สถาบันโครงการลงทุนเพื่ออนาคต (The Future Investment Initiative Institute หรือ FII Institute) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด ESG ในตลาดเกิดใหม่ (ESG in Emerging Markets) ที่กรุงลอนดอน ซึ่งผู้นำโลก ซีอีโอระดับโลก นักลงทุนนานาชาติ ผู้นำทางความคิด และผู้นำด้านความยั่งยืน มารวมตัวกันที่งานนี้เพื่อร่วม
- เปิดตัวกรอบการดำเนินงานและวิธีการให้คะแนน ESG(TM) ที่ครอบคลุม (Inclusive ESG(TM) Framework and Scoring Methedology) เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสาร และเร่งการลงทุน ESG ในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
- เปิดตัวรายงาน ESG White Paper ซึ่งเรียกร้องให้นักลงทุน รัฐบาล และบริษัทในตลาดเกิดใหม่ปรับปรุงการดำเนินงานด้าน ESG
- ประกาศการลงทุน 500,000 ยูโรในทิมบีเตอร์ (Timbeter) บริษัทเทคโนโลยีสีเขียวชั้นนำ
กรอบการดำเนินงานและวิธีการให้คะแนน ESG(TM) ที่ครอบคลุม มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างการจัดอันดับที่เป็นกลาง ไม่มีอคติ สำหรับบริษัทในตลาดเกิดใหม่ซึ่งปัจจุบันได้รับกระแสเงินลงทุน ESG น้อยกว่า 10% ทั้งที่ตลาดเกิดใหม่เป็นบ้านของประชากรเกือบ 90% ของโลก และมี GDP คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของโลก หน่วยงานจัดอันดับ ESG เป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญต่อการเพิ่มการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (EM) ปัจจุบันหน่วยงานจัดอันดับหลัก ๆ ใช้ตัวชี้วัด (KPI) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตลาดเกิดใหม่ กรอบการดำเนินงานที่มีอยู่ในปัจจุบันมุ่งเน้นที่การเปิดเผยข้อมูลมากจนเกินไป และไม่สนใจเกี่ยวกับการปรับปรุงผลการดำเนินงานแบบปีต่อปี แต่กรอบการดำเนินงานใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากเอินส์ท แอนด์ ยัง (Ernst & Young หรือ EY) ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการดำเนินงานมากกว่าการเปิดเผยข้อมูล โดยเน้นที่ความท้าทายของแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมมากกว่าความเสี่ยงของประเทศ เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่ยุติธรรมระหว่างบริษัทต่าง ๆ ทั้งในตลาดเกิดใหม่และตลาดที่พัฒนาแล้ว
สถาบัน FII แสดงให้เห็นว่าทางองค์กรไม่เพียงแค่พูด แต่ยังลงมือทำ ด้วยการลงทุน 500,000 ยูโรในทิมบีเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีสีเขียวชั้นนำที่เชี่ยวชาญด้านการวัดขนาดต้นไม้ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน ความยั่งยืน และการรับรองให้สอดคล้องกับกระบวนการ ESG ทิมบีเตอร์ใช้แอปพลิเคชั่นโฟโตออปติก (photo-optics) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อให้ทราบจำนวนของท่อนไม้ในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องด้วยความยาวและเส้นผ่านศูนย์กลางที่แม่นยำ เทคโนโลยีนี้เป็นกุญแจสำคัญสำหรับการจัดการป่าไม้ในเชิงรุกและยั่งยืนมากขึ้น
สำหรับรายงาน ESG White Paper ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการลงทุน ESG ในตลาดเกิดใหม่ให้มากขึ้น โดยเรียกร้องให้:
- นักลงทุนให้คำมั่นต่อสาธารณะที่จะเพิ่มสัดส่วนของเงินทุนที่จัดสรรให้กับตลาดเกิดใหม่ (EM) จากไม่ถึง 10% ในปัจจุบัน เป็นขั้นต่ำ 30% ของเงินลงทุนและเงินทุนที่ตั้งใจไว้ภายในปี 2573
- รัฐบาลสนับสนุนให้บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในตลาดเกิดใหม่เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องผ่านช่องทางการรายงานตามปกติ
- บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ในตลาดเกิดใหม่เพิ่มคำชี้แจงเพื่ออธิบายว่าการดำเนินการด้าน ESG สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในท้องถิ่น และขับเคลื่อนคุณค่าที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดได้อย่างไร ซึ่งรวมถึงการบริหารความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน
ริชาร์ด อัตเทียส (Richard Attias) ซีอีโอสถาบัน FII กล่าวว่า "หัวใจการทำงานของเราที่สถาบัน FII คือ การเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับจุดอ่อนของมาตรฐาน ESG ในปัจจุบัน และผลกระทบที่มีต่อแนวโน้มความยั่งยืนทั่วโลก ตลอดจนเพื่อสนับสนุนการใช้ ESG อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ด้วยการปฏิบัติจริงโดยผู้เล่นรายสำคัญทั่วโลก
"ESG เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การลงทุนที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยคิดเป็น 1 ใน 3 ของสินทรัพย์ทั้งหมดภายใต้การบริหาร แต่การเติบโตนี้ไม่เท่ากัน เราทำงานร่วมกับพันธมิตรของเราที่เอินส์ท แอนด์ ยัง เพื่อค้นหาและขจัดอุปสรรคการลงทุน ESG ในตลาดเกิดใหม่ซึ่งมักถูกมองข้าม เรากำลังดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับมนุษยชาติ ด้วยการเปิดตัวกรอบการดำเนินงานและวิธีการให้คะแนน ESG(TM) ที่ครอบคลุม การลงทุนในบริษัทโซลูชั่นที่ยั่งยืนระดับโลก และการเผยแพร่รายงาน ESG White Paper เรามั่นใจว่าพันธมิตรของเราทั่วโลกจะช่วยผลักดันการดำเนินการเหล่านั้นต่อไป"
หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ
การประชุมสุดยอด "ESG ในตลาดเกิดใหม่" เป็นการรวมตัวของผู้นำและผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติมากกว่า 40 คนที่มาให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอนาคตของ ESG และอนาคตของความยั่งยืน โดยได้รับเกียรติจากวิทยากร ได้แก่ ยาซีร์ อัล-รูเมย์ยัน (H.E. Yasir Al-Rumayyan) ประธานสถาบัน FII ผู้ว่าการกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (Public Investment Fund) และประธานบริษัทซาอุดี อารามโค (Saudi Aramco), ดร. ยัสมิน ฟูอัด (H.E. Dr. Yasmine Fouad) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของอียิปต์, แลร์รี ฟิงค์ (Larry Fink) ซีอีโอบริษัทแบล็กร็อก (Blackrock), วุฒิสมาชิก มัตเตโอ เรนซี (Matteo Renzi) อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลี, ลอร์ด เจอร์รี กริมสโตน แห่งบอสโคเบล (Lord Gerry Grimstone of Boscobel Kt) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนของสหราชอาณาจักร, เดวิด ชวิมเมอร์ (David Schwimmer) ซีอีโอกลุ่มบริษัทตลาดหุ้นลอนดอน (London Stock Exchange Group) และอีกมากมาย
สถาบัน FII เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรระดับโลก จัดตั้งขึ้นเพื่อผลักดันแผนปฏิบัติการหนึ่งเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อมนุษยชาติ นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2562 สถาบันได้เปิดตัวโครงการริเริ่มหลายโครงการเพื่อสร้างหลักการ ESG ที่ครอบคลุม และปรับปรุงการดำเนินงานด้าน ESG เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสและยั่งยืนมากขึ้นสำหรับมนุษยชาติ
ติดต่อ:
รีม อัลซาอุด (Reem Alsaud)
อีเมล: reem.alsaud@fii-institute.org
โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/1822531/FII_Institute_Logo.jpg