึ่งจะให้ข้อเสนอแก่ผู้ใช้มากกว่าการแก้ปัญหาในการดำเนินงานขณะนั้น ช่วยให้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหาสังคมและอุตสาหกรรมที่ใหญ่ขึ้น
- วิวัฒนาการของโมเดลธุรกิจ: บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายขอบเขตความร่วมมือและการสร้างเครือข่ายกับองค์กรและผู้ร่วมงานทางธุรกิจที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เพื่อหาแนวทางแก้ไขที่ดีและใหม่กว่า
- ให้ความสำคัญกับ "ความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก" มากขึ้น: ออมรอนเชื่อว่าทรัพยากรบุคคลเป็นกุญแจสำคัญในการนำ SF2030 ไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในการพัฒนาความสามารถพิเศษ และการบำรุงเลี้ยงวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรที่ปลอดภัยทางจิตใจและครอบคลุม ส่งเสริมให้บุคคลที่หลากหลายแสดงพรสวรรค์และความสามารถในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ
- การปรับปรุงความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน: เพื่อให้รองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ นอกจากนี้ยังรวมถึงความพยายามที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การปรับปรุงความสามารถในการพัฒนาการออกแบบ และการกระจายอำนาจของไซต์การผลิต
- การเสริมสร้างความเข้มแข็งของความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืน: เพื่อให้ธุรกิจบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมาย และเคารพสิทธิมนุษยชนในระดับโลก ด้วยการจัดลำดับความสำคัญของภารกิจเหล่านี้ ออมรอนไม่เพียงแต่เติมเต็มความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยการเพิ่ม "คุณค่าด้านสิ่งแวดล้อมและมนุษย์" ด้วย
- เร่ง "การดำเนินงานขององค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลผ่าน DX": เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและส่งเสริมบุคลากรด้วยรูปแบบการทำงานที่แข็งแกร่ง ปลอดภัย และก้าวหน้าโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล
"ด้วยวิสัยทัศน์ SF2030 เป้าหมายของเราคือการสร้างสังคมที่ดีขึ้น และในขณะเดียวกันก็กลายเป็นกลุ่มองค์กรที่ผู้คนพึ่งพาได้เสมอ องค์กรที่ยังคงทำได้ตามความคาดหวังที่สูงของผู้คนจากทั่วโลก" นายยามาดะ กล่าวสรุป
[1] : ทฤษฎี SINIC ซึ่งกำหนดแนวคิดโดยคุณคาซูมะ ทาเทอิซิ (Kazuma Tateisi) ผู้ก่อตั้งออมรอน ระบุว่า สังคมแห่งการหาความเหมาะสม (Optimization Society) ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของสังคมอุตสาหกรรม (Industrialized Society) เริ่มขึ้นในปี 2548 ต่อจากสังคมสารสนเทศ (Information Society) และต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสังคมอัตโนมัติ (Autonomous Society) ภายในปี 2568 สังคมอัตโนมัติจะมีลักษณะเฉพาะด้วยความปรารถนาของมนุษย์โดยมุ่งหมายที่จะสร้างชีวิตที่อุดมสมบูรณ์และการเติมเต็มในตนเอง โดยอาศัยความสัมพันธ์ที่กลมกลืนกันระหว่างผู้คนกับเครื่องจักร อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
หมายเหตุบรรณาธิการ:
เกี่ยวกับออมรอน:
ออมรอน คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้นำระดับโลกในแวดวงระบบอัตโนมัติ โดยใช้เทคโนโลยีแกนหลักของบริษัทอย่าง "Sensing & Control + Think" ออมรอนดำเนินธุรกิจครอบคลุมหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ควบคุม ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงระบบสังคม และโซลูชันดูแลสุขภาพ ออมรอนก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2476 ปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 30,000 รายทั่วโลก ที่ทำงานเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการในประมาณ 120 ประเทศและภูมิภาค
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.omron.com/global/en/